การถือกำเนิดอาเซียน

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ “อาเซียน” ถือกำเนิดขึ้นในเช้าวันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2510 เวลา 10.50 ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวังสราญรมย์ ที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศ ถูกบันทึกไว้ผ่านภาพการลงนามของผู้นำ 5 ประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย

ในวันแห่งประวัติศาสตร์ดังกล่าว โลกได้เป็นสักขีพยานความเห็นร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจาก 5 ชาติ ได้แก่ นายอาดัม มาลิก (Adam Malik Batubara) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซีย นายตุน อับดุล ราซัก บิน ฮุสเซน (Tun Abdul Razak Hussein) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติของมาเลเซีย นายนาร์ซิโซ รามอส (Narciso R. Ramos) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ นายเอส ราชารัตนัม (S. Rajaratnam) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ และ พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อร่วมลงนามในเอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอาเซียนและก่อนหน้าที่จะเข้าสู่การลงนามเอกสารสำคัญที่มีชื่อว่าปฏิญญาอาเซียน (ASEAN Declaration) หรือปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ฉบับนี้

ภายหลังจากที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย ลงนามในปฏิญญากรุงเทพ ต่อมาได้มีสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไน เวียดนาม ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชาตามลำดับ

สถานที่สำคัญในประเทศสมาชิกอาเซียน

เจดีย์ชเวดากอง ประเทศเมียนมาร์

ตั้งตระหง่าน ณ กรุงย่างกุ้ง เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุ รวม 8 เส้น ของพระพุทธเจ้า มีประวัติตำนานเก่าแก่กว่า 2,000 ปี หนังสือ Guinness Book of Records ได้จัดให้พระเจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก

วัดพระแก้ว ประเทศไทย

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต โดยแลนมาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมากเป็นพิเศษคือ เหล่ายักษ์ที่เฝ้าประตูต่างๆ อยู่รอบวัดนั่นเอง

อ่าวฮาลอง ประเทศเวียดนาม

อีกชื่อหนึ่งคือ ฮาลอง เบย์ ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโก เป็น่สวนหนึ่งของอ่าวตังเกี่ย เป็นชายแดนที่ติดต่อกับประเทศจีน วิวทิวทัศน์สวยงาม มีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล และมีน้ำเสาไม้ ซึ่งได้รับความนิยมจากงนั่งเที่ยวมากๆ

บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย

กลุ่มวัดบุโรพุทโธ (Borobudur Temple Compounds) คือ สถาปัตยกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของศาสนาพุทธลัทธิมหายาน เป็สถานที่ท่องเที่ยว และสิ่งศักสิทธิ์ของอินโดนีเชีย ขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 ตั้งอยู่ที่จังหวัดชวากลาง เกาะชวา สร้างจากหินลาวา มีพื้นที่มากกว่า 55,000 ตร.ม. และได้รับยกย่องว่าเป็นมรดกโลก

ป้อมปราการอินทรามูรอส ประเทศฟิลิปปินส์

เมืองโบราณยุคล่าอาณานิคม ริมแม่น้ำพาซิก ตั้งอยู่ที่กรุงมะนิลา สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1571 โดยชาวเสปนที่เข้ามาสร้างอาณานิคม เป็นมรดกอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ มีลักษะเป็นป้อมและกำแพงเมือง มีพื้นที่มากกว่า 395 ไร่

เมอร์ไลออน ประเทศสิงคโปร์

รูปปั้นหัวสิงโต ข้างล่างเป็นปลา พ่นน้ำตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง โดยเจ้ารูปปั้นนี้ สูงมากกว่า 8.6 เมตร น้ำหนักมากกว่า 70 ตัน ทำจากซีเมนต์ ออกแบบขึ้นในปี 2507 โดย นายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ นอกจากจะเป็นแลนมาร์คสำคัญแล้วยังเป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์

ตึกแฝดปิโตรนาส ประเทศมาเลเซีย

อาคาร 88 ชั้น ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม KLCC ได้ชื่อว่าเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก ได้รับแรงบันดาลใจ จากรูปทรงเรขาคณิตของ สถาปัตยกรรมอิสลาม ภายในอาคารประกอบด้วย เช่น ชั้น 4 ศูนย์วิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ชั้นอื่นๆ มี ที่ช็อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และศูนย์ประชุม

พระธาตุหลวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว

พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งนครเวียงจันทน์ ศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ โดยก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเดินชื่นชมสถาปัตยกรรมและความงดงาม จะต้องสักการะพระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลเสียก่อน เพราะที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนให้ความเคารพ

มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน
ประเทศบรูไนดารุสซาลาม

ตั้งอยู่ในบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงของประเทศบรูไน ดารุสซาลาม เป็นมัสยิดเก่าแก่ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ สุลต่าน โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 28 ของบรูไน ซึ่งมัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยสุลต่าน โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน ซึ่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และโดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

นครวัด ประเทศกัมพูชา

ปราสาทแห่งนี้ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกด้วย ตั้งอยู่ที่เมือง เมืองพระนคร จังหวัดเสียมราฐ ก่อสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยเป็นศาสนสถานประจำของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

[https://www.home.co.th/living/topic-1766]