ผู้จัดทำข้อตกลง
นางสาวรัตนา กาวีเมือง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ -
สถานศึกษา โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ชั่วโมงสอนตามตารางสอน จำนวน 23 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาภาษาไทย จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาวิทยาศาสตร์ (เพิ่มเติม) จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาภาษาอังกฤษ (เพิ่มติม) จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาสังคมศึกษาฯ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาประวัติศาสตร์ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาศิลปะ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาศิลปะ (เพิ่มติม) จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการงานอาชีพ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาสุขศึกษา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาการป้องกันการทุจริต จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาแนะแนว จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาลูกเสือ-เนตรนารี จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชาอบรมจริยธรรม จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
####################################################
>>> คำสั่งมอบหมายงานภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
####################################################
งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำแผนการเรียนรู้/การสร้างสื่อ/การสร้าง
เครื่องมือประเมินผล/วิจัยชั้นเรียน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานที่ปรึกษาและระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การมีส่วนร่วมในชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
####################################################
>>> คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเยี่ยมบ้าน ปีการศึกษา 2565
>>> คำสั่ง PLC ประจำปีการศึกษา 2565
####################################################
งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ครูเวรประจำวันพุธ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- เจ้าหน้าที่พัสดุ จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กรรมการงานปฏิคม จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
####################################################
>>> คำสั่งมอบหมายงานภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
####################################################
งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น
จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โครงการอ่านออกเขียนได้อ่านคล่องเขียนคล่อง จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โครงการโรงเรียนสุจริต จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานเฝ้าระวังตรวจคุณภาพร้านค้าในโรงเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
####################################################
>>> คำสั่งมอบหมายงานภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
####################################################
งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ครู
ด้านการจัดการเรียนรู้
ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
ประเด็นท้าทาย
เรื่อง การใช้แบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา (มาตรา กน) ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ Active learning
เรื่อง การใช้แบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา (มาตรา กน) ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ Active learning
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ให้ครูในสังกัดจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาและท้องถิ่น ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ดังนั้น ข้าพเจ้า นางสาวรัตนา กาวีเมือง ตำแหน่ง ครูผู้สอนรายวิชาภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 รับผิดชอบทำการสอนนักเรียนทั้งหมด จำนวน 31 คน ไม่สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้เป็นตามปกติได้ จึงทำให้ทางโรงเรียนได้เลือกรูปแบบวิธีการสอนแบบ On-Hand และ การเรียนการสอนแบบ Online (Line meeting) จากการจัดกิจกรรมดังกล่าว มีผลทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในวิชาภาษาไทยของชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับที่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจในหลายเนื้อหา หรือมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์ที่โรงเรียนได้กำหนดไว้ คือร้อยละ 60
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ถูกกำหนดให้เป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้หลักในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ซึ่งต้องสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตรสมรรถนะที่นักเรียนต้องรู้และควรรู้ตามตัวชี้วัด จากการนำผลตรวจแบบฝึกหัด/ใบงานในเนื้อหา ที่มอบหมายเป็นภาระงานให้นักเรียนได้ทำ สะท้อนให้เห็นว่านักเรียนมีคะแนนค่อนข้างต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักเรียนยังขาดความเข้าใจไม่มีความรู้พื้นฐานและความรู้ทางภาษาไทย ข้อปัญหาที่พบ คือ นักเรียนยังไม่สามารถอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราได้ถูกต้อง และไม่รู้ความหมายของคำ ขาดความมั่นใจในการอ่านและการเขียน จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักเรียนขาดความสนใจในการเรียน อีกทั้งเรื่องในมาตราตัวสะกดเป็นเรื่องที่มีเนื้อหากว้างขวาง บางมาตราตัวสะกด มีตัวสะกดหลายตัว และแบบฝึกหัดในแบบเรียนมีน้อยเกินไป ไม่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจสิ่งที่เรียนอย่างเพียงพอ และไม่สามารถเลือกฝึกในสิ่งที่บกพร่องได้ เมื่อนักเรียนไม่มีโอกาสได้ฝึกเพียงพอก็จะทำให้อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้และนำไปใช้ไม่ถูกต้อง
การอ่านและการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา เป็นเรื่องที่สามารถฝึกฝนให้เกิดทักษะความคล่องแคล่วได้ ซึ่งนอกจากนักเรียนต้องได้รับการฝึกฝนแล้ว การจัดการเรียนรู้ของครูก็จำเป็นต้องพัฒนาด้วยเช่นกัน โดยครูจะต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนศูนย์กลาง ให้ผู้เรียนมีโอกาสลงมือปฏิบัติมากขึ้น โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ Active learning และเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม จากเหตุผลดังกล่าวผู้สอนจึงมีความสนใจที่จะศึกษาเพื่อพัฒนาและแก้ไขข้อบกพร่องในการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราโดยการใช้แบบฝึกทักษะ ทั้งนี้เนื่องจากแบบฝึกทักษะจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเรียน ได้ฝึกฝนทักษะการอ่านและการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราได้เป็นอย่างดี และเสริมทักษะให้กับผู้เรียนก่อให้เกิดการเรียนรู้และความเข้าใจได้เร็วขึ้น ทำให้การสอนของครูและการเรียนของผู้เรียนประสบผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
ขั้นแรก ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4
ขั้นที่ 2 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา (มาตรา กน) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ขั้นที่ 3 ออกแบบหน่วยการเรียนรู้และจัดทำแบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา (มาตรา กน) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ขั้นที่ 4 นำหน่วยการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้นไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ทั้งในรูปแบบ Online และ On hand โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบทที่สอน
ขั้นที่ 5 บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เกิดขึ้นจากการกิจกรรมการเรียนรู้ และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ใช้กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน และการสอนซ่อมเสริมด้วยวิธีการที่หลากหลาย และทำการทดสอบใหม่ จนนักเรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ขั้นที่ 6 เมื่อประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา นำไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพแก่ครูผู้สอนวิชาภาษาไทย ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 ร้อยละ 60 มีผลการพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา (มาตรา กน) ผ่านเกณฑ์ตามตัวชี้วัดที่กำหนด และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาภาษาไทยที่สูงขึ้น
เชิงคุณภาพ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) มีทักษะการอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา (มาตรา กน) และมีความรู้ตามตัวชี้วัดในสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านและเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา (มาตรา กน) (ตรงตามหลักสูตรแกนกลางต้องรู้และควรรู้) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2561 มีสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมทั้งเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขและสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
ประเด็นท้าทาย
เรื่อง การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning โดยใช้แผนการสอนคิด เพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้
ที่ถดถอยและยกระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3
เรื่อง การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning โดยใช้แผนการสอนคิด เพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้
ที่ถดถอยและยกระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
แรกเริ่มเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ครั้งแรก โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 รับมือโดยการปิดโรงเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาติดเชื้อพร้อมกับปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนใหม่ จากที่เรียน On-site ในห้องเรียน มาเป็นการจัดเรียน 4 0n คือ Online, On-Demand ,On -Hand และ On-Air ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จึงได้ออกแบบการจัดการเรียนรู้ในลักษณะ Block course และแบบบูรณาการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังเกิดปัญหาที่สะสมจากการจัดการเรียนการสอนในช่วงการระบาดของ โควิด-19 ส่งผลให้ผู้เรียนมีภาวะการเรียนรู้ถดถอย ซึ่งภาวะการเรียนรู้ถดถอยในแต่ละชั้นปีและพื้นที่มีภาวะการเรียนรู้ถดถอยที่แตกต่างกัน
ดังที่กล่าวมานั้นทำให้พบปัญหาส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 ไม่ผ่านหลายตัวชี้วัด มีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์ที่โรงเรียนได้กำหนดไว้คือร้อยละ 60 ซึ่งต้องสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่นักเรียนต้องรู้และควรรู้ตามตัวชี้วัด จากการตรวจแบบฝึกหัด/ใบกิจกรรม/ใบงานในเนื้อหา/ชิ้นงานที่เป็นภาระงานให้นักเรียนได้ทำการเรียนจึงสะท้อนให้เห็นว่านักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ค่อนข้างต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเนื้อหาเดิมช่วงสถาณการณ์โควิด ซึ่งข้อปัญหาที่พบ คือ นักเรียนมีปัญหาในการเรียนรู้ที่ถดถอย นักเรียนขาดฐานความรู้ ประสบการณ์ทักษะที่ควรรู้และต้องรู้ การออกแบบการเรียนรู้รูปแบบเดิมไม่สามารถตอบสนองได้ในระยะเวลาที่จำกัด เนื่องจากขาดการออกแบบการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะที่หลากหลาย การกำหนดเป้าประสงค์และเครื่องมือที่ชัดเจนในการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ รู้จักการคิดวิเคราะห์และการคิดเชิงสร้างสรรค์ ทำให้การเรียนการสอนไม่บรรลุจุดประสงค์ที่คาดหวังไว้ จึงต้องแสวงหา นวัตกรรมทางการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยต่าง ๆ พบว่า การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะกระบวนการอย่างเป็นขั้นตอน และสร้างองค์ความรู้
Active Learning เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าเนื้อหาวิชา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ขึ้น โดยกระบวนการคิดขั้นสูง กล่าวคือ ผู้เรียนมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่าจากสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมายและนำไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ (สถาพร พฤฑฒิกุล. 2558) ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผล
กระทบถึงคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 2/3 ในวิชาภาษาไทย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการพัฒนาการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ เข้ามาเพื่อช่วยปัญหาการเรียนรู้ที่ถดถอย จากเหตุผลดังกล่าวผู้สอนจึงมีความสนใจที่จะศึกษาเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เน้นกระบวนการคิด การร่วมมือ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความมุ่งมั่นในการเรียนและการทำงาน เกิดความท้าทายและสนุกกับการเรียน และจะส่งผลให้ผู้เรียนพัฒนาคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ดียิ่งขึ้น
ผู้สอนจึงสนใจที่จะเพิ่มคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการพัฒนาจัดการเรียนการเรียนการสอนแบบ Active learning โดยใช้แผนการสอนคิด ที่กำหนดกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Do now (ขั้นนำ) Purpose (ขั้นกำหนดเป้าหมาย) Work mode (ขั้นสอน) Reflective Thinking (ขั้นสรุป) และใช้เครื่องมือสอนคิดในการวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1) ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน วิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นระถมศึกษาปีที่ 2/3
2) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการเรียนการสอนแบบ Active learning โดยใช้แผนการสอนคิด เพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้ที่ถดถอยและยกระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
3) ออกแบบโครงสร้างรายวิชา หน่วยการเรียนรู้ตามตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ และจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนการสอนคิด ที่กำหนดกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Do now (ขั้นนำ) Purpose (ขั้นกำหนดเป้าหมาย) Work mode (ขั้นสอน) Reflective Thinking (ขั้นสรุป) และใช้เครื่องมือสอนคิดในการวัดและประเมินผล วิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3
4) นำแผนการสอนคิด ที่จัดทำขึ้นไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบทที่สอน
5) บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เกิดขึ้นจากการกิจกรรมการเรียนรู้ และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ และนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาผลการเรียนรู้ให้นักเรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
6) เมื่อประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา นำไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพแก่ครูผู้สอนโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 ร้อยละ 60 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาภาษาไทยที่สูงขึ้น
เชิงคุณภาพ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) มีความรู้วิชาภาษาไทย สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และการแสวงหาความรู้และคุณลักษณะที่พึงประสงค์มี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2561 มีสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมทั้งเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขและสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
คลิปวิดีโอการจัดการเรียนรู้
ขอขอบคุณที่ปรึกษาในการพัฒนาเว็บไซต์ PA Online
ดร.ศิรภัสสร ชุมภูเทพ
ผู้อำนวยการ
โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4
สพป.ตาก เขต 2
นายณฐวรรฏ เพียงสุวรรณ
รองผู้อำนวยการ
โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4
สพป.ตาก เขต 2
นางสาวสุพัฒนา ทวีเดช
รองผู้อำนวยการ
โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4
สพป.ตาก เขต 2
นางนีรชา ทับประดิษฐ์
รองผู้อำนวยการ
โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4
สพป.ตาก เขต 2