ชีวิตที่รอคอยความช่วยเหลือ 4 เมย. 54 ณ. อาคาร 51B คณะวทท. มีผู้ใจดีพบเห็นนกน้อยตัวหนึ่งนอนกองบนพื้นบริเวณทางเดินหน้าสำนักงานชั้น 3 สภาพนกเคลี่อนไหวไม่ได้ รอความช่วยเหลือ จึงจับมาพลิกตัวดู ไม่เห็นร่องรอยถูกทำร้าย หรือมีบาดแผลอะไร แปลกใจว่า “นกชนิดนี้คือนกอะไร??”เพราะไม่เคยพบเห็นในมาก่อน และทำไมจึงมาอาการนอนแน่นิ่งอย่างนี้ ?? เขาตั้งใจว่า ถ้ายังไม่ตายก็อยากจะเยียวยาเลี้ยงนกตัวนี้(ผู้หวังดีได้แก่ คุณชาตรี คุณวิลาศ และ คุณณรงค์ฤทธิ์ ขอขอบคุณไว้ ณ. ที่นี้)
นกสวยแปลกตา มีืชื่อเรียกว่านกอะไร ?? ก่อนที่นกจะมาถึงเรา มีการสืบค้นหาข้อมูลเบื้องต้นจากผู้หวังดี กระบวนการได้มาซึ่งคำเฉลยว่า...ชื่อนกอะไร?? เป็นที่น่าชื่นชมทีเดียวสำหรับทักษะการสืบค้น เพราะคำสำคัญ (keyword) ที่นำไปสืบค้นคือ “นกมีหงอน” ซึ่งเป็นทักษะการสังเกตที่ดีมาก ที่เห็นว่าหงอนเป็นลักษณะที่เด่นชัดของนกชนิดนี้ ผลการสืบค้นจึงมีภาพออกมาให้เห็นพิจารณาหลายรูป ฟันธงได้ว่า เป็นนกคัดคูหงอน (Chestnut-winged Cuckoo) ….bingo !!! ชื่อวิทยาศาสตร์ (Clamator coromandus)
นกชนิดนี้พบได้ในมอ. ปัตตานีหรือไม่?? คำตอบนี้ตอบได้ไม่ยากนักก็เพราะเรามีข้อมูลติดตามชนิดและการกระจายของนกในพื้นที่ม.อ.ของเรา จากฐานข้อมูลนก ซึ่งศึกษาจัดทำโดยทีมงาน “บูรงตานี” ที่เก็บรวบรวมชนิดของนกจากการใส่ห่วงขานกและ นับนกในบริเวณม. อ. และบริเวณใกล้เคียง จากข้อมูล 4 ปีที่รวบรวม พบว่าฐานข้อมูล biometrics มีบันทึกการใส่ห่วงขานกคัดคูหงอน 1 ตัว ช่วงกุมภาพันธ์ 2553 บริเวณเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป่าชายเลนฯ จุดใกล้ศาลาลานไทร...โดยมีข้อมูลบันทึก ขนาด ความยาว (มม.) ของแต่ละส่วนและน้ำหนัก (กรัม) ดังรายละเอียดตามลำดับ (Total head, Bill to skull, Wing, Tail, Tarsus, Weight, Moult, Muscle & Fat)
(ข้อสังเกต:นกที่เรากำลังช่วยชีวิต (rescued) มีขนาดใกล้เคียงกันกับนกที่ใส่ห่วงขา (ring) แต่น้ำหนักตัวของตัวที่กำลังช่วยชีวิตมีน้ำหนักน้อย..เข้าข่ายผอมมาก)
สาระน่ารู้ นกคัดคูหงอน นกชนิดนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มนกคัดคูที่มีขนาดใหญ่ มีหัวสีดำ และหงอนตั้งตรงเห็นชัด ปากหนาแข็งแรงโค้งตอนปลาย หางยาวปลายมน และมีปีกสีแดงอิฐ คล้ายสีปีกนกกระปูดใหญ๋แต่ปลายปีกสีคล้ำออกดำ บริเวณคอมีแถบสีขาวคล้ายกับเป็นสร้อยคอ ส่วนอกและคางมีสีส้มแดง ด้านล่างของอกและท้องจะค่อนข้าขาว ขาสีค่อนข้างเทา ขาท่อนล่างมีขนยาวคลุมลงมา แหล่งอาศัยพบได้บริเวณป่าชายเลนในฤดูอพยพ ชายป่า ป่าละเมาะและ สวนผลไม้ มีพฤติกรรมค่อนข้างขี้อาย พบเจอตัวได้ยาก ซ่อนตัวบริเวณป่ารก ๆ ชอบกินแมลง และตัวหนอนผีเสื้อเป็นอาหาร ถ้าได้หนอนผีเสื้อตัวใหญ่ก็จะใช้ปากคาบและฟาดตัวหนอนกับกิ่งไม้ พฤติกรรมที่เด่นชัดของนกกลุ่มคัดคูก็คือ เป็นนกที่วางไข่ในรังนกชนิดอื่นเพื่อให้นกชนิดนั้นช่วยฝักไข่และเลี้ยงดูลูกน้อยให้ คัดคูหงอนก็มีพฤติกรรมเช่นเดียวกันส่วนใหญ่จะวางไข่ในรังนกกระราง (ในเรื่องวิวัฒนาการส่วนนี้น่าสนใจไม่น้อย)
เป็นนกประจำถิ่นและทำรังวางไข่แถบหิมาลัย ประเทศอินเดียและทางตอนใต้ของจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถบพม่า ในฤดูอพยพ พบว่ากลุ่มประชากรที่อาศัยทางตอนเหนือก็จะเดินทางลงสู่ตอนใต้ของอินเดีย หรือจากเอเชียตะวันออกเฉียงได้ลงไปยังคาบสมุทรมาลายาและพม่า
สาเหตุของปัญหา การบินชนกระจกทำให้นกตายหรือได้รับบาดเจ็บ มีบันทึกว่าเป็นปัญหาในหลายประเทศ มีรายงานชนิดของนกที่ตายจากการบินชนกระทจก สาเหตุเนื่องจากกระจกที่ใสนั้นนกไม่สามารถบอกได้ว่ามีกระจกขวางอยู่ในเส้นทางบินซึ่งเป็นธรรมชาติของนก นกจึงบินด้วยความเร็วปกติและหากชนก็เป็นสาเหตุของการตาย ที่คณะวทท. ของเราก็มีการพบเห็นหลายครั้ง และเราก็มีข้อมูลบันทึกเหตุการณ์เช่นกัน จากการทีเราได้ช่วยเหลือนกที่ชนกระจก บางชนิดก็วายชีวา บ้างก็ช่วยเหลือเยียวยาได้ แม้กระทั่งวันถัดมาเราก็ได้ทราบว่ามีนกชนิดเดียวกันนอนแน่นิ่งอยู่ด้านหน้าอาคาร 25 แต่ไม่มีตัวนกถึงมือเราจึงไม่ได้เยียวยา (เราน่าจะมีเครือข่ายทุกอาคาร กรุณาแจ้ง...หากพบนกบินชนกระจก จะได้เป็นข้อมูลที่นำไปใช้หามาตรการป้องกันต่อไปในระยะยาว...หากเรารักชีวิตเขาเหมือนกับที่เรารักชีวิตเรา)
การฟื้นฟู ดูแล (อยู่ในระหว่างการเรียนรู้) หลังจากที่มีประสบการณ์ฟักและเลี้ยงนกตีนเทียนมา 2 รุ่น และก็พอจะประมาณได้ว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้าง สำหรับนกคัดคูหงอนตัวนี้ได้สำรวจดูบริเวณกระดูกคอยังไม่พบการหัก (โชคดีที่ impact คงไม่มากจนคร่าชีวิต) ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบบาดแผลในตัวนก นกมีแววตาแจ่มใส แต่เนื่องจากนกอยู่ในสภาพเสียการทรงตัว ถ้าปล่อยให้เดินในกรงช่วงแรก ๆ ลักษณะการเดินก็จะหนักหัว หน้าคะมำส่วนหางยกขึ้น นอกจากนี้นกยังอยู่ในสภาพตื่นกลัวถ้ามีเสียงดังรบกวน จึงปล่อยนกไว้ในกรงเลี้ยงนก ณ. ห้องปฏิบัติการ ชั้น 4 ตึก 51D เพื่อให้มีพื้นที่มากพอ บริเวณฐานด้านล่างของกรงจะปิดด้วยวัสดุช่วยพรางแสงเพื่อป้องกันการรบกวน
ป้อนน้ำ/อาหาร กลุ่ม carnivorous นกคัดคูหงอนเป็นพวกกินหนอนเป็นอาหาร เราจึงจัดหาและให้หนอนนก (meal worm)เป็นอาหาร และเพื่อให้มีอาหารตลอดเวลาขณะนี้เราก็เลยเลี้ยงหนอนนกไปด้วย การให้อาหารใช้วิธีการป้อนกับมือ (hand feed) และใช้หลอดฉีดยาขนาดเล็ก (1 ml.) ป้อนน้ำครั้งละ 0.5 ml.ให้อาหาร 2 มื้อเช้า-เย็น มื้อละ 4 ตัว ทุกครั้งที่ป้อนหนอนก็ให้น้ำ เฝ้าสังเกตดูอาการและ ลดการ contact กับนก เพื่อลดการรบกวนนกให้น้อยที่สุด หลังจากนั้นปล่อยให้เขาสงบ เพื่อให้ฟักฟื้นได้เร็วขึ้น ใส่น้ำและหนอนนกไว้ในถาด เผื่อว่าจะกินได้ด้วยตนเอง (หวังไว้สุดๆ!!) และหวังว่าเขาคงจะมีชีวิตรอด ตลอดไป
พลังชีวิตต่อชีวิต เช้าตื่นขึ้นมาเข้ามาที่ทำงาน ก็ลุ้นกันวันต่อวัน (ขณะนี้ 3 วันนับจากวันที่ประสบเหตุการณ์) และด้วยที่นกมีตาแจ่มใส ได้ยินเสียงเดินใกล้ก็เตรียมตัวระวังภัย ไม่เคลื่อนไหวมากนัก หากเดินผ่านกรงสังเกตดูว่าจะหมุนคอดูตามเสียง ตอบสนองดี ใจสู้เต็มร้อย จึงมีกำลังใจที่จะป้อนน้ำและอาหาร บางครั้งคงจะไม่พอใจหรือเจ็บก็ไม่แน่ใจ ก็ส่งเสียงร้องประท้วงให้ได้ยินเสียงบ้าง เสียงเป็นพยางค์เดียวสั้นๆ หลังจากให้อาหารและน้ำก่อนปล่อยกลับคืนสู่กรงอัตราการเต้นของหัวใจเต้นถี่ ๆ เมื่อปล่อยจากมือก็พบว่ายังมีอาการเหนื่อย รอสักครู่จึงจะกลับคืนสู่ท่านอนหมอบปกติบนพื้นกรง เฝ้านับวันรอว่าจะแข็งแรงเมื่อไหร่ ก็จะปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ เพราะคงจะเป็นนกที่อพยพกลับขึ้นไปทางเหนือไปยังแหล่งทำรังวางไข่ต่อไป (ขอชาวบูรงตานีช่วยส่งกำลังใจมาให้นกน้อยของเราก็จะเป็นการดีไม่น้อย เผื่อจะได้ฟื้นตัวได้เร็ววัน)