Digital literacy การรู้ดิจิทัล
ความหมายของ Digital Literacy
การรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) คือ ความตระหนักรู้ความเข้าใจ (Understand) ประเมิน Evaluate) การจัดการ (Manage) และใช้ (Use) สารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณ มีความสามารถประเมินและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมเพื่อสร้างสารสนเทศได้ด้วยตนเอง โดยสามารถสื่อสารไปยังเครือข่ายความรู้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน และสะท้อนกลับทางสังคมอย่างมีจริยธรรม รวมถึง ประยุกต์ใช้ (Apply) สร้างสรรค์ (Create) และสื่อสาร (Communicate) จากแหล่งสารสนเทศที่หลากหลาย และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสม (ธิดา แซ่ชั้น และทัศนีย์ หมอสอน, 2559)
สํานักงาน ก.พ. ให้ความหมายของ การรู้ดิจิทัล ว่าเป็นทักษะในการนําเครื่องมือ อุปกรณ์และเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์คือ คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติงาน และการทํางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
Digital Literacy หมายถึง ทักษะในการนำเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และสื่อออนไลน์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการทำงานร่วมกัน หรือใช้เพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน หรือระบบงานในองค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ (สำนักงานข้าราชการพลเรือน, ม.ป.ป.)
Digital Literacy หรือการรู้ดิจิทัล หมายถึง ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และสื่อสังคมออนไลน์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการทำงานร่วมกัน หรือ ใช้เพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน หรือระบบงานในองค์กร ให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยทักษะ ต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่นับวันจะมีความยุ่งยาก และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราเข้าใจและใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ใช้ความรู้ด้านไอทีให้ได้มากกว่าแค่ความบันเทิง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 (“Digital literacy,” ม.ป.ป.)
จากความหมายที่กล่าวมาสรุปได้ว่า Digital Literacy คือ ความรู้ ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ความสามารถในการค้นหา ประเมิน ใช้ประโยชน์ แบ่งปัน และสร้างเนื้อหาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทักษะต่างๆ ตั้งแต่การใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานไปจนถึงการนำทางในสภาพแวดล้อมออนไลน์ และการทำความเข้าใจความปลอดภัยและจริยธรรมทางดิจิทัล
มาตรฐานการรู้สารสนเทศ
UNESCO ได้มีการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตในศตวรรษที่ 21 โดยได้กำหนดฐานความรู้เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตและใช้ชื่อว่า “The Eleven Stages of the Information Literacy Life Cycle” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการศึกษาและพัฒนาคุณภาพของบุคคลในประเทศ ซึ่งฐานความรู้ทั้ง 11 ข้อมีรายละเอียดดังนี้
1. ตระหนักถึงความต้องการสารสนเทศและสามารถใช้สารสนเทศในการแก้ปัญหาได้
2. สามารถกำหนดลักษณะและขอบเขตของสารสนเทศที่ต้องการได้
3. รู้วิธีการกำหนดแนวทางแสวงหาสารสนเทศด้วยตนเอง
4. สามารถค้นหาสารสนเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของตนได้
5. สามารถประยุกต์และนำสารสนเทศมาใช้เพื่อสร้างความรู้ใหม่
6. สามารถระบุแหล่งและค้นคืนสารสนเทศในเรื่องที่ต้องการจากแหล่งสารสนเทศต่างๆ
7. สามารถจัดระบบ สังเคราะห์ รวบรวมและประยุกต์สารสนเทศไปใช้ประโยชน์ได้
8. สามารถสื่อสาร นำเสนอ และแลกเปลี่ยนสารสนเทศกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
9. สามารถใช้สารสนเทศเพื่อการแก้ปัญหาและตัดสินใจได้
10. ตระหนักถึงการเก็บรักษา บันทึกและนำสารสนเทศกลับมาใช้ใหม่เพื่อการเรียนรู้ในอนาคต
11. สามารถวิเคราะห์สารสนเทศว่ามีความจำเป็นหรือเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่
สำหรับแวดวงวิชาการหรือการอุดมศึกษา สมาคมห้องสมุดห้องสมุดวิทยาลัยและวิจัยแห่งสหรัฐอเมริกา (ACRL) ได้กำหนดมาตรฐานการรู้สารสนเทศไว้ 5 ประการ ได้แก่
มาตรฐานที่ 1 นักศึกษาสามารถกำหนดลักษณะและขอบเขตของสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างชัดเจน
มาตรฐานที่ 2 นักศึกษาสามารถเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
มาตรฐานที่ 3 นักศึกษาสามารถประเมินสารสนเทศและแหล่งที่ผลิตสารสนเทศได้อย่างมีวิจารณญาน รวมทั้งสามารถบูรณาการสารสนเทศที่คัดเลือกแล้วเข้ากับระบบฐานความรู้และค่านิยมของตนเองได้
มาตรฐานที่ 4 นักศึกษาในฐานะบุคคลและสมาชิกของกลุ่มต่างๆ สามารถใช้สารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
มาตรฐานที่ 5 นักศึกษามีความเข้าใจในประเด็นด้านเศรษฐกิจ กฎหมาย และสังคมที่แวดล้อมสารสนเทศ รวมทั้งผลที่เกิดจากการใช้และเข้าถึงสารสนเทศอย่างถูกต้องทางจริยธรรมและกฎหมาย
มาตรฐานสมรรถนะสาขาผู้ใช้ไอที (Digital Literacy) จัดทำโดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี” กำหนดทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 9 ด้าน ดังนี้
ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทั้ง 9 ด้าน
1) การใช้งานคอมพิวเตอร์
2) การใช้งานอินเทอร์เน็ต
3) การใช้งานเพื่อความปลอดภัย
4) การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ
5) การใช้โปรแกรมตารางคำนวณ
6) การใช้โปรแกรมนำเสนอ
7) การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์
8) การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล
9) การใช้ดิจิทัลเพื่อความมั่นคงปลอดภัย
ทักษะความสามารถสำหรับการรู้ดิจิทัล สามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่ การใช้ (Use) การเข้าใจ (Understand) การสร้าง (Create) และ การเข้าถึง (Access) เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้
การใช้ (Use) ทักษะการรู้ดิจิทัลที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่จำเป็นในการใช้เทคโนโลยีในมิติการใช้งานนั้น ครอบคลุมตั้งแต่เทคนิคขั้นพื้นฐาน คือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสารอื่น ๆ ไปถึงเทคนิคขั้นสูงที่มีความซับซ้อนขึ้น เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้ Search engine การใช้อีเมล Calendar โปรแกรม video conference เป็นต้น ซึ่งทักษะเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินชีวิตและการทำงานในอนาคตได้
การเข้าใจ (Understand) อีกหนึ่งมิติของทักษะ Digital literacy ที่จะช่วยให้เข้าใจบริบทและประเมินสื่อดิจิทัล ส่งผลให้สามารถกลั่นกรองข้อมูลที่พบบนโลกออนไลน์ได้ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน การเสาะหาข้อมูลที่อ้างอิงได้จริงและมีประโยชน์ เป็นข้อมูลที่ปราศจากอคติ ต้องรู้ว่าจะใช้งานแหล่งข้อมูลใดบ้าง ต้องรู้ว่าหน่วยงานไหนเชื่อถือได้ ซึ่งจะต้องเข้าใจถึงผลกระทบของเทคโนโลยีเครือข่ายต่อพฤติกรรม ความเชื่อ ความรู้สึกเกี่ยวกับโลกรอบตัวและมุมมอง เพื่อจะได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้าง (Create) ทักษะ Digital literacy ที่ครอบคลุมไปถึงความสามารถในการผลิตเนื้อหาและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเครื่องมือสื่อดิจิทัลและเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมถึงความสามารถในการดัดแปลงและสื่อสารด้วยการใช้ Rich media เช่น ภาพ วิดีโอ และเสียง ตลอดจนความสามารถในการมีส่วนร่วมเพื่อก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ยุค Web 3.0 อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ
การเข้าถึง (Access) การเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งมิติของทักษะ Digital literacy ที่ครอบคลุมถึงฐานรากในการพัฒนาและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีความเข้าใจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยช่องทางต่าง ๆ รวมถึงมีความรู้ในข้อดีข้อเสียของแต่ละช่องทาง เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการบนโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องเข้าใจสื่อทางดิจิทัลชนิดต่าง ๆ รวมถึง การนำไปประยุกต์ใช้งานในปัจจุบัน
รายการอ้างอิง
คุณครูโค้ดจีเนียสอคาเดมี่. (2566, 28 กันยายน). Digital literacy ทักษะการรู้ดิจิทัล กุญแจสู่การเติบโตที่ดีของเด็กยุคใหม่. Code Genius. https://codegeniusacademy.com/digital-literacy/
Digital literacy สอนเพื่อให้รู้ และอยู่ได้ในสังคมแห่งอนาคต. (ม.ป.ป.). Aksorn. https://www.aksorn.com/digital-literacy
ธิดา แซ่ชั้น และทัศนีย์ หมอสอน. (2559). การรู้ดิจิทัล: นิยาม องค์ประกอบ และสถานการณ์ในปัจจุบัน. วารสารสารสนเทศศาสตร์, 34(4), 116-145.
รวิศ หาญอุตสาหะ. (ม.ป.ป.). รู้จัก “Digital Literacy” ทักษะนี้คืออะไร ในวันที่ทุกคนต้องมี. Plean เพลิน. https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/know-skill-digital-literacy
สำนักงานข้าราชการพลเรือน. (ม.ป.ป.). Digital literacy คืออะไร. https://www.ocsc.go.th/DLProject/mean-dlp
Eshet-Alkalai, Y. (2004). Digital literacy: A conceptual framework for survival skills in the digital era. Journal of Educational Multimedia and Hypermedia, 13(1), 93-106.
Prensky, M. (2001). Digital natives, digital immigrants part 2: Do they really think differently? On the Horizon, 9(6), 1-6. https://doi.org/10.1108/10748120110424843
Tinmaz, H., Lee, Y. T., Fanea-Ivanovici, M., & Baber, H. (2022) A systematic review on digital literacy, Smart Learning Environments, 9, Article 21. https://doi.org/10.1186/s40561-022-00204-y