ฟ้ามืดมัว ฝนพร่ำฉ่ำๆ ฟ้า พสุธาโอบรับน้ำ จากฟ้าฝน
อณูดินแบกรับน้ำเกินจะทน เอ่อไหลล้นท่วมท้นทุกเขตคาม
ข่าวพยากรณ์อากาศประกาศก้อง เห็นจะต้องเตรียมพร้อม น่าเกรงขาม
1 พย. ดีเปรสชั่นแรง ต้องติดตาม ข่าวทุกยามว่าพายุซัด ปัตตานี
ตัดสินใจออกจากที่ทำงาน 5 โมงครึ่ง ขับรถบึ่งฝ่าฝนลม ไม่ถอยหนี
เข้าแฟลต ค้น survival kit เท่าที่มี ดวงฤดีเตรียมอาหารพอประทัง
ราว 1 ทุ่มรัตติกาลมืดสนิท ตั้งสติคิดผจญ ลม น้ำ ไหลหลั่ง
ไม่ประมาทผนึกกายใจเหนี่ยวรั้ง พายุยังหมุนเร็ว ( 50 กม/ชม)และแรง
ฟ้าพิโรธโกรธาอาละวาด อสุนีบาตฟาดฟันอย่างกำแหง
เกลียวคลื่นซัดสาดกระหน่ำสำแดง พอสิ้นแสงพลันเสียงเปรี้ยงปร้างดัง
เสียงหวีดหวิวลมแรงกรรโชกพัด สะบัดติ้ว ก้านกิ่งโยกดูสิ้นหวัง
สุดจะต้านล้มครืน แรงลมประดัง สะบั้นพังในพริบตา น่าสะพรึงกลัว
ใจแน่วแน่ ตั้งจิตภาวนา พายุสงบ แต่กลับพบลมตลบ ยามฟ้ารั่ว
ฉำฉาใหญ่ถอนรากเสียงดัง ใจระรัว ไม้ริมรั้วราบเรียบไปช่วยไม่ทัน
ก่อน 2 ทุ่มระดับน้ำเพิ่มน่าฉงน หลายคนเตือนเลื่อนรถรวมทั้งฉัน
เกือบ 3 ทุ่ม น้ำถึงบรรใดขั้นหนึ่งนั้น เราต่างร่วม กันเฝ้าระวังอันตราย
ยังอึงคนึงลั่นเปรี้ยงเสียงสนั่น 4 ทุ่มพลันฝนซา ฤา ลมสลาย
ระดับน้ำบ่งชี้ว่าได้ลดลงมากมาย รวมใจหมายให้พ้นผ่านวิกฤตไป
ลอบแหงนมอง สีท้องฟ้า เพื่อประเมิน ต้องขอเดินท่องน้ำเพื่อปรามใจ
นัยว่ายังมีอีกระลอกข่าวเตือนภัย บอกนัย รีบเร่งสำรวจตรวจตรา
ภาพที่เห็นล้วนเกินกว่าคำบรรยาย ยามหยุดพักเอนกาย ยังมิวายผวา
ครั้นวันพรุ่งหลังพายุสงบ มืดมัวซัวนภา อันตัวข้าขอขอนบน้อมองค์พระบิดา
โอ้ว่าวันนี้เจ้าไม้ใหญ่น้อยมอดม้วยชีวา ยุติหน้าที่ให้ร่มเงา อวดอ้างสล้างตา
อีกไทรใหญ่เอนราบเหลือแต่นามา คู่สงขลานครินท์ ถิ่นนี้้ต้องจากลาไกล
กว่า 40 ปี ทิพยสถานแห่งนี้ทำหน้าที่ มอ.ปัตตานี เสมือนบ้านหลังใหญ่
สมาชิกร่วมบรรเทาเหตุ อุทก-วาตภัย 2-3 วันนั้นไซร้ เร่งฟื้นในเร็วพลัน
ขออำนาจสิ้งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้อง ผองพี่น้อง ร่วมประสบภัย เห็นใจกัน
ธรรมชาติเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ ทุกคืนวันฝึกตน ด้วยสติ รู้เท่าทัน