ปิยะวัฒน์ จิระสกุลการุญ
(piyawat chirasakulkarun)
Bestsafe Glove
เครื่องใช้ไม้สอยปกป้องอันตรายเฉพาะบุคคล ปิยะวัฒน์ จิระสกุลการุญ ( piyawat chirasakulkarun )
Bestsafe GLOVE CO.,LTD เครื่องใช้ไม้สอยที่สวมปกคลุมส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อคุ้มครองป้องกันอันตรายที่อาจเป็นเพราะเนื่องจากภาวการณ์แล้วหลังจากนั้นก็สิ่งแวดล้อมในขณะปฎิบัติงาน โดยธรรมดาในการปฏิบัติการจะมีการคุ้มครองป้องกันรวมทั้งควบคุมสภาพแวดล้อมของการทำงานก่อน โดยการปรับปรุงเปลี่ยนทางวิศวกรรม อย่างเช่น ความเคลื่อนไหวเครื่องจักร แปลงวิธีการทำงาน อื่นๆอีกมากมาย แม้ว่าในเรื่องที่ไม่สามารถทำการดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ จำต้องใช้วัสดุอุปกรณ์คุ้มครองป้องกันอันตรายส่วนบุคคลมาใช้เพื่อช่วยคุ้มครองปกป้องอวัยวะของร่างกายไม่ให้มีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในขณปฎิบัติงาน
พวกของวัสดุอุปกรณ์คุ้มครองป้องกันอันตรายส่วนตัว
1.เครื่องไม้เครื่องมือคุ้มครองป้องกันหัว (Head Protection) เป็นวัสดุที่ใช้สำหรับปกป้องรักษาหัวจากการเช็ดกกระแทก หรือวัตถุจากที่สูงตกลงเยอะแยะระแทก รวมถึงป้องกันแบรนด์ยจากกระแสไฟรวมทั้งสารเคมีเหลว ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ปกป้องหัวที่สำคัญเป็นหมวกนิรภัย (Safety Hat) รวมทั้งหมวกกันหัวชน (Bump Hat) ามมาตรฐาน ANSI Z89.1-2003 แบ่งหมวกนิรภัยออกได้ตามลักษณะของการปกป้องชน และก็การคุ้มครองไฟฟ้า
ปกติหมวกนิรภัยควรจะป้องกันกระแทกได้ในแบบประเภท 1 หรือไม่ก็ประเภทที่ 2
หมวกนิรภัย ชนิดที่ 1
หมวกนิรภัยพวกนี้จะถูกออกแบบให้สามารถป้องกันการเกิดการกระแทกจากด้านบน ถึงแม้ไม่ออกแบบสำหรับป้องกันการเกิดการกระแทกจาก้านข้าง
หมวกนิรภัย ประเภทที่ 2
หมวกนิรภัยชนิดนี้จะถูกดีไซน์ให้สามารถป้องกันการเกิดการกระแทกได้ทั้งจากด้านบนและด้านข้าง
หมวกนิรภัย ประเภทที่ E ตัว E ย่อมาจาก Electrical ดังนั้นหมวกนิรภัยจำพวกนี้ก็เลยออกแบบเพื่อสามารถกันไฟฟ้าล้ำหน้า โดยจะต้องผ่านทดสอบการปกป้องไฟฟ้าพอดิบพอดี 20,000 โวลต์ (ดูก่อนยละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง) หมวกนิรภัย พวกที่ G ตัว G ย่อมาจาก General หมวกนิรภัยประเภทนี้จะต้องผ่านทดสอบการปกป้องกระแสไฟพอดิบพอดี 2,200 โวลต์ หมวกนิรภัย ชนิดที่ C ตัว C ย่อมาจาก Conductive หมวกนิรภัยประเภทนี้ไม่กันกระแสไฟ และไม่มีการทดสอบการปกป้องกระแสไฟ การกำหนดเครื่องหมาย หมวกนิรภัยควรจะมีชื่อ หรือสัญลักษณ์ของผู้ผลิต วันที่ผลิต เครื่องหมายมาตรฐาน ANSI และขนาดหมวก
2.วัสดุอุปกรณ์ป้องกันดวงตา (Safety Glasses) ใช้สำหรับปกป้องรักษาดวงตาจากการกระทบกับของแข็ง ปกป้องสารเคมีหรือวัตถุกระเด็นเข้าตาจนก่อให้เกิดอันตรายในขณะปฎิบัติงาน นับจากเริ่มมีการใช้เลเซอร์ในห้องแลปในตอนปี คริสต์ศักราช 1960 ก็ได้มีการพิจารณาถึงความปลอดภัยในการใช้เลเซอร์ ซึ่งอันตรายที่เกิดขึ้นจากเลเซอร์มี 3 หัวใจสำคัญๆเป็น
อันตรายจากลำแสงเลเซอร์ ซึ่งจะมีผลต่อดวงตาของคนเรามากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย
อันตรายจากความต่างศักย์สูง ที่อยู่ในเลเซอร์แล้วก็แหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า
อันตรายจากสารเลเซอร์ ในเลเซอร์บางจำพวก เช่น Dye laser, Eximer laser
อันตรายต่อดวงตา