ประกอบด้วยเครื่องพัสตราภรณ์ ถนิมพิมภาภรณ์ และศิราภรณ์ ดังนี้
1.กำไลข้อเท้า (หัวบัว) ทำด้วยโลหะ ชุบทองเงามัน ตรงปลายมีลักษณะเหมือนดอกบัวตูม เรียกว่ากำไลหัวบัว เวลาสวมผู้แสดงจะสวมหัวบัวอยู่ข้างด้านในของเท้าทั้งสองข้าง
2. สนับเพลา หรือกางเกง เป็นกางเกงเรียวยาวถึงแข้งตอนบน ใช้ผ้าดิบหรือผ้าขาวธรรมดาเย็บเป็นรูปกางเกง ตอนใต้เข่าถึงกลางแข้ง มีผ้าสีต่อเป็นเชิงอีกท่อนหนึ่ง ปักด้วยดิ้น หรือเลื่อมเป็นลวดลายต่างๆ
3.ผ้านุ่ง หรือภูษา หรือพระภูษา เป็นผ้าที่ใช้นุ่งแบบโจงกระเบน ตัวพระจะนุ่งแบบจีบหางหงส์นุ่งผ้าที่ใช้เส้นไหม หรือเส้นลวดทองทอยกเป็นดอกให้เป็นลายนูน หรือให้เห็นเด่นขึ้นจากพื้นผ้าธรรมดา มีรูปและลวดลายต่างกัน
4. ห้อยข้าง หรือเจียระบาด หรือชายแครง ผ้าคาดเอวชนิดหนึ่ง มีชายห้อยลงมาที่หน้าขาเจียระบาดโขนละคร เป็นแผ่นผ้าสองชิ้น ปักด้วยดิ้นหรือเลื่อมเป็นลวดลายต่างๆ
5. เสื้อ หรือฉลององค์ เสื้อหรือฉลองพระองค์ เสื้อของตัวพระ โดยปกติมีแขนยาวถึงข้อมือ ตัวละครใส่เสื้อสีต่างๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของตัวละครนั้น เพื่อผู้ดูจะได้ทราบทันทีว่าตัวละครตัวนั้น ๆ เป็นใคร ชื่ออะไร เช่น พระรามใส่ เสื้อสีเขียว เป็นต้น
6. รัดสะเอว หรือรัดองค์ หรือรัดพัสตร์ ในวรรณคดีเรียกว่า รัดองค์หรือรัดพัสตร์ เดิมคงหมายความว่าผ้าคาดเอว เมื่อนุ่งผ้าแล้ว รัดสะเอวที่ใช้เป็นเครื่องแต่งตัวโขน ละคร
7. ห้อยหน้า หรือชายไหว พร้อมสุวรรณกระถอบ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ห้อยหน้า อยู่ระหว่างชายแครง มีการตัดเย็บลวดลายเข้าชุดกันกับรัดสะเอว และชายแครงทั้งสองอย่างนี้
8. กรองคอ หรือนวมคอ หรือกรองศอ เป็นผ้าสีปักดิ้น เวลาใช้สวมคอทับลงบนเสื้อ กรองคอนี้บางทีด้านนอก ก็ทำแบบกลม บางทีก็มีลักษณะเป็นหยักแหลมๆ ตามลวดลายที่เป็นตัวสำหรับตัวนางเรียกว่า นวมนาง ส่วนมากมีเพชรหรือพลอยประดับ
9. เข็มขัด หรือปั้นเหน่ง สำหรับโขน ละครตัวดี จะทำอย่างประณีตบรรจง มีการประดับ เพชรพลอยเป็นชิ้นๆ ภายในโปร่ง
10.ทับทรวง เป็นเครื่องประดับคอ ลักษณะคล้ายสร้อยคอ โดยมีจี้ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดอยู่ระหว่างอกริมทับทรวงตรงขอบล่างจะมีเพชรหรือพลอยห้อย เป็นระยะๆ
11. อินทรธนู เป็นเครื่องประดับเครื่องแต่งกาย ใช้สำหรับตัวพระ และยักษ์เท่านั้น มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมทรงสูง ปลายงอนเข้าเล็กน้อย ตรงปลายยอดติดอยู่ด้านล่างเป็นมุมได้ฉาก ผ้าที่ใช้นั้นต้องปักดิ้นด้วยลวดลายไทย
12. สังวาล พร้อมตาบทิศ และตาบหลัง เป็นสร้อยชนิดหนึ่ง ใช้คล้องสะพายแล่งสลับกันมี 2 สาย มีตาบทิศหรือสร้อยให้ติดกันเป็นรูปกากบาท สังวาลนี้มีทั้งประดับด้วยเพชร พลอย และเป็นผ้าแถบทองเป็นลวดลาย ตาบทิศมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด เย็บติดกับสังวาล เมื่อแต่งแล้วจะอยู่ข้างๆ ตัว อีกชิ้นหนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเย็บเชื่อมสังวาลให้ไขว้กัน เมื่อสวมแล้วจะอยู่กึ่งกลางหลังของตัวละคร ตาบทิศจึงเป็นเครื่องประดับติดกับสังวาลอยู่ใต้สะพายแล่งและข้างหลังของตัวละครเมื่อสวม
13. แหวนรอบ(แหวนรองกำไลเท้า) มีลักษณะเป็นเส้นลวดขนาดเล็ก ทำเป็นวงกลมซ้อนหรือเหลี่ยมกันเป็นวงกลมชั้นๆ มีขนาดกว้างพอสวมข้อเท้า จะสวมไว้บนกำไลเท้า
14. แหวนรอบ(แหวนรองกำไลแผง) มีลักษณะเป็นเส้นลวดขนาดเล็ก ทำเป็นวงกลมซ้อนหรือเหลี่ยมกันเป็นวงกลมชั้นๆ มีขนาดกว้างพอสวมข้อมือ จะสวมต่อจากกำไลแผง
15. ปะวะหล่ำ มีลักษณะเหมือนลูกประคำกลมๆ มีรูกลวงสำหรับร้อยเชือกใช้สวมข้อมือ อยู่ระหว่างแหวนรอบและทองกรหรือกำไลแผง ปัจจุบันการแต่งกายโขนละครไม่นิยมใช้ปะวะหล่ำ ทั้งนี้อาจจะ เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น
16. กำไลแผงหรือทองกร เป็นเครื่องประดับข้อมือ มีลักษณะเป็นวงกลมเลียนแบบเครื่องต้น ของพระมหากษัตริย์ มักประดับด้วยเพชรพลอย
17. ชฎา(ชฎาพระ ติดอุบะและดอกไม้ทัดด้านขวา) ดอกไม้ทัด เป็นดอกไม้สีแดง ติดอยู่เหนือกรรเจียกจรทางด้านขวา ส่วนอุบะ ห้อยต่อจากดอกไม้ทัดลงมา ปลายของอุบะนิยมให้อยู่ระดับจมูกของตัวละคร ดอกไม้เพชร เป็นเครื่องประดับที่ติดอยู่กับชฎา อยู่ทางด้านซ้ายของชฎา