นายอนุชิต ฦากำลัง
ผู้อำนวยการโรงเรียน
นายอนุชิต ฦากำลัง
ผู้อำนวยการโรงเรียน
กลุ่มสาระฯภาษาไทย
กลุ่มสาระฯคณิตศาสตร์
กลุ่มสาระฯวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กลุ่มสาระฯสังคมศึกษาฯ
กลุ่มสาระฯสุขศึกษาฯ
กลุ่มสาระฯศิลปะ
กลุ่มสาระฯการงานอาชีพฯ
กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ
ประวัติโรงเรียนบ้านสารจอด
๑. โรงเรียนนี้ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘โดยแยกออกเป็นสาขาของโรงเรียนประชาบาล ตำบลบ้านเป้า ๑ (วัดธาตุ) ตำบลบ้านเป้า อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โรงเรียนดำรงอยู่เป็นเวลา ๕ ปี ครั้นถึง พ.ศ.๒๔๗๒ ทางราชการจึงสั่งยุบโรงเรียนนี้ เพราะเด็กที่เข้าเรียนมีจำนวนน้อย และเด็กซึ่งอยู่ในเกณฑ์บังคับให้เข้าเรียนตามพระราชบัญญัติประถมศึกษานั้น ทางราชการยกเว้นให้เพราะถ้าจะให้ไปเล่าเรียนยังโรงเรียนประชาบาลตำบลบ้านเป้า ๑ (วัดธาตุ) ระยะทางก็ห่างไกลและกันดารมาก จวบถึงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๘๑ ขุนพิทักษ์นราดูร นายอำเภอภูเขียวได้มาตรวจท้องที่เห็นว่าบ้านนี้มีจำนวนหลังคาเรือนและเด็กก็มีมากสมควรจัดตั้งโรงเรียนได้ ฉะนั้นนายอำเภอและศึกษาธิการอำเภอ ซึ่งมีนายใส บุญเนาว์จึงสั่งให้สารวัตศึกษาจัดการสำรวจเด็ก เมื่อได้เด็กเต็มตามจำนวนที่ได้บัญญัติไว้จึงตั้งโรงเรียนขึ้นชื่อว่าโรงเรียน
ประชาบาล ตำบลบ้านเป้า ๒ (วัดโคกก่อง) ซึ่งขึ้นต่ออำเภอภูเขียว ดำรงโรงเรียนอยู่ได้โดยการใช้เงินช่วยการประถมศึกษาจ่ายเป็นเงินเดือนครูและค่าใช้สอยต่างๆ ครั้นต่อมากิจการงานต่างๆ ของอำเภอภูเขียวมากมายเหลือมือเพราะมีอาณาเขตกว้างขวางหลายหมู่บ้านหลายตำบล การปกครองดูแลไม่ทั่วถึงทางราชการจึงยกฐานะตำบลบ้านยาง(บ้านยาง) ขึ้นเป็นกิ่งเรียกว่า “กิ่งบ้านยาง” โรงเรียนนี้อยู่ในเขตกิ่งจึงขึ้นต่อกิ่งบ้านยางตั้งแต่นั่นมา
๒. เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ ตรงกับวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๘๒ ทางราชการจึงยกฐานะกิ่งบ้านยางขึ้นเป็นอำเภอให้ชื่อว่า “อำเภอเกษตรสมบูรณ์” ขึ้นตรงต่อจังหวัดชัยภูมิ โรงเรียนนี้จึงขึ้นตรงต่ออำเภอเกษตรสมบูรณ์ครั่นถึง พ.ศ.๒๔๘๔ ทางราชการมีโครงการปรับปรุงตำบลและอำเภอใหม่ โดยมีปลัดตำบลเป็นผู้ควบคุมดูแลกิจการต่างๆ ภายในตำบลเหตุที่มีหลายตำบลและปลัดตำบลมีน้อยไม่สะดวกในการปรับปรุงจึงยุบตำบล ฉะนั้นตำบลบ้านเป้าจึงยุบไปขึ้นกับตำบลกุดเลาะ โรงเรียนนี้จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนประชาบาล ตำบลกุดเลาะ ๑๐ (วัดโคกก่อง) จนถึง พ.ศ.๒๔๙๑ จึงยกเลิกคำสั่งนั่นและตั้งตำบลบ้านเป้าโรงเรียนนี้จึงมีชื่อว่า โรงเรียนประชาบาลตำบลบ้านเป้า ๒ (วัดโคกก่อง) ตามเดิมต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ ทางราชการได้ยกฐานะครูประชาบาลขึ้นเป็นราชการ มีฐานะและเงินเดือนเหมือนข้าราชการการอื่นๆ จึงตัดคำว่าประชาบาลออกเรียกชื่อโรงเรียนนี้ว่าโรงเรียนวัดโคกก่อง
๓. ระเบียบการต่างๆ
ก. การปิดเปิดโรงเรียนประจำภาคต่างๆ ตั้งแต่โรงเรียนมาจนถึง พ.ศ.๒๕๐๒ ปิดดังนี้
ภาคต้น ปิดตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ถึงวันที่ ๒๐ สิงหาคม รวมปิด ๒๐ วัน
ภาคกลาง ปิดตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ถึงวันที่ ๒๐ ธันวาคม รวมปิด ๒๐ วัน
ภายปลาย ปิดตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน รวมปิด ๓๐ วัน
ข. การหยุดเรียนประจำสัปดาห์ แต่ก่อนไปโรงเรียนนี้ปิดเรียนวันพระจนถึง พ.ศ.๒๕๐๒ ทางโรงเรียนขออนุญาตหยุดเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะเกี่ยวกับการจัดตารางสอนโครงการสอนของโรงเรียนทั้งไม่เป็นการขัดขวางกับทางวัดในการทำบุญ ทางราชการจึงอนุญาตจึงหยุดเรียนประจำสัปดาห์ในวันเสาร์-อาทิตย์
ค. การสอบไล่ แต่ก่อนใช้ ต.๒ ก ครั้น พ.ศ.๒๕๐๔ ทางราชการเปลี่ยนเป็น ส.ศ๗ แทน เพราะการสอบหรือการวัดผลทำกันตลอดปี
ง. การสอน ทางโรงเรียนได้จัดการสอนแผนใหม่ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการโดยทางโรงเรียนจัดทำ
โครงการสอนขึ้นตลอดจนหาและทำอุปกรณ์การสอนการวัดผลได้ทำกันในระยะปีการศึกษาละอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๕ ครั้ง การสอบไล่ชั้นประถมปีที่ ๔ ได้เรียกว่าเรียนจบชั้นประถมตอนต้น
จ. การสวดมนต์ไหว้พระ แต่ก่อนเมื่อเชิญธงขึ้นสู่เสาแล้วครูบอกนักเรียนเข้าชั้นจึงทำการไหว้พระเป็นชั้นๆ ไป มา พ.ศ.๒๕๐๔ ได้เปลี่ยนแปลงใหม่คือให้ครูเวรพานักเรียนสวดมนต์บทพระพุทธคุณพระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พร้อมทั้งคำแปลก่อนเข้าห้องเรียนทุกวัน
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ได้รับงบประมาณก่อสร้างโรงเรียน ๖๐,๐๐๐ บาท และได้สร้างในที่ดินของโรงเรียนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดมีเนื้อที่ ๑๖ ไร่ ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วและใช้เป็นสถานที่เรียนได้ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๐ เมื่อได้มาอยู่อาคารหลังใหม่แล้วจึงขออนุญาต ตั้งชื่อโรงเรียนเปลี่ยนใหม่ว่า โรงเรียนบ้านสารจอดและทางราชการก็ได้อนุญาตให้ใช้ชื่อนี้ได้ตั้งแต่นั่นเป็นต้นมา