ผู้จัดทำข้อตกลง

นางนีรชา ทับประดิษฐ์

ตำแหน่ง รองผู้บริหารสถานศึกษา

วิทยฐานะ รองผู้อำนวยการชำนาญการ

สถานศึกษา โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4

สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2


ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง

ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด

รวมชั่วโมง ปฏิบัติการสอน/การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 11 ชั่วโมง/สัปดาห์

โดยภาระงานด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นำทางวิชาการ จะมีการปฏิบัติการสอน จำนวน 10ชั่วโมง/สัปดาห์ (ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง/สัปดาห์ และรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง/สัปดาห์) โดยมีการปฏิบัติการสอน/การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในสถานศึกษาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังนี้

  • ปฏิบัติการสอนประจำวิชาจำนวน 7 ชั่วโมง/สัปดาห์

  • ปฏิบัติการสอนร่วมกับครูประจำชั้น/ประจำวิชา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์

  • สังเกตการณ์สอนและสะท้อนผลการสอนร่วมกับครูในกิจกรรมเปิดชั้นเรียนจำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์

  • เป็นผู้นำกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ( PLC) ของโรงเรียนจำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์

  • นิเทศการสอนเพื่อเป็นพี่เลี้ยงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับครูจำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์

  • จัดกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้และอบรมบ่มนิสัยผู้เรียน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์


กำหนดชั่วโมงปฏิบัติงาน.pdf

งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา

ด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นำทางวิชาการ

ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา

ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม

ด้านการบริหารงานชุมชนและเครือข่าย

ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ

ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย

ประเด็นท้าทาย2/2564
เรื่อง เรื่อง “การพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning)

โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC)


1. สภาพปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา

ปัจจุบันเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ในโลกอย่างรวดเร็ว อันสืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน การปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้น เป็นสังคมที่ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า ศตวรรษ ที่ 21 ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคมอย่างทั่วถึง มนุษย์จึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการเรียนรู้ให้มีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษใหม่ โดยทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญที่สุดคือทักษะการเรียนรู้(Learning Skill) (สุพรรณา เพ็ชรรักษา และคณะ, 2559) แต่ผู้เรียนต้องฝึกการเรียนรูจากการลงมือปฏิบัติและการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง (Active Learning) โดยมีครูเป็น “โค้ช” ที่คอยออกแบบการเรียนรู้เพื่อช่วยผู้เรียนให้บรรลุผลได้ ประการสำคัญ คือ ครูในศตวรรษที่ 21 จะต้องไม่ตั้งตนเป็น “ผู้รู้” แต่ต้องแสวงหาความรู้ไปพร้อมๆ กันกับผู้เรียนในขณะเดียวกัน (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2560) การเปลี่ยนเช่นนี้ เป็นสัญญาณเตือนว่าการทำงานและการเรียนรู้ของวิชาชีพครูไม่สามารถทำอย่างโดดเดี่ยว แบ่งแยกกันทำตามสายงาน หรือทำงานภายในกรอบแนวคิดเดิมที่มุ่งเน้นเนื้อหาเพื่อสอนมากกว่าการ เรียนรู้ (Ministry of Education, 2010)

กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายและจุดเน้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในประเด็นการพัฒนาการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดนโยบายด้านการพัฒนาและสร้างเสริมศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีแนวทางการพัฒนาศักยภาพ และคุณภาพผู้เรียนระดับประถม ศึกษา ดังนี้ 1) จัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมการปฏิบัติจริง (Active Learning) 2) จัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบมุ่งเน้นการใช้ฐานความรู้ และระบบความคิดในลักษณะสหวิทยาการ (STEAM Education) 3) จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนมีทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิต มีสุขภาวะที่ดี สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุข 4) จัดการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มทักษะการคิดแบบมีเหตุผลและเป็นขั้นตอน (Coding) (กระทรวงศึกษาธิการ, 2563)

จากรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) ระดับการศึกษาปฐมวัย และการศึกษา

ขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2563 พบว่าระดับการศึกษาปฐมวัย มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของเด็ก ระดับคุณภาพ : ดี มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ ระดับคุณภาพ : ดีเลิศ มาตรฐานที่ 3 การจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ ระดับคุณภาพ : ดีเลิศ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน คุณภาพของผู้เรียน ระดับคุณภาพ : ดี มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ ระดับคุณภาพ : ดี มาตรฐานที่ 3 การจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ ระดับคุณภาพ : ดี ซึ่งผลการพัฒนายังไม่บรรลุเป้าหมาย ในระดับดีเยี่ยม และทิศทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษา สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยส่งเสริมให้ครูเห็นความสำคัญของการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดทำการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ ร่วมทั้งมีการพัฒนาบุคลากรโดยส่งเข้ารับการอบรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้ในงานที่ได้รับมอบหมาย ติดตามผลการนำไปใช้และผลที่เกิดกับผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และพัฒนา สถานศึกษาให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ของชุมชน (โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4, 2564)

จากสภาพการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 พบว่าครูผู้สอนบางส่วนใช้การสอนแบบบรรยายหรือบอกความรู้กับผู้เรียนเป็นหลัก เน้นให้ผู้เรียนฟัง จดจำ และท่องในสิ่งที่ครูสอน ส่งผลให้การดำเนินงานการจัดการศึกษาของโรงเรียนไม่บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ สมรรถนะสำคัญของนักเรียน ด้านความสามารถในการคิด ซึ่งต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน จากการประชุมคณะครูโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 ได้ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไข สรุปได้ว่าการพัฒนาครูในด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นในโรงเรียน โดยมุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในระดับปฏิบัติคือห้องเรียน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทั้งระบบโรงเรียน จึงจำเป็นต้องสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ที่สอดคล้องกับธรรมชาติทางวิชาชีพร่วมในโรงเรียน ย่อมมีความเป็นชุมชนที่สัมพันธ์กันอย่าง แน่นแฟ้น (Senge, 1990) จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าครูจึงต้องร่วมกันสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ จึงเป็นกระบวนการสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยเรียนรู้จากการปฏิบัติงานของกลุ่มบุคคลที่มารวมตัวกัน เพื่อทำงานร่วมกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2560) ดังนั้นคุณลักษณะสำคัญที่ทำให้เกิดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนใดมีชุมชนการเรียนรู้ทาง วิชาชีพ นอกจากจะต้องประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลดังที่กล่าวไปแล้วนั้น การรวมตัวกัน ของสมาชิกชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพยังต้องประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญ โดยมีการกล่าวถึง คุณลักษณะสำคัญที่จะทำให้เกิดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ไว้อย่างหลากหลาย อย่างไรก็ตาม สามารถสรุปคุณลักษณะสำคัญที่ทำให้เกิดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ได้ 5 ประการ คือ 1) การมีบรรทัดฐานและค่านิยมร่วมกัน (Shared values and vision) 2) การร่วมกันรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ ของนักเรียน (Collective responsibility for students learning) 3) การสืบสอบเพื่อสะท้อนผล เชิงวิชาชีพ (Reflective professional inquiry) 4) การร่วมมือรวมพลัง (Collaboration) และ 5)การสนับสนุนการจัดลำดับโครงสร้างและความสัมพันธ์ของบุคลากร (Supportive conditions structural arrangements and collegial relationships) (Hord, Roussin & Sommers, 2009)

ดังนั้น ข้าพเจ้านางนีรชา ทับประดิษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 เห็นว่า ครู คือบุคคลสำคัญที่สุด และเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมาย จึงได้ดำเนินการพัฒนาครูให้มีความรู้ ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) อย่างต่อเนื่องเป็นระบบ โดยนำเอาแนวคิดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ครูรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์จากการจัดการเรียนรู้ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาครูสู่การพัฒนาผู้เรียน โดยการพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning)โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ขึ้น

2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล

จากประเด็นท้าทาย เรื่อง “การพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

(Active learning)โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC)” มีวิธีการดำเนินการให้บรรลุผล ดังนี้

1. ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา แนวทางการพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning)โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC)

2.สร้างแนวทางการพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้

เชิงรุก (Active learning)โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC)

3.นำแนวทางการพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active learning)โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ไปทดลองใช้กับครูโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฎิบัติการ (PAOR)

3.1 การเตรียมการ( Plan)

1) แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active learning)

2) จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การปฏิบัติงาน

3) ประชุมจัดทำแผนงานการใช้แนวทางฯ

3.2 การดำเนินการ(Action)

1) ประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับครู

2) สร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน

1) วิเคราะห์ปัญหาและเลือกบทเรียนที่ต้องการพัฒนา

2) ออกแบบและจัดทําแผนการจัดการเรียนรู้ ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)

3) จัดการเรียนรูตามแผน/สังเกตการณ์สอนปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้

4) สะท้อนผลการจัดการเรียนรู้

3.3 สังเกต นิเทศ ติดตาม (Observe)

1) นิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผล

2) จัดสัมมนาทางวิชาการ ผลงานนักเรียน Open house

3.4 สะท้อนผลย้อนกลับ (Reflect)

1) ประชุมถอดบทเรียน

2) พัฒนา ปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)


4. ประเมินผลการใช้แนวทางการพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active learning)โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC)


3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง

เชิงปริมาณ

1) นักเรียนร้อยละ 80 มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21

2) ผู้เรียนร้อยละ 80 มีสมรรถนะตามหลักสูตรสถานศึกษา

3) นักเรียนร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป

4) ครูร้อยละ 90 มีความรู้ ความสามารถด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)

5) ครูทุกคนมีนวัตกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)

6) โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 มีผลการประเมินมาตรฐานบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 มาตรฐาน


เชิงคุณภาพ

1) ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป

2) ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) อย่างมีประสิทธิภาพ

3) โรงเรียน มีผลการประเมินมาตรฐานการศึกษาภายในระดับดีเลิศหรือยอดเยี่ยม



ประเด็นท้าทาย1/2565
เรื่อง เรื่อง “การพัฒนาครูในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning)

โดยใช้กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC)


1. สภาพปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา