ส่วนที่ 2 การดำเนินงานจัดการความรู้
1. การกำหนดองค์ความรู้หลักที่จำเป็นหรือสำคัญต่องานหรือกิจกรรมของหน่วยงาน และกำหนดเป้าหมายของการจัดการความรู้
กลุ่มงานห้องสมุด ได้ดำเนินงานต่อยอดจากการจัดการความรู้ในปีงบประมาณ 2566 ใน เรื่อง Library transform เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติงานและบริการต่าง ๆ ของห้องสมุด เพื่อพัฒนาสู่การเป็นห้องสมุดดิจิทัลที่เต็มรูปแบบ ซึ่งจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พบประเด็นในการพัฒนางานห้องสมุด 4 ประเด็นหลัก คือ 1) ด้านบริการ (Service) 2) ด้านเนื้อหา รูปแบบของเนื้อหา 3) ด้านพฤติกรรมผู้ใช้ 4) ด้านผู้ให้บริการ ซึ่งจากประเด็นที่ได้ค้นพบ ในปีงบประมาณ 2566 ทางกลุ่มงานห้องสมุด ได้เลือกดำเนินการด้านบริการก่อน คือ Library transform : be digitize เพื่อหาแนวทางการให้บริการระบบห้องสมุดออนไลน์ Hibrary
จากการพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศและพฤติกรรมของผู้ใช้ห้องสมุดในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปมาก มีความต้องการและความคุ้นชินกับการใช้สารสนเทศในรูปแบบดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ต้องการความสะดวก ง่ายต่อการเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการ ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ รวมถึงแหล่งสารสนเทศต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างมากมาย หลากหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งต้องใช้ความรู้และประสบการณ์เพื่อคัดเลือกแหล่งสารสนเทศที่น่าเชื่อถือได้ ห้องสมุดซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรสารสนเทศที่สำคัญ ช่วยในการสนับสนุนการศึกษาค้นคว้า และการแสวงหาความรู้ต่าง ๆ มีหน้าที่ในการเก็บรวบรวม จัดระบบทรัพยากรสารสนเทศเพื่อให้บริการ รวมถึงการสร้างเครื่องมือในการค้นหาและดำเนินการจัดบริการทรัพยากรสารสนเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ โดยห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษามีหน้าที่หลักในการสนับสนุนการเรียนการสอนและการวิจัย มีการจัดบริการทางวิชาการแก่สถาบันอุดมศึกษาและชุมชน ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องและตลอดชีวิต ในการจัดบริการของห้องสมุดในแต่ละแห่งนั้นจะมีบริการทรัพยากรสารสนเทศ ระเบียบและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ศูนย์วิทยบริการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัย ได้จัดบริการที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนและการวิจัยให้กับผู้ใช้บริการ ซึ่งมี บริการยืม -คืน ทรัพยากรสารสนเทศ, บริการสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง, บริการอินเทอร์เน็ต, บริการสื่อโสตทัศนวัสดุ, บริการเอกสารหอจดหมายเหตุ, บริการแนะหนังหนังสือใหม่รายสัปดาห์และรายเดือน, บริการแนะนำทรัพยากรสารสนเทศใหม่เข้าห้องสมุด, บริการสืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์, บริการสืบค้น OPAC, บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า โดยได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการพัฒนาบริการ ด้วยการใช้ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ Liberty จัดการทรัพยากรสารสนเทศที่ให้บริการภายในห้องสมุด และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อให้ห้องสมุดต้องปรับรูปแบบการบริการให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ โดยการจัดหาทรัพยากรสารสนเทศในรูปแบบดิจิทัลเพื่อให้บริการเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงสารสนเทศได้โดยไม่มีข้อจำกัดเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และจากนโยบายของมหาวิทยาลัยที่จะพัฒนาสู่การเป็นมหาลัยดิจิทัลนั้น ทำให้ห้องสมุดต้องมีการเตรียมความพร้อม โดยการศึกษาและหารูปแบบในการพัฒนาห้องสมุดในด้านต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่การเป็นห้องสมุดดิจิทัลที่สมบูรณ์และพร้อมสนับสนุนพันธกิจของมหาวิทยาลัย
สมาชิกกลุ่มชุมชนนักปฏิบัติจึงได้กำหนดองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานที่ต่อยอดมาจากการจัดการความรู้ในปีงบประมาณ 2567 คือ Library transform : Users Digitalization เพื่อพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ และพัฒนาสื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นบุคลากรที่ปฏิบัติงานในห้องสมุด โดยบุคลากรที่ปฏิบัติงานในห้องสมุดสนใจเข้าร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้จำนวน 20 คน
- รายงานการประชุมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้
2. การเสาะแสวงหาความรู้ที่ต้องการ
กลุ่มงานห้องสมุดได้เสาะแสวงหาความรู้ที่ต้องการ ด้วยการศึกษาจากเอกสาร เว็บไซต์ สื่อโซเชียลมีเดีย ของห้องสมุดมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หรือหน่วยงานของรัฐที่มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการรู้สารสนเทศดิจิทัล ศึกษาจากเอกสาร งานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ และพัฒนาสื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการ ซึ่งจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พบว่า ในการสร้างสื่อการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมรู้สารสนเทศดิจิทัลของห้องสมุด จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการรู้สารสนเทศดิจิทัล 2. การสืบค้น การใช้งานทรัพยากรสารสนเทศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของห้องสมุด โดยทางกลุ่มได้สรุปเนื้อหาที่สำคัญในการจัดทำสื่อการเรียนรู้ได้ ดังนี้
1. Digital literacy การรู้ดิจิทัล
ความหมายของ Digital literacy
การรู้ดิจิทัล (Digital literacy) คือ ความตระหนักรู้ความเข้าใจ (Understand) ประเมิน Evaluate) การจัดการ (Manage) และใช้ (Use) สารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณ มีความสามารถประเมินและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมเพื่อสร้างสารสนเทศได้ด้วยตนเอง โดยสามารถสื่อสารไปยังเครือข่ายความรู้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน และสะท้อนกลับทางสังคมอย่างมีจริยธรรม รวมถึง ประยุกต์ใช้ (Apply) สร้างสรรค์ (Create) และสื่อสาร (Communicate) จากแหล่งสารสนเทศที่หลากหลาย และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม (ธิดา แซ่ชั้น และทัศนีย์ หมอสอน, 2559)
สํานักงาน ก.พ. ให้ความหมายของ การรู้ดิจิทัล ว่าเป็นทักษะในการนําเครื่องมือ อุปกรณ์และเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์คือ คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติงาน และการทํางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
Digital literacy หมายถึง ทักษะในการนำเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และสื่อออนไลน์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการทำงานร่วมกัน หรือใช้เพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน หรือระบบงานในองค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ (สำนักงานข้าราชการพลเรือน, ม.ป.ป.)
Digital literacy หรือการรู้ดิจิทัล หมายถึง ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และสื่อสังคมออนไลน์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการทำงานร่วมกัน หรือ ใช้เพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน หรือระบบงานในองค์กร ให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยทักษะ ต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่นับวันจะมีความยุ่งยาก และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราเข้าใจและใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ใช้ความรู้ด้านไอทีให้ได้มากกว่าแค่ความบันเทิง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 (“Digital literacy,” ม.ป.ป.)
จากความหมายที่กล่าวมาสรุปได้ว่า Digital literacy คือ ความรู้ ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ความสามารถในการค้นหา ประเมิน ใช้ประโยชน์ แบ่งปัน และสร้างเนื้อหาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทักษะต่าง ๆ ตั้งแต่การใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานไปจนถึงการนำทางในสภาพแวดล้อมออนไลน์ และการทำความเข้าใจความปลอดภัยและจริยธรรมทางดิจิทัล
มาตรฐานการรู้สารสนเทศ
UNESCO ได้มีการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตในศตวรรษที่ 21 โดยได้กำหนดฐานความรู้เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตและใช้ชื่อว่า “The Eleven Stages of the Information Literacy Life Cycle” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการศึกษาและพัฒนาคุณภาพของบุคคลในประเทศ ซึ่งฐานความรู้ทั้ง 11 ข้อมีรายละเอียดดังนี้
1. ตระหนักถึงความต้องการสารสนเทศและสามารถใช้สารสนเทศในการแก้ปัญหาได้
2. สามารถกำหนดลักษณะและขอบเขตของสารสนเทศที่ต้องการได้
3. รู้วิธีการกำหนดแนวทางแสวงหาสารสนเทศด้วยตนเอง
4. สามารถค้นหาสารสนเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของตนได้
5. สามารถประยุกต์และนำสารสนเทศมาใช้เพื่อสร้างความรู้ใหม่
6. สามารถระบุแหล่งและค้นคืนสารสนเทศในเรื่องที่ต้องการจากแหล่งสารสนเทศต่าง ๆ
7. สามารถจัดระบบ สังเคราะห์ รวบรวมและประยุกต์สารสนเทศไปใช้ประโยชน์ได้
8. สามารถสื่อสาร นำเสนอ และแลกเปลี่ยนสารสนเทศกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
9. สามารถใช้สารสนเทศเพื่อการแก้ปัญหาและตัดสินใจได้
10. ตระหนักถึงการเก็บรักษา บันทึกและนำสารสนเทศกลับมาใช้ใหม่เพื่อการเรียนรู้ในอนาคต
11. สามารถวิเคราะห์สารสนเทศว่ามีความจำเป็นหรือเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่
สำหรับแวดวงวิชาการหรือการอุดมศึกษา สมาคมห้องสมุดห้องสมุดวิทยาลัยและวิจัยแห่งสหรัฐอเมริกา (ACRL) ได้กำหนดมาตรฐานการรู้สารสนเทศไว้ 5 ประการ ได้แก่
มาตรฐานที่ 1 นักศึกษาสามารถกำหนดลักษณะและขอบเขตของสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างชัดเจน
มาตรฐานที่ 2 นักศึกษาสามารถเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
มาตรฐานที่ 3 นักศึกษาสามารถประเมินสารสนเทศและแหล่งที่ผลิตสารสนเทศได้อย่างมีวิจารณญาณ รวมทั้งสามารถบูรณาการสารสนเทศที่คัดเลือกแล้วเข้ากับระบบฐานความรู้และค่านิยมของตนเองได้
มาตรฐานที่ 4 นักศึกษาในฐานะบุคคลและสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ สามารถใช้สารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
มาตรฐานที่ 5 นักศึกษามีความเข้าใจในประเด็นด้านเศรษฐกิจ กฎหมาย และสังคมที่แวดล้อมสารสนเทศ รวมทั้งผลที่เกิดจากการใช้และเข้าถึงสารสนเทศอย่างถูกต้องทางจริยธรรมและกฎหมาย
มาตรฐานสมรรถนะสาขาผู้ใช้ไอที (Digital Literacy) จัดทำโดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี” กำหนดทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 9 ด้าน ดังนี้
ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทั้ง 9 ด้าน
1) การใช้งานคอมพิวเตอร์
2) การใช้งานอินเทอร์เน็ต
3) การใช้งานเพื่อความปลอดภัย
4) การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ
5) การใช้โปรแกรมตารางคำนวณ
6) การใช้โปรแกรมนำเสนอ
7) การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์
8) การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล
9) การใช้ดิจิทัลเพื่อความมั่นคงปลอดภัย
ทักษะความสามารถสำหรับการรู้ดิจิทัล สามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่ การใช้ (Use) การเข้าใจ (Understand) การสร้าง (Create) และ การเข้าถึง (Access) เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้
การใช้ (Use) ทักษะการรู้ดิจิทัลที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่จำเป็นในการใช้เทคโนโลยีในมิติการใช้งานนั้น ครอบคลุมตั้งแต่เทคนิคขั้นพื้นฐาน คือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสารอื่น ๆ ไปถึงเทคนิคขั้นสูงที่มีความซับซ้อนขึ้น เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้ Search engine การใช้อีเมล Calendar โปรแกรม Video conference เป็นต้น ซึ่งทักษะเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินชีวิตและการทำงานในอนาคตได้
การเข้าใจ (Understand) อีกหนึ่งมิติของทักษะ Digital literacy ที่จะช่วยให้เข้าใจบริบทและประเมินสื่อดิจิทัล ส่งผลให้สามารถกลั่นกรองข้อมูลที่พบบนโลกออนไลน์ได้ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน การเสาะหาข้อมูลที่อ้างอิงได้จริงและมีประโยชน์ เป็นข้อมูลที่ปราศจากอคติ ต้องรู้ว่าจะใช้งานแหล่งข้อมูลใดบ้าง ต้องรู้ว่าหน่วยงานไหนเชื่อถือได้ ซึ่งจะต้องเข้าใจถึงผลกระทบของเทคโนโลยีเครือข่ายต่อพฤติกรรม ความเชื่อ ความรู้สึกเกี่ยวกับโลกรอบตัวและมุมมอง เพื่อจะได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้าง (Create) ทักษะ Digital literacy ที่ครอบคลุมไปถึงความสามารถในการผลิตเนื้อหาและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเครื่องมือสื่อดิจิทัลและเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมถึงความสามารถในการดัดแปลงและสื่อสารด้วยการใช้ Rich media เช่น ภาพ วิดีโอ และเสียง ตลอดจนความสามารถในการมีส่วนร่วมเพื่อก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ยุค Web 3.0 อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ
การเข้าถึง (Access) การเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งมิติของทักษะ Digital literacy ที่ครอบคลุมถึงฐานรากในการพัฒนาและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีความเข้าใจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยช่องทางต่าง ๆ รวมถึงมีความรู้ในข้อดีข้อเสียของแต่ละช่องทาง เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการบนโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องเข้าใจสื่อทางดิจิทัลชนิดต่าง ๆ รวมถึง การนำไปประยุกต์ใช้งานในปัจจุบัน
2. การสืบค้น การใช้งานทรัพยากรสารสนเทศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของห้องสมุด
ซึ่งได้กำหนดหัวข้อที่ต้องเรียนรู้ดังนี้
1. OPAC ที่ใช้ในการสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศ ประเภท หนังสือ วารสาร สื่อโสตทัศน์ที่มีให้บริการภายในห้องสมุด โดยเน้นแนะนำวิธีการสืบค้น การตรวจสอบประวัติการยืม-คืน การยืมต่อหนังสือออนไลน์ เป็นต้น
2. Self check แนะนำวิธีการใช้งานทั้งการยืม การคืน และการยืมต่อผ่านเครื่อง
3. Book return แนะนำขั้นตอนการใช้งานเพื่อให้ผู้เรียนสามารถทำตามได้โดยง่าย
4. Hibrary แนะนำวิธีการใช้งานทั้งหมด ตั้งแต่การสมัครสมาชิก สิทธิในการยืม การยืม การคืน และการจองทรัพยกร
5. Digital bookshelf แนะนำวิธีการใช้อุปกรณ์ที่จะเชื่อมโยงไปยังแอปพลิเคชัน Hibrary
6. ฐานข้อมูลออนไลน์ แนะนำวิธีการใช้งานและอธิบายรายละเอียดของฐานข้อมูลที่มีให้บริการทั้งหมด 16 ฐาน
7. Openathens แนะนำวิธีการใช้งานและข้อควรระวังในการใช้งาน
- รายงานการประชุมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3. การปรับปรุง ดัดแปลง ความรู้บางส่วนให้เหมาะสมต่อการดำเนินงานของหน่วยงาน
สมาชิกกลุ่มได้นำความรู้ที่ได้จากการเสาะแสวงหาความรู้ มาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน ซึ่งจากเนื้อหาที่กำหนดไว้ 2 หัวข้อหลัก ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการ จึงมีการกำหนดรูปแบบในการจัดทำสื่อ โดยในหัวข้อที่ 1 Digital literacy การรู้ดิจิทัล ซึ่งมีเนื้อหาที่ค่อนข้างละเอียดจึงนำเสนอในรูปของเว็บเพจ และในหัวข้อที่ 2 การสืบค้น การใช้งานทรัพยากรสารสนเทศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของห้องสมุด ซึ่งเป็นขั้นตอนการใช้งานจึงได้จัดทำเป็นวิดีโอแนะนำการใช้งาน โดยแบ่งเป็นคลิปสั้น ๆ ตามหัวข้อที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้เรียนไม่รู้สึกเบื่อในการรับชม โดยได้จัดทำเป็นเว็บไซต์สำหรับเรียนรู้ โดยใช้ Google site ในการจัดทำเว็บและเชื่อมโยงคลิปแนะนำการใช้งานไปยัง Youtube ใช้ Google forms ในการสร้างแบบทดสอบก่อนเรียน และใช้โปรแกรมมูเดิล (Moodle) ในการสร้างแบบทดสอบหลังเรียน ซึ่งจะได้หน้าเว็บไซต์ ดังภาพ
หน้าจอเว็บไซต์การรู้ดิจิทัล (Digital Literacy)
ภาพหน้าจอหลักบทเรียนการรู้ดิจิทัล (Digital literacy)
ภาพหน้าจอแบบทดสอบก่อนเรียน
ภาพหน้าจอบทเรียน Digital literacy การรู้ดิจิทัล
ภาพหน้าจอบทเรียน การสืบค้น การใช้งานทรัพยากรสารสนเทศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของห้องสมุด
ภาพหน้าจอแบบทดสอบหลังเรียน
ความรู้ที่ได้จากการแสวงหาความรู้
เนื้อหาหลักที่จำเป็นต่อการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ ได้แก่
1. Digital literacy การรู้ดิจิทัล
2.การสืบค้น การใช้งานทรัพยากรสารสนเทศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของห้องสมุด
ความรู้ที่ปรับปรุงให้เหมาะสมต่อการนำไปปฏิบัติ
เนื้อหาที่กำหนดไว้ 2 หัวข้อหลัก มาพัฒนาสื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการ โดยกำหนดรูปแบบในการจัดทำสื่อ โดยในหัวข้อที่ 1 Digital literacy การรู้ดิจิทัล ซึ่งมีเนื้อหาที่ค่อนข้างละเอียดจึงนำเสนอในรูปของเว็บเพจ และในหัวข้อที่ 2 การสืบค้น การใช้งานทรัพยากรสารสนเทศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของห้องสมุด ซึ่งเป็นขั้นตอนการใช้งาน ให้จัดทำเป็นวิดีโอแสดงขั้นตอนและวิธีการใช้งาน โดยแบ่งเป็นคลิปสั้น ๆ ตามหัวข้อที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้เรียนไม่รู้สึกเบื่อในการรับชม
- รายงานการประชุมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้
4. การนำความรู้ที่ได้จากการจัดการความรู้มาปรับใช้ในการปฏิบัติงานจริง
สมาชิกกลุ่มความรู้ ได้นำความรู้เรื่อง คือ Library transform : Users Digitalization (แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ) มาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการ/วิธีการปฏิบัติงาน และสร้างบริการใหม่ ปรับปรุงบริการเดิมให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนำบทเรียนที่พัฒนาขึ้นมาเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ใช้บริการทราบ แต่ด้วยระยะเวลาอันจำกัดทางกลุ่มจึงได้จึงได้วางแผนการประชาสัมพันธ์และกระตุ้นการใช้งาน โดยมีการจัดกิจกรรมชิงรางวัล โดยให้นักศึกษาที่เข้าเรียนและทำแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนด มีสิทธิได้รับรางวัลตามที่กำหนดไว้เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการเข้ามาใช้งาน ดังนี้
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถเข้าศึกษาสื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการได้ ทั้งทางสมาร์ตโฟน และผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ผลการทดสอบหลังเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าก่อนเรียน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถใช้บริการภายในห้องสมุดได้ โดยไม่พบปัญหา
กระบวนการ/แนวทาง/วิธีการเดิม
เผยแพร่สื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการให้ผู้ใช้บริการทราบ โดยประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ของห้องสมุด
กระบวนการ/แนวทาง/วิธีการใหม่
เผยแพร่สื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการ โดยจัดกิจกรรมชิงรางวัลเพื่อกระตุ้นการใช้งาน ซึ่งมีการดำเนินการดังนี้
- มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบถึงขั้นตอนและกติกาในการเข้าร่วม
- เมื่อนักศึกษาเข้าร่วมทำแบบทดสอบก่อนเรียนแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลนักศึกษาเข้าสู่ระบบการทำแบบทดสอบหลังเรียน
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับอีเมลแจ้ง link และขั้นตอนในการทำแบบทดสอบหลังเรียน ภายใน 1 วันหลังจากทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้มีเวลาในการศึกษาบทเรียนก่อนสอบ
- ประกาศผลผู้ได้รับรางวัลที่หน้าเพจ Facebook ของห้องสมุด ตามวันที่กำหนดไว้
สิ่งที่ปรับปรุง
- การจัดกิจกรรมที่มีรางวัลตอบแทน เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้บริการ
- สามารถศึกษาบทเรียนได้ตลอดเวลาไม่มีข้อจำกัด
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถทำแบบทดสอบหลังเรียนได้เมื่อรู้สึกพร้อม
- สร้างให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้เป็นเครือข่ายของห้องสมุดเพื่อประชาสัมพันธ์ ต่อไป
- รายงานการประชุมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้
5. การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัดออกมาเป็นขุมความรู้
กลุ่มความรู้ กลุ่มงานห้องสมุด ได้ประชุมกลุ่มย่อยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากการนำกระบวนการ/วิธีปฏิบัติงานที่ปรับปรุง เรื่อง Library transform : Users Digitalization (แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ) ไปปฏิบัติ และได้รับคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิให้เพิ่มช่องทางหรือมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ทราบและสามารถเข้าถึงบริการนี้ได้เพิ่มมากขึ้น สมาชิกกลุ่มได้ร่วมกันวิเคราะห์ แนวทางในการดำเนินงาน โดยสมาชิกกลุ่ม KM ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และสรุปผลแนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ ดังนี้
กระบวนการ/แนวทาง/วิธีการเดิม
แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ โดยเผยแพร่สื่อการเรียนรู้การรู้สารสนเทศดิจิทัล ของศูนย์วิทยบริการให้ผู้ใช้บริการทราบ โดยประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ของห้องสมุด
กระบวนการ/แนวทาง/วิธีการใหม่
แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ
- จัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้งาน
- ประชาสัมพันธ์ผ่านเพจและเว็บไซต์เป็นประจำทุกสัปดาห์
- ประชาสัมพันธ์ผ่านป้ายอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งภายในห้องสมุด
- ขอความร่วมมือจากเพจของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักศึกษาเพื่อประชาสัมพันธ์
สิ่งที่ปรับปรุง
เพิ่มความถี่ในการประชาสัมพันธ์และเพิ่มช่องทางในการสื่อการกับผู้ใช้บริการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบในการสื่อสารกับผู้ใช้บริการ
ข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้ทรงคุณวุฒิแนะนำให้เปรียบเทียบกระบวนการให้บริการเดิมกับกระบวนการให้บริการใหม่ให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน ควรมีการ จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
- รายงานการประชุมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้
6. การรวบรวมความรู้และจัดเก็บอย่างเป็นระบบโดยเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร
กลุ่มความรู้กลุ่มงานห้องสมุดได้นำข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ มาปรับกระบวนการ/วิธีการปฏิบัติงาน เรื่อง แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ และสรุปองค์ความรู้เรื่อง Library transform : Users Digitalization (แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ) จัดทำเป็นกระบวนการ/วิธีปฏิบัติงานเพื่อเผยแพร่ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องนำสู่การปฏิบัติ ดังนี้
กระบวนการ/แนวทาง/วิธีการเดิม
แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ
- จัดทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์
- เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ของห้องสมุด
- เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์บริการค่อยให้คำแนะนำและเชิญชวนให้เข้าใช้งาน
กระบวนการ/แนวทาง/วิธีการใหม่
แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ
- จัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้งาน
- ประชาสัมพันธ์ผ่านเพจและเว็บไซต์เป็นประจำทุกสัปดาห์
- ประชาสัมพันธ์ผ่านป้ายอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งภายในห้องสมุด
- ประชาสัมพันธ์ผ่านเพจของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักศึกษา
- ปรับปรุงสื่อให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ได้ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ
ปรับเพิ่มช่องทางในการสื่อการกับผู้ใช้บริการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบในการสื่อสารกับผู้ใช้บริการ มีการจัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
1) กระบวนการ/วิธีการปฏิบัติงาน เรื่อง แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศดิจิทัลให้กับผู้ใช้บริการ
2) ผลการศึกษาการศึกษาการรู้สารสนเทศดิจิทัลของผู้ใช้บริการ ศูนย์วิทยบริการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา