กวนกระยาสารทในวันสารทไทย ณ วัดหลวง

กวนกระยาสารทในวันสารทไทยอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่น

ณ วัดหลวง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี

วัดหลวง อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ร่วมกับชาวบ้านในชุมชน จัดกวนกระยาสารท เนื่องในวันสารทไทย สืบสานอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่น ที่มีมายาวนานกว่าร้อยปี เพื่อแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมทำบุญที่วัด เนื่องในเทศกาลสารทไทย

พระครูสุธีธรรมวงศ์ เจ้าอาวาสวัดหลวง เปิดเผยว่า ชุมชนคุณธรรมน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงบ้านวัดหลวง มีแนวคิดร่วมกับ ชาวบ้านอยากช่วยกันรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่ดีในท้องถิ่นเอาไว้ให้ลูกหลาน อีกทั้งในท้องถิ่นมีการปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารกันอยู่แล้ว จึงให้ชาวบ้านนำมาทำเป็นขนมกระยาสารท ช่วงระหว่างกลางเดือนสิบ ตั้งแต่วันขึ้น 15 ค่ำเรื่อยมา และจะมาทำบุญกันท้ายสารทไทยก็คือวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ก็คือวันพรุ่งนี้ เป็นขนมกระยาสารทสูตรดั้งเดิมมีมาแต่โบราณ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาทำบุญที่วัดในวันสารทไทย ส่วนของชะลอมใบตาลนั้น สมัยก่อนจะใช้บรรจุใส่ ลูกอิน ลูกจัน ซึ่งทางวัดหลวงได้ปลูกต้นอิน ต้นจัน มีอายุมากกว่า 300 ปี มาแล้ว ชาวบ้านหลายคนมีฝีมือได้สานชะลอมและนำลูกอิน ลูกจันใส่ชะลอมไปขาย จึงมีแนวคิดอยากนำของดีที่มีในท้องถิ่น นำมาใส่ขนมกระยาสารทไว้แจกชาวบ้านที่มาทำบุญในวันพระ คนละ 1 ลูก ซึ่งเป็นวันท้ายสารทไทยที่กำลังจะมาถึง หรือ อนาคตอาจจะทำเป็นของฝากของที่ระลึกก็ดูสวยงามดี เป็นการช่วยกันหันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่นแทนการใช้ถุงพลาสติกที่กำลังรณรงค์จากภาครัฐกันอยู่ในช่วงนี้

ต้นกำเนิดของ "สารทไทย"

ในประเทศไทย การทำบุญวันสารทมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตามที่ปรากฏหลักฐานในหนังสือนางนพมาศ เนื่องจากศาสนาพราหมณ์แพร่เข้ามาในประเทศไทย คนไทยจึงรับประเพณีวันสารทมาจากศาสนาพราหมณ์ด้วย ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

วันสารทไทยของวัดหลวง

วัดหลวงมีการจัดงานวันสารทไทย โดยความร่วมมือของวัดหลวงและคนภายในชุมชน จัดให้มีการ ทำขนมกระยาสารทซึ่งเป็นตัวเอกของงานวันสารทไทย ทุกคนในชุมชนจะมาช่วยกันกวนขนมกระยาสารทที่วัด และมีการทำชะลอมเพื่อใช้ในการบรรจุ กระยาสารทเพื่อใช้แจกจ่ายชาวบ้าน

  • ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว รวบรวมโดย นางสาวนภัสสรา บัวโรย

  • ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย https://robrawnews.blogspot.com/2018/10/blog-post_23.html

  • อ้างอิง (ถ้ามี) https://robrawnews.blogspot.com/2018/10/blog-post_23.html