โลกถูกย่อให้เล็กลง ที่นี่ผู้คนยิ้มแย้ม มองไปทางไหนก็เจอเพื่อนต่างชาติ หลากภาษา ณ. อ่าวฮาลอง (Halong Bay) มรดกโลกทางธรรมชาติ (Natural World Heritage) ด้วยความสำคัญทางธรณีสัณฐาน (geomorphology) และภูมิประเทศที่สวยงามด้วยเกาะแก่ง ภูเขารายล้อมทำให้ อ่าวฮาลอง ประเทศเวียดนามเป็นที่หมายปลายทางของนักท่องเที่ยว คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล เราจะมาใช้ชีวิตที่นี่ 1 คืนสองวันท่องเที่ยวในอ่าวฮาลอง และนอนในเรื่อโดยซื้อทัวร์จากฮานอย (local tour, Asia cruise) ใครชอบการท่องเที่ยวแบบนี้ก็ขอเชิญชวนว่าควรไป แต่ถ้ายังไม่ได้ไปก็เชิญสัมผัสด้วยภาพและตัวอักษรก่อนค่ะ สนุกไม่น้อยเลยหล่ะ..การันตี
ออกจากโรงแรมในฮานอยเดินทางโดยรถโค๊ชไปยังอ่าวฮาลอง ก่อนไปได้ฝากสัมภาระส่วนหนึ่งไว้ที่โรงแรม หลังจากคิดค่าเข้าพักตั้งแต่คืนวันจันทร์-พุธ จำนวน 3 ห้อง standard ก็ปาเข้าไป 14 ล้านเงินดอง..แฮ่ๆ...คิดกลับเป็นเงินไทยก็ไม่มากนัก ได้รับบอกเล่าว่าพร้อมเดินทาง 8 โมงเช้า แต่จะมีทัวร์ไกด์มารับทีมเรา 7 โมง เรานั่งรถโค๊ช ตระเวณชมเมืองรอบแล้วรอบเล่าอีกหลายรอบ เพื่อรับผู้โดยสารซึ่งพำนักในโรงแรมละแวกนั้น เช้านั้นอิ่มตา อิ่มใจไปกับวิถียามเช้าบนท้องถนนของผู้คนที่นี่
ภาพที่ชินตาพบได้ทั่วมุมถนน เห็นจะเป็นควันกรุ่น ๆ จากถ้วยน้ำชา หรือเครื่องดื่มร้อนๆ ผู้คนนั่งละเลียดจิบไปคุยไปบนเก้าอี้เตี้ยๆ คงเหมาะกับสรีระของผู้คนที่นี่ ซึ่งมีโครงร่างเปรียวๆ เล็กๆ เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเห็นคนอ้วน อาจเป็นเพราะอาหารการกินที่นี่เน้นผัก น้อยครั้งที่จะเห็นผู้หญิงนั่งจิบน้ำชาที่ริมถนน ปล่อยให้หนุ่มมาก หนุ่มน้อยสำราญใจไปกับเพื่อนฝูง มีผู้คนเดินผ่านไปมาราวกับม่านบังตาที่เคลือนไหวในห้องนั่งเล่นยามเช้า ถึงแม้ว่ารถโค๊ชที่เรานั่งเวียนผ่านหลายรอบก็ยังเห็นผู้คนกลุ่มเดิมนั่งคุยกัน ใช้เวลาไม่น้อยกับสัพเพเหระในสภาน้ำชา และคนบริการก็ใช่ใคร คุณป้าหรือคุณน้าผู้หญิง คอยบรรจงรินน้ำชาให้แก่ลูกค้ายามเช้า นี่คงจะเป็นเสน่ห์ของสตรีเพศที่ได้รับมรดกมาทางวิวัฒนาการ ให้ดูแล เอาใจใส่ เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่ความภูมิใจไม่น้อยในบทบาทนี้ และทำหน้าที่นี้ได้ดีในเกือบทุกมุมเมืองของโลก และโดยเฉพาะแถบเอเชีย
รอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ กว่าลูกทัวร์ครบตามบัญชีรับส่งจากในเมือง อืม!!จะต้องไปใช้ชีวิตบนเรือกับผู้คนเหล่านี้ถึง 1 คืนสองวันเชียวนะ ฝึกรู้จักกันให้ถ่องแท้ ใครเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเรือล่มในหนอง อุ๊บไม่ใช่..ก่อนที่จะลงเรือไปสูดอากาศบริสุทธิ์และทำกิจกรรมร่วมกัน ภายใต้การนำของทัวร์ไกด์คนเดียวกัน
จริงๆ แล้วทริบในอ่าวฮาลองสามารถเลือกได้อาจจะเป็น สองวันสามคืนก็ได้ ราคาก็จะแพงขึ้น จะได้เที่ยวหลายเกาะ เช่นที่เกาะกัดบา (Cat ba) มีกิจกรรมปืนเขาและสามารถนอนบนเกาะได้เพราะมีรีสอร์ท จะได้ส่องดูนกให้ชุ่มใจ อย่างนี้ต้องไปกับทีมบูรงตานี จะได้ลุยทั้งขึ้นเขา ดูนก พายเรือคะยัก และรื่นเริงบันเทิงบนเรือ คงสนุกไม่น้อย แต่ไม่เป็นไรไปเที่ยวอีกก็ได้ถ้าชาวบูรงตานีจะไป ไปเที่ยวไหนๆ ก็อยากให้คนที่รักๆกันไปด้วยกัน ไปครบครันจะได้ไม่ต้องคิดถึงใครข้างหลัง ทีมบูงตานี ใครๆอยากไป อย่าลืมบอกผ่านมานะ...เผื่อจะได้พาไปเที่ยว
ออกจากฮานอย...ซะที,Off we went, อ่าวฮาลองอยู่ห่างจากตัวเมืองฮานอยไปทางตะวันตก ด้วยระยะทางเพียง 170 กม. ตามคำบอกเล่า ใช้เวลาเดินทางถึง 3 ชั่วโมงครึ่งถึง 4 ชั่วโมง น่าฉงน!!!ใช่จริง ๆ เวลาที่ใช้ในการเดินทาง...เขาว่าอย่างงั้น ประมวลคร่าวๆ ในใจถ้าเราขับเองที่บ้านเรา ระยะทางเท่านี้นะหรือต่อให้ครึ่งหนี่งเลย...ทำไงได้ ที่นี่เวียดนาม การขับขี่บนทางหลวงควบคุมจำกัดความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. เท่านั้น บางที่ก็ลดลงมาเป็น 40 กม./ชม. เพราะฉะนั้นใครใจไม่เย็นพอ ขอร้องว่าต้องฝึกยอมรับถ้าจะไปท่องเที่ยวในเวียดนาม มิฉะนั้นจะเหนื่อยกับการนั่งลุ้นว่าเมื่อไหร่จะถึง เปลี่ยนความคิด กลับมานั่งชมวิว เพลิดเพลินไปกับสิ่งแปลกตา แปลกใจ
ตลอดเส้นทางที่เราผ่าน ท้องทุ่งเขียวขจีไปด้วยข้าวในนา ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกของเวียดนามที่เป็นคู่แข่งกับบ้านเรา แปลงนาแต่ละแปลงมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ต่อกันเป็นผืนใหญ่ บางแปลงข้าวชูช่อตั้งท้อง แต่ยังไม่น้อมรวง ก็คงยังไม่แก่นะ?? ชาวนาสวมใส่หน้ากาก (mask) เร่งฉีดพ่นสาร เห็นเป็นละอองฝอย บ้างก็เร่งโรยปุ๋ย วัว ควายและเล็มหญ้าในท้องทุ่ง แต่นกยางที่คู่กับนาข้าว เช่นยางเปีย ยางควาย แทบจะไม่เห็นเลยขณะเดินทางเกือบ 4 ชั่วโมง เกิดความสงสัยขึ้นยิ่งนัก ว่าอะไรคือสาเหตุ ...อาหาร (ลูก กุ้งปลาไม่มี??) หรือมีสารเคมี ปนเปื้อนในท้องทุ่ง ชาวนาจะใช้สารเคมีทำลายปูนา หรือหนูนา แบบบ้านเราหรือป่าว???คิดเรื่อยเปือยเรื่องนกไปตามบริบทต่าง ๆ ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องมันชวนคิด ขณะเดียวกันก็ฝึกจิตเป็นธรรมะปฏิบัติไปด้วย ถึงช้าๆ ก็ดี จะได้สุขใจ และผ่อนคลาย
ก่อนเข้าอ่าวฮาลอง ระบบนิเวศเปลี่ยนไป ทุ่งนาเริ่มน้อยลง จะเป็นเขาหินปูน กระจายตัวเป็นหย่อมๆ รูปทรงไม่แปลกตา ต้นไม้บนเขาจะเป็นพืชในกลุ่ม Coniferous มองเห็นคล้ายๆ สนสองใบ สามใบ หรือมีแปลงยูคาลิบตัส ก่อนเข้าถึงขอบอ่าวฮาลอง มีเส้นทางแพรกน้ำเชื่อมโยงกับอ่าว ไม่เห็นเป็นแม่น้ำใหญ่ พืชชายเลนริมอ่าวเห็นไกล ๆ ดูแปลกตา สงสัยว่าเป็นสายพันธุ์ใด??โกงกาง แสม หรือชนิดอื่นๆ ก็ยังบอกไม่ได้ เห็นแต่ต้นขนาดเล็ก ๆ มีเพียงต้นโพธิ์ทะเลขึ้นอยู่ในพื้นที่ บริเวณถนนเลียบเข้าอ่าวได้รับการพัฒนาแบบน่าใจหาย สื่อสารว่ามีการรุกรานและปรับเปลี่ยนถมพื้นที่อ่าว การก่อสร้างอาคารและทิ้งงานไว้มีให้เห็นมากมาย คงเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ลงตัวทางธุรกิจ??? ก่อนเข้ามายังท่าเทียบเรือ (harbor) ซึ่งมองเร็วๆ ก็มีหลายท่า พื้นที่อ่าวถูกถมเป็น reclaimed land ดูแล้วเศร้ากับการพัฒนาพื้นที่ในมรดกทางธรรมชาติของโลก...
การพัฒนาคือการหยุดพัฒนา ดังที่อายิ อาแว ปราชญ์ชาวบ้านแห่งบ้านอาซ่อง ยะลาพูดถึงไว้ได้น่าคิด...เมื่อมีมนุษย์เข้าไปรบกวนระบบนิเวศด้วยการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ จนเกิดความไม่สมดุลของธรรชาติที่เคยอยู่กันอย่างลงตัวแบบองค์รวม.. ไม่แยกส่วนดั่งเช่นการพัฒนาในแนวคิดของคน
ความสำราญบนเรือเอเชียครุยส์ AsiaCruise…. “Welcome on board”โลกใบเล็กจำลองมาให้ได้เรียนรู้....ชีวิตบนเรือ “Life on board”ก้าวเท้าขึ้นเรือ เจ้าของตาคมสวยส่งรอยยิ้มหวานมาทักทาย..อือม!!มิใช่ใครอื่น เป็นเพื่อนร่วมทัวร์ที่มานั่งรออยู่แล้ว ตามด้วยเสียงทักทาย “Where are you from??” เราก็ตอบอย่างภาคภูมิว่า “We’re from Thailand” ตอบครั้งเดียวดังๆ ก็รู้ทั่วกันทั้งเรือ
มิตรภาพที่อบอุ่นส่งผ่านมายังเรามาจากสามสาว ที่มีถิ่นพำนักใน UK (อังกฤษ) ฮาลิมา อาติฟะ และเพือนมีรูปร่างหน้าตาบ่งบอกความเป็นชาวเอเชีย (Asian look)คุยกับเราว่าพ่อแม่ของเขาเป็นชาวปากีสถานและบังคลาเทศ แต่พวกเขาเกิดและโตใน UK...ทริปนี้เลยได้โอกาสแสดงความยินดี (Congratulations with big hugs)กับสองสาวที่เพิ่งจะผ่านการสอบ board วิชาชีพหมอ และะมีคุณสมบัติพร้อมที่จะประกอบอาชีพแพทย์ได้แล้ว ช่างเป็นความน่าภาคภูมิใจ ส่วนอีกหนึ่งสาวเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทำงานในบริษัททางด้านชีวเคมี แต่ลาออกมาเพื่อค้นหาตัวตนให้ชัดเจนก่อน ทั้งหมดมีถิ่นอาศัย แถว Surrey, UK
การสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนาน คละเคล้าเสียงหัวเราะ มีฉากหลังของภูเขารูปสวย ผ่านตาเป็นระยะๆ ขณะล่องเรือไป เราแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ ด้วยเคยไปใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองเรียนหนังสือที่ Cardiff, UK การออกมาเที่ยวอย่างนี้เป็นการให้รางวัลกับชีวิตและ หนุ่มสาวมักจะเลือกเรียนรู้ชีวิตผ่านการท่องเที่ยว เติมเต็มชีวิตผจญโลกกว้าง ก่อนที่จะกลับไปทำงาน สร้างครอบครัวต่อไป ระหว่างการพูดคุยได้ยินสำเนียงพูดภาษาสแปนิช ฝรั่งเศส และอังกฤษ จากกลุ่มข้างเคียงดังเป็นระยะๆ ทำให้เราเดาได้ว่า น่าจะมากจากยุโรป มีสมาชิกในกลุ่ม 4 คน (3 สาวและ หนึ่งหนุ่ม)
ภาพความน่ารัก ความสนุกสนานของกลุ่ม นั่นคือชีวิตที่พวกเขาได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิด พูดคุย หยอกล้อ ได้ยินหนุ่มในกลุ่มอธิบายเพื่อนๆเกี่ยวกับคำว่า port & starboard อดคิดถึงเพื่อนรักชาวสิงคโปร์ที่เรียนทาง maritime เคยบอกเช่นกันว่าด้านซ้าย ขวา ของเรือเขาไม่ใช้กัน เขาจะเรียกด้านที่เรือเข้าหาท่าเทียบเรือ เรียกว่า ด้าน port ส่วนอีกด้านเรียก starboard หนุ่มสาวชาวยุโรปกลุ่มนี้มีอายุในวัยคนทำงาน แต่ก็ยังมีหัวใจเด็ก สนุกสนาน ท้าทาย บางช่วงก็กระโดดจากเรือ ว่ายน้ำรอบเรือ ขึ้นมาก็เปียกปอน นอนอาบแดด จิบเบียร์เวียดนามเย็นๆ บนเรืออาหารทุกมื้อถูกจัดเตรียมไว้ในสไตล์บุฟเฟ่ต์
ก่อนมื้อค่ำเจ้า Nam ทัวร์ไกด์ประกาศว่า “Breakfast is ready at 8:00” เมื่อถึงเวลาทุกคนก็พร้อมกัน เช้านั้นขณะทานอาหารเช้า มีเสียงวี๊ด ว๊าย ดังขึ้นมาจนต้องหันไปมอง ท่าทีหวาดกลัวของหญิงสาวในกลุ่ม ....มิใช่อะไร.... ก็เจ้าแมลงสาบ (Cockroach)เพื่อนคู่บ้าน อุ๊ป!! คู่เรือ ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นที่ไม่กลัว ก็จะพยามยามบอกว่า it won’t kill you“มันไม่ทำร้ายคุณหรอกนะ”แต่ด้วยเพราะความกลัวจับใจ แม้ใครจะพูดอย่างไรก็ไม่มีอะไรเข้าไปในประสาทการรับรู้.... บอกได้ว่ากลัว สุดชีวิต ....เห็นได้ชัดเจนว่า “ความกลัวเป็นที่มาของความระแวง” นั่งไม่ได้อีกต่อไป....
ด้วยความสงสารและเพื่อให้เรื่องดูจะสงบขึ้น จึงได้เข้าไปแนะนำตัวเองกับกลุ่มว่า เราเป็น Zoologist “นักสัตววิทยา” หลังจากให้ข้อมูลความจริงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแมลงสาบเพื่อลดความกลัว ก็เสริมทางด้านจิตใจ (ใช้จิตวิทยาช่วยหน่อย) บอกกับคนที่กลัวว่า “ แม้แต่เราเอง... ถึงมันจะไม่ทำร้าย แต่ก็ไม่ชอบหรอกนะ (feel uncomfortable) โดยเฉพาะเวลาแมลงสาบบิน”.... สาวน้อยผู้นี้มีท่าทีผ่อนคลายมาก เพราะมีคนช่วยเป็นพวกเดียวกัน ก็กะว่าจะเป็นพวกให้อยู่แล้ว (take side) เพื่อช่วยเหลือกัน หลังจากนั้นการสนทนาก็เป็นไปด้วยอรรถรสพบว่าทั้งหมด 4 คนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มาสนิทสนมกันที่ฮานอย มีชาวสเปญ ฝรั่งเศส ดัชท์ และบราซิล ทั้งหมดนี้เคยมาท่องเที่ยวที่เมืองไทยแล้ว มีหลายครั้งหลากหลายสถานที่ และต่างชมว่า ฝั่งตะวันตกของไทย น้ำใส สะอาด มองเห็นโลกใต้ทะเลที่สวยงาม แม้แต่เกาะสมุย พงันก็สวย แค่นี้เราก็ยิ้มสยามรับเลยหล่ะ (รางวัลสำหรับการดูแลจิตใจสมาชิกร่วมทัวร์) การพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดดูราวจะเป็นสเน่ห์ของการเดินทาง ที่ต่างคนยิ้มแย้มแจ่มใจ ทักทาย ช่วยเหลือ เอื้ออาทร ..... easy to make friend….
เรือนำเที่ยวและค้างคืนในอ่าวฮาลอง มีเอกลักษณ์เฉพาะเรียกกันว่า Junkซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่นของจีน ในเบื้องต้นเห็นแผ่นพับที่บริษัททัวร์ก็สะดุดตาคำว่า Junk คล้ายๆ กับ Junk mail หรือ Junk food แล้วนี่จะเป็น Junk อะไร???สุดท้ายก็ทราบว่า เป็นคำที่ใช้เรียกเรือที่ใช้ในการเดินทาง รอนแรมค้าขายในทะเลแถบจีน ฮ่องกง เวียดนาม และอินเดีย เป็นเรือสำเภาขนาดใหญ่ที่ใช้ใบเรือในการกำหนดทิศทาง ขณะแล่นเรือ (set sail)การออกแบบทั้งตัวเรือและใบเรือเหมาะสมต่อการเคลื่อนที่ได้ง่าย ฝ่าคลื่นลมจากทะเลสู่ทะเล เรือนำเที่ยวที่ดูแลพวกเราชื่อ Asia Cruise Junk มีเสากระโดงเรือ (mast) 2 เสา มีจำนวน 3 ชั้น บนสุดเป็นชั้นดาดฟ้า มีเตียงสนาม เรียงราย สำหรับ สังสันท์ นอนอาบแดด (Sunbath) กินลม ชมวิว ชมนภา ชมจันทรา ดารา ยามค่ำคืน ชั้นกลางเป็นห้องไต้ก๋ง ห้องอาหาร ห้องนอน 2 ห้อง และห้องเอนกประสงค์ รวมถึงบาร์ คาราโอเกะ และ การนวดฝ่าเท้า (ทกอย่างฟรียกเว้นเครื่องดื่ม)
ส่วนชั้นล่างเป็นห้องนอน มีทั้งหมด 6 ห้องเป็นห้องเตียงคู่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งแอร์ หรือน้ำอุ่นให้อาบ มีกระจกโค้งเป็นหน้าต่างแต่ละห้อง เรียกว่าตื่นขึ้นมา ก็กวาดตาชื่นชมกับบรรยากาศในอ่าวได้ทันที ส่วนท้องเรือ ได้ลองพยายามยกแผ่นไม้เปิดดู ก็เห็นการไว้ของสัมภาระ นึกถึงอับเฉา ตุ๊กตาจีนขึ้นมาทันควัน สมัยเด็กๆในหนังสือเขียนไว้ว่าเอาไว้ถ่วงเรือด้านล่าง ระบบความปลอดภัยในเรือ...ฮึ!! เมินซะเถอะ...เนื่องจากได้รับการสนใจน้อยมาก ผู้โดยสารต้องดูเอาเองว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีการชี้แจง เข้าไปในห้องก็พบ “ฆ้อน” วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง เอ๊ะ!! เอาไว้ทำอะไร ถามดูแล้วมีทุกห้องเลย หยิบๆ ขึ้นมาลองดู เลยบอกพี่ที่นอนด้วยกันว่า สงสัยเอาไว้เคาะกระจกในห้องให้แตกหากมีเหตุการณ์เรือพลิกคว่ำ จะได้มีช่องทางหนีรอด??
เสื้อชูชีพก็ไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน แต่ได้มองหาไว้ แล้วและบอกทุกคนว่าให้ดูว่าอยู่ที่ไหน??แถมระบบการป้องกันไฟก็เขียนเป็นภาษาเวียดนาม...ก็ภาวนาว่า ทริบนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งรายงานการเกิดอุบัติเหตุในอ่าวฮาลองก็มีให้เห็นในข่าวอยู่เป็นระยะๆ สังเกตดุว่า เรือ Junk ที่แล่นไปมาในอ่าวฮาลอง มีชื่อเรือที่ดูหวานๆ เป็นมงคล (บางภาษาที่มีเพศกำกับ...เรือจะเป็นเพศหญิง) เช่น Aphrodite, Sapphire, Golden Lotus, Paradise Cruise ถามไกด์ดูเห็นว่ามีเป็น 50 บริษัทที่มีเรือท่องเที่ยวในอ่าวฮาลอง คงเป็นธุรกิจที่ทำเงิน และสร้างมลภาวะทิ้งไว้ในอ่าวฮาลองไม่น้อย !!!
อ่าวฮาลอง มีตำนานเกี่ยวกับมังกรผู้ดำดิ่ง คอยปกป้องเวียดนามจาการถูกรุกราน ในวันที่เราไปเที่ยว มังกรคงสงบขณะนอนคงไม่ฝาดหางไปมา เพราะแทบจะไม่มีคลื่นลมรบกวน ก่อนจะถึงเวลานอน เรือ Junk หลายลำมาจอดทอดสมอในอ่าวที่รายล้อมด้วยเกาะและภูเขา ไม่มีคลื่นให้รู้สึกว่านอนในเรือ จวบจนกระทั่งตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า อ่าวฮาลองอยู่ในอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ ทีแห่งนี้หลายคนเรียกว่า กุ้ยหลินเมืองเวียดนาม เพราะเปรียบเทียบกับกุ้ยหลินซึ่งอยู่ที่จีนและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมรดกโลกเช่นกัน
เมืองไทยเราก็จะมีที่ เขาสก จ. สุราษฏร์ธานี ปักษ์ใต้บ้านเราทีได้รับการเปรียบเทียบว่ากุ้ยหลินเมืองไทย น่าฉงนว่า อะไรคือลักษณะร่วมกันในทั้งสามที่แห่งนี้??..เห็นจะเป็นลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่ที่เกิดจากสภาพของหินปูน หรือหินชนิดอื่นที่มีน้ำจากบนดินหรือใต้ดินทำปฏิกิริยากับแคลเชี่ยมคาร์บอเนตได้กรดอ่อนมีคุณสมบัติกัดกร่อนเนื้อหิน ปรากฏารณ์ดังกล่าวรวมถึงการเลื่อนตัวของเปลือกโลก ระดับลดลงหรือเพิ่มน้ำทะเลในแต่ละยุคตามเวลาทางธรณีวิทยา ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ฝนตกมาก ทำให้มีภูเขาหินปูนรูปทรงต่างๆ กัน อาจเกิดเป็นถ้ำ หรือหลุมยุบ ภูมิทัศน์ดังกล่าวรู้จักและเรียกขานกันว่า karst landscape
ในอ่าวฮาลองมีเกาะทั้งหมด 1900 เกาะ ทั้งที่ได้รับการขนานนามมีชื่อและยังไม่มีชื่อ จินตนาการดูว่าไม่ว่ามองไปทิศใด สามารถเห็นเขารูปร่างต่าง ๆ สวยงาม ในมุม 360 องศา เป็นภาพที่น่าประทับใจ ขณะล่องเรือในอ่าวฮาลอง อดใจไม่ได้ที่นึกเปรียบเที่ยบกับชายทะเลฝังตะวันตกปักษ์ใต้บ้านเราที่มีกำเนิดเช่นเดียวกัน ได้แก่เขาหินปูนใน อ่าวพังงา ภูเก็ต กระบึ่ เช่น เขาตะปู (เจมส์บอนด์) เกาะพีพีดอน พีพีเล เกาะมาหยา เขาหินปูนที่อ่าวลึก จ. กระบี่ ไปจนหมู่เกาะตะรุเตา เกาะหินงาม เกาะไข่ หลีเป๊ะ ในสตูล ยอมรับได้ว่าทุกที่ที่ได้ไปเยี่ยมเยือน ล้วนแล้วแต่สวยงามไม่แพ้อ่าวฮาลอง
ที่อ่าวฮาลองนอกจากจะมีภูเขารูปทรงสวยๆแล้วก็ยังมีถ้ำขนาดใหญ่ประกอบด้วย 2 ห้องใหญ่ ที่มีหินงอกหินย้อย ชวนให้จินตนาการไปต่างๆ นานา ส่วนที่มองว่ารูปร่างคล้ายเต่า ก็จะมีผู้มีจิตศรัทธาวางเงินสกุลต่างๆ ไว้ คล้ายๆ กับร่วมทำบุญด้วยจะได้มีอายุยืน ซึ่งถ้ำนี้ถูกค้นพบและบันทึกไว้โดยชาวฝรั่งเศส ระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตในอ่าวฮาลอง แต่ละเกาะมีสิ่งมีชีวิตที่รอคอยการค้นพบและที่มีรายงานพบสปีชีส์ใหม่ๆ และบางชนิดจัดเป็นกลุ่มหายาก (rare) บางเกาะมีพื้นที่ที่สามารถทำกิจกรรมปีนเขา พายเรือคะยัก และมีรีสอร์ทที่นอนค้างบนเกาะได้ หากใช้เวลานานกว่านี้
ยามเย็นก่อนอาทิตย์สิ้นแสง ลับเหลี่ยมเมฆา เราต่างพากันเก็บภาพแห่งความประทับใจบางครั้งดวงตะวันก็ลับเขานี้ ต่อมาก็โผล่ตรงเหลี่ยมเขาโน้น สนุกสนานกับการจับภาพ แสงสะท้อนต้องพื้นน้ำ สาดแสงแดงฉานก่อนจะลับไปจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานแหงนมองบนฟ้า จะเห็นเหยี่ยวร่อนไปมา บนภูผาสูง บินเหิรเวหาไปมาหลายตัว บางครั้งก็มีนกกามาเกาะที่ดาดฟ้าเรือ ให้เห็นใกล้ๆ คงจะมาทักทาย
เมื่อรัตติกาลมาเยือนก็นอนดูเดือน นับดาว บนดาดฟ้า ก่อนที่จะมาใช้บริการนวดฝ่าเท้า และฝ่ายจัดการบนเรือล้วนแล้วแต่เป็นเด็กหนุ่ม ทำหน้าที่ได้ทุกอย่างตั้งแต่ บังคับเรือ กุ๊ก บริกร แค๊ชเชียร์ และหมอนวด แต่มีเพียงไกด์คนเดียวที่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ ครั้นได้เวลานอน ก่อนนอนก็นึกทบทวนการใช้เวลาที่ผ่านมา คิดถึงชาวบูรงตานีที่รักๆ กัน ต่อจากนั้นก็เข้าสู่ภวังค์เลยล่ะ
ยามเช้าตื่นมา เตรียมตัวพร้อมปีนขึ้นดาดฟ้าไปรับแสงแรกแห่งวัน ต่างเก็บภาพแห่งความทรงจำไว้ ตราบเท่านาน เพิ่มพลังชีวิต ขอบคุณทุกอย่างที่ได้มีโอกาสชื่นชมธรรมชาติส่วนนี้ หลังจากใช้ชีวิตผ่อนคลาย สบายอุรา น้ำอาหารพร้อมทุกมื้อ ถึงเวลาที่เรือน้อยบ่ายหน้า พามวลสมาชิกเข้าหาฝั่ง ระหว่างนั้นได้มีโอกาสคุยกับ Nam ทัวร์ไกด์ ถึงการมีทักษะในวิชาขีพนี้ ทำให้ทราบว่า Namเรียนอยู่ในวิทยาลัย (ยังไม่จบปริญญาตรี) เรียนในโปรแกรมการท่องเที่ยว ขณะเรียนปีสุดท้ายก็ต้องออกฝึกงานกับบริษัททัวร์เป็นข้อผูกมัดของหลักสูตรกับแหล่งประกอบการ หลังจากเก็บชั่วโมงครบก็ต้องสอบใบประกอบวิชาชีพไกด์ ขณะนี้มีคุณสมบัติเป็นทัวร์ไกด์ได้แล้ว จึงเลือกที่จะทำงานกับบริกษัทก็ได้ แต่พอใจที่จะเป็น freelance มากกว่า
ทริปนี้ก็ได้อรรถรสทุกรูปแบบ เก็บพลังเต็มเปี่ยม เพื่อกลับไปยังฮานอยและเดินทางกลับบ้าน ก่อนออกจากฮานอยหลายคนบอกว่จะกลับมาอีก ส่วนตัวก็เช่นกันกล่าวไปว่า “I shall return” ด้วยหัวใจชุ่มชื่น ก่อนเดินทางกับไปถิ่นพำนัก....ปัตตานีที่รัก