ความเป็นมาของบุคคลคลังปัญญา

นางชูลาภ อินทชัย ผู้ที่ทำทองม้วน ภายใต้แบรนด์ “BNK บางนกแขวก ทองม้วน” ขายเป็นอาชีพสร้างรายได้มา 20 กว่าปี เล่าว่า ทองม้วนที่ทำขายเป็นสูตรโบราณที่แม่เป็นคนที่เริ่มทำขายก่อน เนื่องจากแม่มีอาชีพเป็นเกษตรกร แต่ด้วยราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ค่อยดี จึงมาทำทองม้วนขายเป็นรายได้เสริม ซึ่งสูตรการทำทองม้วนนั้นก็เป็นสูตรโบราณที่ตกทอดทำต่อกันมานานแล้ว แม่จึงนำมาฝึกทดลองทำ ปรับสูตรเพิ่มและลองทำขาย ช่วงแรกทำขายไปก็จะรับฟังความคิดเห็นคำติชมจากลูกค้าและก็นำมาปรับสูตรจนได้สูตรที่ลงตัว จึงทำขายเป็นรายได้เสริมเรื่อยมาตลอดตั้งแต่ปี 2539 ซึ่งไปๆ มาๆ กลายเป็นอาชีพหลักที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวมาจนปัจจุบัน

ส่วนตนเองนั้นเริ่มเข้ามารับช่วงต่อประมาณปี 2543 และก็เริ่มพัฒนาต่อยอดมาเรื่อย จากเดิมทองม้วนจะเป็นม้วนใหญ่แผ่นบาง ๆ เวลากัดก็จะแตกหัก ก็ปรับทำให้เป็นม้วนเล็กลมและตัดให้เป็นชิ้นพอดีคำเพื่อง่ายและสะดวกในการกินมากขึ้น นอกจากนั้นก็เริ่มปรับปรุงสูตรทองม้วนให้มีรสชาติที่หลากหลายเพิ่มขึ้น จากเดิมก็จะมีแต่รสดั้งเดิมที่เป็นรสกะทิ ปัจจุบันเพิ่มรสใบเตย รสฟักทอง รสกล้วยหอม รสสมุนไพร และทองม้วนไส้หมูหยอง เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าไม่เบื่อ นอกจากนั้นก็มีการพัฒนาเรื่องของแพ็กเกจ จนปัจจุบันได้เป็นสินค้าโอทอป 4 ดาว แต่ก็ยังต้องมีการพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา เพราะเนื่องจากชาวบ้านเห็นว่าขายได้ก็เริ่มหันมาทำทองม้วนขายกันมากขึ้น จึงต้องพยายามปรับปรุงพัฒนาสินค้าของตัวเองให้มีคุณภาพมากขึ้น

“ทองม้วนของเรามีจุดเด่นที่ความหอม หวาน มัน กรอบอร่อย เพราะเน้นใช้วัตถุดิบที่ใหม่สด และมีคุณภาพ กะทิที่ใช้ก็จะเน้นใช้กะทิสดแท้คั้นเอง น้ำตาลมะพร้าวก็ใช้อย่างดีมีคุณภาพเพื่อความหอม”

นางชูลาภ อินทชัย กล่าว

นอกจากนี้ยังได้ไปให้ความรู้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กรุงเทพมหานคร ซึ่งมาศึกษาดูงานในตำบลบางนกแขวก และยังได้มีการพัฒนารสชาติ ได้แก่ รสชะครามหวาน และรสชะครามเค็ม อีกด้วย

จุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถิ่น

- เป็นสินค้าประจำตำบลบางนกแขวก รสชะครามหวาน และรสชะครามเค็ม

วัตถุดิบที่ใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญา ซึ่งพื้นที่อื่นไม่มี ได้แก่

- น้ำตาลมะพร้าว ใบชะคราม