ราคาสูงเกินไป: ราคาของอสังหาริมทรัพย์อาจถูกกำหนดสูงเกินความคุ้มค่าของทรัพย์สิน ทำให้ผู้ซื้อไม่สนใจหรือไม่สามารถทำสัญญาซื้อขายได้ หลายครั้งที่ผู้ขายมักกำหนดราคาขายสูงเกินความจริง โดยอ้างอิงจากการตั้งราคาขายทรัพย์ในพื้นที่ใกล้เคียง หรือราคาตลาด ซึ่งควรพิจารณาเปรียบเทียบกับราคาที่เคยมีการซื้อขายจริงในประเภททรัพย์เดียวกัน ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้อาจปรับขึ้นได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา และ การพัฒนาพื้นที่
สภาพอสังหาริมทรัพย์ไม่ดี: อสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาโครงสร้างหรือต้องการการซ่อมแซมมักทำให้ผู้ซื้อลังเลที่จะซื้อ โดยสถิติพบว่า การที่สภาพทรัพย์มีสภาพพร้อมอยู่อาศัย หรือ พร้อมพัฒนาต่อ จะเพิ่มโอกาสการขายทรัพย์ และ ขายได้ราคาที่ดีกว่า ทรัพย์ที่ต้องซ่อมแซมก่อน นอกจากผู้ขายต้องการที่จะขายตามสภาพ ก็ต้องพิจารณากลุ่มลูกค้าประเภท นักพัฒนาอสังหาฯ ที่ต้องการซื้อทรัพย์ราคาถูกเพื่อนำพัฒนาปรับปรุง และ นำมาขายทรัพย์นั้นๆต่อ
ตลาดที่ไม่ดี: ตลาดอสังหาริมทรัพย์บางประเภท มีการขายมากเกินไปในระยะเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ทรัพย์มีปริมาณมากกว่าความต้องการของตลาด รวมถึงการแข่งขันทางด้านราคา ความคุ้มค่า ความใหม่-เก่าของสภาพทรัพย์ ล้วนเป็น ปัจจัยต่อการตัดสินใจซื้อทรัพย์
การโฆษณาไม่เพียงพอ: การโฆษณาที่ไม่มีคุณภาพหรือการตลาดที่ไม่ทำให้คนรู้จักการขายอสังหาริมทรัพย์อาจทำให้ยากต่อการขาย ไม่ว่าจะรายละเอียดเนื้อหาโฆษณาไม่จูงใจ ข้อมูลไม่ชัดเจน หรือ โฆษณาไม่ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีผู้สนใจในทรัพย์นั้นๆ ซึ่งควรพิจารณาช่องทางการโฆษณา และ ปรับปรุงเนื้อหาให้ดีเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สภาพภูมิศาสตร์: สภาพภูมิศาสตร์หรือตำแหน่งที่อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่น่าสนใจหรือมีปัญหาเช่นระยะทางจากสิ่งสำคัญหรือสถานที่ที่ไม่พอดี เช่น พื้นที่ไกลจากแหล่งชุมชน พื้นที่ใต้สะพานข้าม พื้นที่ไม่มีที่จอดรถ หรือ พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ในการพิจารณาเป็นข้อมูลประกอบการตั้งราคาขายให้เหมาะสม หากต้องการขายทรัพย์ที่ภูมิศาสตร์ไม่ดีมากนัก
6. ข้อมูลเชิงลบ: ข้อมูลที่ไม่ส่งผลดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในสื่อสารสาธารณะอาจทำให้ผู้ซื้อไม่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นการรีวิว แสดงความคิดเห็นของพื้นที่ซื้อทรัพย์ในบริเวณนั้นๆ หรือ การที่ให้ข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน เช่น รูปภาพทรัพย์ ขนาดพื้นที่ทรัพย์ หรือ ภาระผูกพัน เป็นต้น
7. มอบหมายตัวแทนขาย หรือ นายหน้าที่ไม่เป็นมืออาชีพ: การแต่งตั้งตัวแทนขาย หรือ นายหน้าที่ไม่เป็นมืออาชีพ จะช่วยให้โอกาสการขายทรัพย์ได้น้อยลง หากนนายหน้าไม่เข้าใจทรัพย์ วิเคราะห์ทรัพย์ไม่ได้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายถืออะไร จุดดี-จุดเสียของทรัพย์คืออะไร รวมถึงวิธีการทำการตลาด และช่องถามทำการตลาดที่เหมาะสมกับทรัพย์นั้นๆ
8. หนี้สินหรือภาระต่าง ๆ: การมีหนี้สินหรือภาระต่าง ๆ ที่ผูกพันกับอสังหาริมทรัพย์อาจทำให้การขายล่าช้าหรือทำได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายฝากทรัพย์ ภาระผูกพันของทรัพย์ อาจทำให้ผู้รับฝาก หรือ ผู้ซื้อรู้สึกยุ่งยากและใช้ระยะเวลาในการซื้อขาย ตรวจสอบข้อมูล นานกว่าปกติ
9. ข้อกำหนดการชำระเงิน: ข้อกำหนดการชำระเงินที่ซับซ้อนหรือยากต่อผู้ซื้ออาจเป็นปัจจัยส่งผลให้การขายหรือการเช่า มีโอกาสลดน้อยลง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีมูลค่าสูง หรือ จำนวนหลายไร่ ในบางกรณีนักลงทุน หรือ นักพัฒนาอสังหาริมทรัย์ ไม่ต้องการชำระเงินเป็นก้อนเดียวทั้งหมด โดยอาจต่อรองขอทำสัญญาชำระเป็นงวด เพื่อนำเงินไปหมุนลงทุนให้เกิดรายได้บางส่วนก่อน ดังนั้น ข้อกำหนดการชำระเงิน การมัดจำ หรือ การผ่อนชำระ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลถึงการตัดสินใจของผู้ซื้อ
10. สภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์: สภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจและนโยบายอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อการขาย เช่น นโยบายเรื่องภาษีในการโอนทรัพย์ อาจช่วงเร่งให้การขายมีปริมาณสูงขึ้น หรือ ลดลงได้เช่นกัน รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ทั้งในและต่างประเทศก็เป็นอีกปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาการขายทรัพย์ หรือ ราคาที่เหมาะสมในการขายในช่วงเวลา นั้นๆ