๖๐ ปี แห่งความภาคภูมิใจ
วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
วันพุธที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ จัดโครงการส่งเสริมพัฒนาอาจารย์
เจ้าหน้าที่ และนักศึกษา ด้านคุณธรรม จริยธรรม และความภาคภูมิใจ
ต่อสถาบัน ผ่านกิจกรรมทำบุญตักบาตร ครบรอบ ๖๐ ปี
วันสถาปนาวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
📍 ณ หอประชุม วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
แสดงสุนทรพจน์เฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
ในรัชกาลที่ ๗
นางสาวเมธาวดี สังข์คำ
นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ ๒
เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงสุนทรพจน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ในงาน "สวนบ้านแก้วแฟร์"
วันสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี รำลึก ๑๒๐ ปี ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์พฤทธิสาณ ชุมพล เลขาธิการ
มูลนิธิประชาธิปกรำไพพรรณี เข้าร่วมรับฟังการแสดง วันศุกร์ที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ ลานพระบรมชินยานุสาวรีย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี
การให้บริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์
นางสาวภูริชญา เผ่าหนอง นางสาวภัทรานิษฐ์ รังคะอนันต์โชติ
และนายภูริทัต พุฒแก้ว
นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ ๔
ฝึกปฏิบัติงานในรายวิชาปฏิบัติการรักษาพยาบาลขั้นต้น
ณ หอผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสอยดาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
นักศึกษาทั้ง ๓ คน ได้ให้การพยาบาลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์และ
ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง จนผู้ป่วยและญาติปลอดภัยและประทับใจ
ได้รับคำชื่นชมจากผู้รับบริการ
มหกรรมกีฬาสถาบันพระบรมราชชนก
เขตการศึกษา 3 (เขตสุขภาพ 5, 6 และ 13) "เหลืองจันท์เกมส์"
วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567 (Sport Night)
🎬 ณ สนามกีฬาบาสเกตบอล วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี 🎙️
การแสดงถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดต่าง ๆ ในเขตการศึกษา 3 เขตสุขภาพที่ 6 และ 13 แสดงถึงศิลปวัฒนธรรม และจุดเด่นแต่ละท้องที่ ทั้งแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศ จังหวัดปราจีนบุรี ประเพณีวิ่งควาย จังหวัดชลบุรี การร่ายรำอันอ่อนช้อยสวยงามอย่างรำดอกบัว จากกรุงเทพมหานคร และความภาคภูมิใจในจังหวัดจันทบุรี ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโดยผ่านการแสดงรำดาบ เพื่อเป็นการร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป
วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2567
🥁 ณ สนามกีฬาศักดิเดช มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี 🎥
การแสดงบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของจังหวัดจันทบุรี คำขวัญจังหวัดจันทบุรีที่ว่า "น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี"
การแสดงเทิดพระเกียรติพระบิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โดยการแสดงในรูปแบบของการนำเสนอปิงปองจราจรชีวิต 7 สี สบช. โมเดล รวมถึงความภาคภูมิใจในสถาบันการศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก ในนาม “ลูกเหลืองฟ้า ช่อการบูร“
รำบวงสรวง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประจำปี ๒๕๖๘
ในวันเสาร์ที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๗
ณ พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมาราช จันทบุรี
ประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีกว่า 1,000 คนร่วมกิจกรรม รำบวงสรวงถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รำลึก สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วันคล้ายวันปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและมหาวีรกรรมความกล้าหาญของชาวจันทบูรที่ร่วมทัพไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา
ศิลปะการแสดงและวัฒนธรรมของชาวจันทบุรี
ขอขอบคุณวิทยากร ..
คุณมนัส ไทยทักษ์
หัวหน้าละครเท่งตุ๊กจันทบุรี คณะมนัสชัย วัฒนา
นางสาวกัญจนา สงคศาสตร์
พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลพระปกเกล้า
ศิษย์เก่าวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี รุ่นที่ 54
“เท่งตุ๊ก” เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของไทย มีตัวละคร ตัวพระ ตัวนาง ผู้ร้าย แสดงไปตามบทบาทและเนื้อเรื่อง แต่เดิมส่วนใหญ่ใช้ผู้หญิงแสดง ยกเว้นตัวตลกซึ่งอาจใช้ผู้ชาย มีเครื่องดนตรีประกอบการแสดง คือ กลองตุ๊ก โทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ ลักษณะการร่ายรำมีกลิ่นอายของละครชาตรี
เนื้อเรื่องที่ใช้แสดง สมัยก่อนจะใช้เรื่องที่มากจากนิทานพื้นบ้าน เรื่องราวจักรๆ วงศ์ๆ แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ายุคสมัย และความนิยมบ้าง โดยอิงเรื่องราวชีวิตประจำวัน
การแต่งกายของตัวละคร เป็นการแต่งองค์ทรงเครื่องนุ่งสลับเพลา ผ้าโจงหางหงส์ ผ้ายกจีบ สวมเสื้อ ใส่กรองคอ สวมสังวาลย์ ทับทรวง เข็มขัด กำไลข้อมือ ข้อเท้า สวมถุงเท้า ศีรษะสวมชฎา
สาเหตุที่เรียกศิลปะพื้นบ้านนี้ว่า “เท่งตุ๊ก” เพราะเป็นไปตามชื่อของเครื่องประกอบการร่ายรำ หรือประกอบการแสดง ซึ่งจะมีโทน กลองตุ๊ก ฉิ่ง กรับ ฉาบเล็ก แต่ปัจจุบันปรับให้ทันสมัยขึ้น จึงนำระนาดเอกมาผสมโรงด้วย ที่บอกว่าอาศัยเรียกตามเครื่องประกอบการร่ายรำเพราะเวลาตีโทน เสียงจะดัง เท่ง และเวลาตีกลองตุ๊ก เสียงจะดัง ตุ๊ก เลยเรียกกันว่า “เท่งตุ๊ก”
การกำเนิดละครเท่งตุ๊กในจังหวัดจันทบุรีเริ่มจาก “นายทิม ภากกิจ” ได้รับการถ่ายทอดละครชาตรีจากครูขุนทองซึ่งอยู่ในภาคใต้ของไทยแล้วแสดงละครเร่เรื่อยมา และในปี พ.ศ. 2420 ได้นำเข้ามาเผยแพร่ในเขตอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ถึงปัจจุบัน เมื่อกาลเวลาผ่านไปศิลปะก็มีการประยุกต์ ตามสมัยนิยม ปัจจุบันจึงมีการแสดงอยู่ 3 ลักษณะ คือ แบบดั้งเดิม แบบพันทางคือการแสดงที่ผสมผสานกับลิเก และแบบประยุกต์ คือ ผสมวงดนตรีสตริงและหางเครื่อง
ด้วยชาวบ้านจังหวัดจันทบุรี ที่ยังคงรักษาศิลปะการแสดงพื้นบ้านที่เอกลักษณ์ได้ยั่งยืนมานานถึงปัจจุบัน ซึ่งหาที่จังหวัดอื่นไม่ได้ บันทึกไทย จึงบันทึกว่า “จันทบุรีมีศิลปะการแสดงพื้นบ้านละคร
เท่งตุ๊ก เพียงจังหวัดเดียวในประเทศไทย”
🎥 จัดทำโดย ชมรม Youtuber ร่วมกับ สโมสรนักศึกษา
จากรายงานวิจัยของ ผศ.ดร.ชัยยนต์ ประดิษฐศิลป์ เรื่องการทอเสื่อของชาวเว้ที่อพยพจากการถูกเบียดเบียนทางศาสนาประมาณ 130 คน มาตั้งแต่ช่วงอยุธยาตอนปลายว่า ก่อนที่อพยพเข้ามาจันทบุรีนั้น ชาวเวียดนามกลุ่มนี้ได้พำนักอยู่ในเขตเขมรระยะหนึ่งพร้อมปลอมตัวเป็นชาวเขมร ทำให้ชาวคาทอลิกเวียดนามได้นำเอาภูมิปัญญาการทอเสื่อจากเขมรเข้ามาประยุกต์ใช้หลังจากได้มาตั้งฐานในจังหวัดจันทบุรี เรียกว่า "เสื่อญวนอพยพ" หรือ "เสื่อญวนหลังวัด"
"เอาไว้ขายเลี้ยงชีพ เลี้ยงอาราม" คือวัตถุประสงค์ในการทอเสื่อของกลุ่มซิสเตอร์ของวัดโรมันคาทอลิกที่นิยมทอกันในยามว่าง สมัยนั้นเรียกเสื่อฝีมือซิสเตอร์ว่า "เสื่ออาราม" หรือ "เสื่อแม่ชี" เป็นเสื่อที่มีลวดลายการยกดอก ส่วนคริสตชนจะทอเสื่อรวดหรือเสื่อธรรมดา ไม่มีลวดลายสำหรับไว้ใช้งานในบ้านหรือในวัด
จากพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ 5 คราวตรวจราชการหัวเมืองชายทะเลตะวันออก ร.ศ.95 ได้พระราชนิพนธ์เรื่องการทอเสื่อของญวนว่า เสื่อกกแดงนั้น มีแต่พวกญวนทำแห่งเดียว วิธีทำนั้นเอาต้นกกมาจักให้เล็ก ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงย้อมสีต่าง ๆ ตามที่จะให้เป็นลาย สีแดงนั้นย้อมด้วยน้ำฝาง สีดำย้อมด้วยหมึก สีเหลืองย้อมด้วยแกแล บางทีย้อมขมิ้น สีน้ำเงินย้อมด้วยครามแต่ใช้น้อย แล้วเอาเข้าสดึงทอลายต่าง ๆ เป็นเสื่อ ผืน/ลวด ยาวตามแต่จะต้องการ เป็นสินค้าส่งออกนอกเมือง
ในเวลาต่อมาความนิยมในเสื่อญวนยังคงอยู่ เนื่องจากมีความเป็นเอกลักษณ์ในตนเองคือการทอจากกกกลม ซึ่งมีเส้นเล็กและมีความเหนียวมากจึงทำให้เสื่อกกมีลายที่ละเอียดประณีต สามารถออกแบบให้เป็นลายต่าง ๆ ได้ จึงเป็นที่ต้องการของทางรัฐบาลในการนำไปจัดแสดงยังนานาประเทศ ยกตัวอย่างเช่น
พ.ศ. 2457 เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้สมุหเทศาภิบาลมณฑลจันทบุรี ให้จัดส่งผลิตภัณฑ์และสิ่งของเครื่องใช้ที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านไปร่วมจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์เมืองซานฟรานซิสโก ณ ประเทศอเมริกา หนึ่งในนั้นได้แก่ "เสื่อกก" ลายยกดอกตราอาม ลายยกดอกหน้าสัตว์ ลายยกดอกครุฑ และลายธรรมดา จากการนำไปจัดแสดงครั้งนั้นได้รับรางวัลเป็นเหรียญเกียรติยศพร้อมใบประกาศ
นอกจากนี้ ใน พ.ศ. 2475 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี มีความประสงค์ให้ว่าจ้างช่างที่มีฝีมือดี (ในสำนักชี) จัดทอเสื่อเพื่อร่วมในการแสดงในงานพิพิธภัณฑ์นานาประเทศ ณ เมืองเรไยนา ประเทศแคนาดา ชนิดที่สั่งทำ ได้แก่ เสื่อชั้นเดียวลายละเอียดสีขาวสลับสีน้ำเงิน เสื่อชั้นเดียวลายละเอียดสีแดงสลับสีดำ และเสื่อสองชั้นลายตาหมากรุกสีแดงสลับสีดำ ในระยะหลังต้นกกบริเวณชุมชนวัดโรมันคาทอลิกเริ่มหมดไปจึงมีการสั่งกกจากชาวไทยพุทธ อีกทั้งสั่งทอเสื่อผืนจากบางสระเก้า จึงนับเป็นก้าวแรกของการทอกกญวนโดยฝีมือชาวบางสระเก้า
ต่อมาเมื่อสีวิทยาศาสตร์ที่หาง่ายและคงทนมาแทนที่ กอรปกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ได้มาประทับที่จังหวัดจันทบุรี และได้ทรงโปรดเกล้าฯ จ้างคนงานทอเสื่อจากบางสระเก้ามาทอเสื่อในเขตพระตำหนัก พร้อมกันนั้นพระองค์ทรงออกแบบผลิตภัณฑ์เสื่อกกให้มีรูปแบบหลากหลายและปรับปรุงสีที่ใช้ย้อมกกให้มีความคงทนและหลากสียิ่งขึ้น จนกลายเป็น "เสื่อกกจันทบูร" ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันนี้นั่นเอง
🎥 จัดทำโดย ชมรม Youtuber ร่วมกับ สโมสรนักศึกษา
ขอขอบคุณวิทยากร ..
คุณสุริยา แก่นจันทร์
เจ้าของร้านเสื่อสุริยา บางสระเก้า จันทบุรี