ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคู
สังกัด ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคู
สังกัด ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และ นักศึกษา ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคู สังกัดศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง สวรรคต เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๒๑.๒๑ น. ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สิริพระชนมพรรษาปีที่ ๙๓ เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย
ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการ บุคลากรทางการศึกษา และ นักศึกษา ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลบ่อแก้ว สังกัด ศูนย์ส่งเสริมการเรียนระดับอำเภอนาคู สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจารึกในใจไทยชั่วกาล
พระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
.
ด้านสิ่งแวดล้อม
.
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดธรรมชาติยิ่งนัก พระองค์เข้าพระทัยดีว่าป่าไม้ ต้นน้ำ ลำธาร มีความสำคัญต่อชีวิตคนอย่างไร ระหว่างที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่นั้น จะทรงพระราชดำเนินทางเท้าขึ้นเขาเข้าป่าเสมอ หากทรงพบว่าไฟกำลังลุกไหม้อยู่ ณ จุดไหน จะทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินการ
.
นอกจากนี้ยังทรงมุ่งมั่นอบรมชาวบ้านให้ช่วยกันรักษาป่า เช่น สมุดภาพที่โปรดเกล้าฯ ให้ทำขึ้นพระราชทานศาลารวมใจเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ก็ได้ทรงสอดแทรกเรื่องรักษาป่าและต้นน้ำลำธารไว้ด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงริเริ่มโครงการป่ารักน้ำขึ้นเป็นครั้งแรกที่จ.สกลนคร พ.ศ.2525 โปรดเกล้าฯ ให้หาที่ดินที่รกร้างหรือป่าเสื่อมโทรมเพื่อนำต้นไม้ไปปลูก และให้ชาวบ้านช่วยกันดูแล ทรงนำความขึ้นกราบบังคมทูลปรึกษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และโปรดให้ปลูกต้นไม้โตเร็ว เช่น กระถินยักษ์ ยูคาลิปตัส เพื่อเป็นร่มเงาแก่ไม้เศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็งรัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีไม้ใช้สอย เช่น ไม้ไผ่ แคบ้าน กระถิน ปลูกสับหว่างกัน เมื่อไม้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแรง ก็อนุญาตให้ชาวบ้านตัดไม้โตเร็วและไม้ใช้สอยออกไปใช้ได้
.
งานอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลเป็นอีก 1 โครงการเนื่องจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเห็นว่าคนไทยนิยมรับประทานไข่เต่ากันมาก ทรงเกรงว่าจะสูญพันธุ์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้หาซื้อที่เพื่อเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เต่าทะเล ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้น้อมเกล้าฯ ถวายเกาะมันใน จ.ระยอง และโปรดเกล้าฯ ให้พลเรือเอกนิรันดร์ ศิรินาวิน สมุหราชองครักษ์ในสมัยนั้นเป็นผู้ดำเนินการโครงการโดยขอความร่วมมือจากกรมประมง “โครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล” จึงได้กำเนิดขึ้นและสามารถเพาะพันธุ์เต่าทะเลได้เป็นจำนวนมาก
.
ด้านงานศิลปาชีพ
.
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหารซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของมนุษย์ จึงทรงพระราชดำริให้จัดหาอาชีพเสริมแก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกร ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่ โดยอาชีพเสริมนั้นต้องทำอยู่ที่บ้านได้ในเวลาว่างจากการทำไร่ทำนา หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินเพาะปลูกก็สามารถทำอาชีพเสริมได้ด้วยทรัพยากรที่มีในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญา ด้วยฝีมือของเขาเอง นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมแก่เกษตรกร
.
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดการปฏิบัติงานแบบครบวงจร เมื่อทรงสนับสนุนให้ชาวบ้านทอผ้าไหม ก็ให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและสาวไหมไปพร้อมกันด้วย โดยในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2526 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการประกวดผ้าไหมชนิดต่าง ๆ เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าแพรวา ผ้าไหมหางกระรอก ผ้าไหมพื้น เป็นต้น โดยจัดขึ้น ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร ผู้ชนะการประกวดในแต่ละประเภทจะได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัล นับว่าเป็นการกระตุ้นให้ราษฎรผู้ทอผ้าไหมได้มีความกระตือรือร้นและมีกำลังใจที่จะผลิตงานฝีมือด้านนี้ต่อไป
.
ระหว่างเสด็จแปรพระราชฐานประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ทรงรับชาวไทยภูเขาจากจังหวัดต่าง ๆ เข้าเป็นสมาชิกศิลปาชีพแผนกช่างเงิน ช่างทอง โปรดเกล้าฯ ให้เข้าฝึกงานที่โรงฝึกศิลปาชีพในบริเวณพระตำหนัก ทรงแนะนำรูปแบบใหม่ ๆ โดยยังคงไว้ซึ่งลวดลายของเผ่าพันธุ์ ทำให้งานฝีมือชาวไทยภูเขาก้าวหน้าอย่างมากมาย
.
ในภาคใต้ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการประกวดเสื่อกระจูดและเสื่อเตยทั้งเสื่อโบราณและเสื่อสานใหม่ นอกจากนี้ยังเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรและทรงศึกษาย่านลิเภาพันธุ์ต่าง ๆ และทรงใช้กระเป๋าทรงถือสานด้วยย่านลิเภา ประกอบและตกแต่งด้วยฝีมือช่างทองของศิลปาชีพ จนทำให้งานจักสานย่านลิเภาเป็นที่รู้จักแพร่หลายในปัจจุบัน
ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย
.
เมื่อพุทธศักราช 2503 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีกำหนดการที่จะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงพระราชดำริว่าสตรีไทยยังไม่มีเครื่องแต่งกายชุดประจำชาติ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้คิดปรับปรุงแบบเสื้อสตรีไทยโบราณให้ทันสมัย เพื่อทรงใช้เป็นชุดไทยประจำชาติในระหว่างที่เสด็จฯ ไปทรงเยือนต่างประเทศ จนทำให้ไทยเรามีชุดไทยประจำชาติที่สง่างามและเหมาะสมสำหรับไว้โอกาสต่าง ๆ เรียกว่า “ชุดไทยพระราชนิยม” มีดังนี้ 1.ชุดไทยเรือนต้น 2.ชุดไทยจิตรลดา 3.ชุดไทยอมรินทร์ 4.ชุดไทยบรมพิมาน 5.ชุดไทยจักรี 6.ชุดไทยดุสิต 7.ชุดไทยศิวาลัย 8.ชุดไทยจักรพรรดิ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมในหมู่สตรีไทยและสังคมไทยทั่วไป ทั้งยังได้เผยแพร่ชื่อเสียงความงดงามไปยังนานาประเทศ
.
นอกจากนี้ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ศึกษาค้นคว้าการแสดงโขนตามแบบโบราณราชประเพณี พร้อมฟื้นฟูองค์ความรู้ในการสร้างเครื่องแต่งกายโขนให้งดงามตามธรรมเนียมเดิม เพื่อจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนละครขึ้นใหม่ ตลอดจนพัฒนาศิลปะการแสดงหน้าโขนละครให้มีความร่วมสมัย โขนพระราชทาน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดศึกพรหมาศ เมื่อ พ.ศ. 2552 จึงเป็นปฐมบทแห่งโขนพระราชทานที่ประสบความสำเร็จ ได้รับความชื่นชมในเรื่องความงดงามของเครื่องแต่งกาย ความวิจิตรตระการตาของฉากและเทคนิคต่าง ๆ นำไปสู่การแสดงโขนพระราชทานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโขนไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ถือเป็นมรดกล้ำค่าของชาติที่ชาวไทยทุกคนควรร่วมกันอนุรักษ์ไว้ด้วยความหวงแหนยิ่งชีพ
.
ด้านสาธารณสุข
.
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎร จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ที่ตามเสด็จช่วยตรวจรักษาผู้ป่วยที่มาเฝ้ารับเสด็จ ทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการส่งตัวเข้าโรงพยาบาล แต่หากเป็นโรคที่ต้องการแพทย์เฉพาะโรคที่ไม่มีในจังหวัดนั้น ๆ ก็ให้นำตัวส่งเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับการรักษาจนกว่าจะหาย ต่อมาได้โปรดเกล้าฯ ให้จัด “หน่วยแพทย์พระราชทาน” เดินทางไปให้การตรวจรักษาโดยเฉพาะตามจุดต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค
.
สำหรับผู้ป่วยที่โปรดเกล้าฯ ให้นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงเทพ จะโปรดเกล้าฯ ให้จัดนางสนองพระโอษฐ์และอาสาสมัครเวียนไปเยี่ยมผู้ป่วยเหล่านี้ทุกวัน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาได้ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาแก่ครอบครัว เช่น พระราชทานการศึกษาแก่บุตรหรือคนใดคนหนึ่งของครอบครัว หรือพระราชทานงานศิลปาชีพเพื่อช่วยเหลือรายได้ของครอบครัว
.
แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ PAPR เพื่อใช้ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลประจำจังหวัดในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร และทุกเหล่าทัพช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียสละให้ปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19
พระราชประวัติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบรมราชินีนาถใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “สิริกิติ์” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้เป็นศรี แห่งกิติยากร” ทรงพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ที่บ้านพลเอก เจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมหลวงบัว ณ บ้านเลขที่ ๑๘๐๘ ถนนพระรามหก ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร
ขณะนั้นเป็นระยะที่ประเทศเพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย ก่อนหน้านั้นพระบิดาของพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก มียศเป็นพันเอก หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร
หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงออกจากราชการทหาร โดยรัฐบาลแต่งตั้งให้ไปรับราชการในตำแหน่งเลขานุการเอก ประจำสถานทูตสยาม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอมริกา ส่วนหม่อมหลวงบัวซึ่งมีครรภ์แก่คงพำนักอยู่ในประเทศไทย จนให้กำเนิดหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์แล้วจึงเดินทางไปสมทบ มอบหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ให้อยู่ในความดูแลของเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ และท้าววนิดาพิจาริณี ผู้เป็นบิดาและมารดาของหม่อมหลวงบัว
หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ต้องอยู่ห่างไกลบิดามารดาตั้งแต่อายุยังน้อย บางคราวต้องระหกระเหินไปต่างจังหวัดตามเหตุการณ์ผันผวนทางการเมือง เช่น ในพุทธศักราช ๒๔๗๖ หม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร พระมารดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ได้ทรงรับนัดดาตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไปสงขลาด้วย
ปลายพุทธศักราช ๒๔๗๗ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงลาออกจากราชการกลับประเทศไทยพร้อมครอบครัว อันมีหม่อมหลวงบัว หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ บุตรคนโต และหม่อมราชวงศ์ บุษบา บุตรีคนเล็กผู้เกิดที่สหรัฐอเมริกา แล้วมารับหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ บุตรคนรอง กับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์จาก หม่อมเจ้าอัปษรสมาน กลับมาอยู่รวมกันที่ตำหนักซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนกรุงเกษม ปากคลองผดุงกรุงเกษม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เริ่มเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนราชินี ปากคลองตลาด ในพุทธศักราช ๒๔๗๙ แต่เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพาลุกลามมาถึงประเทศไทย จังหวัดพระนครถูกโจมตีทางอากาศบ่อยครั้งทำให้การเดินทางไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย ในพุทธศักราช ๒๔๘๓ จึงย้ายไปเรียนชั้นประถมและมัธยมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ถนนสามเสน เพราะอยู่ใกล้บ้านในระยะที่พอจะเดินไปโรงเรียนเองได้ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เริ่มเรียนเปียโนที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ และในเวลาต่อมาได้ตั้งใจที่จะเป็นนักเปียโนผู้มีชื่อเสียง
หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เผชิญสภาพของสงครามโลกมาเช่นเดียวกับคนไทยทั้งหลาย หม่อมเจ้านักขัตรมงคลผู้ทรงเป็นทหารเป็นผู้ปลูกฝังให้บุตรและบุตรีรู้จักความมีวินัย ความอดทน ความกล้าหาญ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความเสียสละ โดยอาศัยสถานการณ์สงครามเป็นตัวอย่าง และสงครามโลกก็ทำให้คนไทยทั้งปวงต้องหันหน้าเข้าช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยาก สิ่งเหล่านี้จึงหล่อหลอมหม่อมราชวงศสิริกิติ์ให้มีความเมตตาต่อผู้อื่นและรักความมีระเบียบแบบแผนมาตั้งแต่เยาว์วัย
หลังจากสงครามสงบแล้ว นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น คือนายควง อภัยวงศ์ ได้แต่งตั้งให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคลเป็นอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลจึงทรงพาครอบครัวทั้งหมดไปด้วยในกลางพุทธศักราช ๒๔๘๙ ขณะนั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ ของโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์แล้ว
ระหว่างที่อยู่ในประเทศอังกฤษ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เรียนเปียโน ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสกับครูพิเศษ แต่อยู่ที่อังกฤษได้ไม่นาน พุทธศักราช ๒๔๙๐ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลก็ทรงย้ายไปเป็นอัครราชทูตประจำประเทศฝรั่งเศสและเดนมาร์ก ก่อนจะกลับมาเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างนี้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ยังคงตั้งใจเรียนเปียโนอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมสอบเข้าวิทยาลัยการดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีส
พุทธศักราช ๒๔๙๑ ขณะที่หม่อมเจ้านักขัตรมงคลและครอบครัวอยู่ในปารีส ได้รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งโปรดเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์ในกรุงปารีสอยู่เสมอ จนเป็นที่คุ้นเคยและต้องพระราชอัธยาศัย ฉะนั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุปัทวเหตุทางรถยนต์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องประทับรักษาพระองค์ในสถานพยาบาล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมหลวงบัวพาบุตรี ทั้งสองคือหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์และหม่อมราชวงศ์บุษบาเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทเยี่ยมพระอาการเป็นประจำ จนพระอาการประชวรทุเลาลงและเสด็จกลับพระตำหนักได้
สมเด็จพระราชชนนีได้รับสั่งขอให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์อยู่ศึกษาต่อที่เมืองโลซานน์ในโรงเรียนประจำชื่อโรงเรียน Riante Rive ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในการสอนวิชาพิเศษแก่กุลสตรี คือ ภาษา ศิลปะ ดนตรี ประวัติวรรณคดี และประวัติศาสตร์
ต่อมาอีก ๑ ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคลและครอบครัวมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วสมเด็จพระราชชนนีรับสั่งขอหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ต่อหม่อมเจ้านักขัตรมงคลและทรงประกอบพิธีหมั้นเป็นการภายใน ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ทรงใช้พระธำมรงค์ที่สมเด็จพระราชบิดาทรงหมั้นสมเด็จพระราชชนนีเป็นพระธำมรงค์หมั้น แล้วโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ศึกษาต่อไปจนถึงกำหนดตามเสด็จกลับมาถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓
วันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นประธานพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์และ เทพมนตร์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และในวันนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเฉลิมพระบรมนามาภิไธยว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และทรงเฉลิมพระยศ สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี
วันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทั้งสองพระองค์เสด็จกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพราะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลแนะนำให้ทรงพักรักษาพระองค์อีกระยะหนึ่ง
พุทธศักราช 2494 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเจริญพระชันษาได้ ๗ เดือน ทั้งสามพระองค์จึงเสด็จนิวัติประเทศไทย ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ซึ่งปัจจุบันคือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศร ราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ ซึ่งปัจจุบันเฉลิมพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ ปัจจุบันเฉลิมพระอิสริยยศ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิริธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ซึ่งปัจจุบันเฉลิมพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้ประสูติต่อมาตามลำดับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน รวมพระราชโอรสและพระราชธิดา ๔ พระองค์
ปลายพุทธศักราช ๒๔๙๘ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ผู้ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทยเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมราชินีให้ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาแทน เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ และในปีเดียวกันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงพระผนวชตามโบราณราชประเพณี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมเด็จพระบรมราชินีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ภายหลังเมื่อทรงลาผนวชแล้ว ได้ทรงสถาปนาพระราชอิสริยยศสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อันมีความหมายว่าทรงเป็นที่พึ่งของประชาชน นับเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์ที่สองของไทยต่อจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงปฏิบัติราชการแทนพระองค์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจน้อยใหญ่ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีของไทย และในฐานะคู่พระราชหฤทัยแห่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กล่าวคือทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจทั้งหลายไปได้เป็นอันมาก ทั้งยังมีพระราชดำริเริ่มใหม่เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศอย่างอเนกอนันต์ ซึ่งโครงการพระราชดำริเหล่านั้นได้ยังประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชนสืบมาจนทุกวันนี้
ที่มา : https://www.royaloffice.th/01/08/2025/พระราชประวัติ-12-08-2566/
วันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30น. ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคู สังกัดศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยนางภารดี อารีสนั่น ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู มอบหมายให้ บุคลากร ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคู เข้ารับการประเมินสถานศึกษาปลอดภัย ประจำปี 2568 ณ ห้องประชุมลีลาวดี ชั้น 2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอนาคู (ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู) จังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งนี้ โดยคณะกรรมการประเมินจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดกาฬสินธุ์ ประกอบด้วยนางสาววิมลมาศ ไรไสว นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วย นายไพทูลย์ คงสงค์นักวิชาการแรงงานชำนาญการ นางสาวศรัณย์ภัทร สนิทรักษา นักวิชาการแรงงาน และนางสาว พนัดดาวงวิลาศ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคู สังกัด ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยนางภารดี อารีสนั่น ผู้อำนวยการ สกร.ระดับอำเภอนาคู มอบหมายให้คณะครูศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคู นำนักศึกษาเข้าร่วมโครงการอบรมพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร English Boot Camp สำหรับนักศึกษา สกร. โดยมีนางภารดี อารีสนั่น ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ และคณะครู สกร.เป็นวิทยากรให้ความรู้ ณ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอนาคู ตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
ปฏิทินการดำเนินงานหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
กิจกรรม กศน.ตำบลนาคู
เรียน ผอ.สกร.อำเภอนาคู ด้วย วันที่ 29 พ.ย.2566 ศกร.ตำบลนาคูจัดโครงการพัฒนาผู้เรียนนักศึกษา ด้านส่งเสริมสุขภาวะและสุนทรียภาพ ณ สุขศาลาบ้านนาคูหมู่11 โดยมีนายสง่า แก้วหาวงค์ ผู้ใหญ่บ้าน เป็นประธานพิธีเปิด นิเทศติดตามงานโดย นายปองพล รอดวินิจ ครูผู้ช่วยและนายสุเมธ จวนส่าง ครูอาสาสมัครฯ
วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอนาคู สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยนายปองพล รอดวินิจ ตำแหน่งครูผู้ช่วย สกร.อำเภอนาคู ได้รับมอบหมายจากนางพรทิพย์พา คาวีวงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางอรทัย ชนะกาญจน์ ตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ในสังกัดสำนักงาน สกร.จังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าร่วมประชุมตามโครงการพัฒนาหลักสูตรและสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา กิจกรรม พัฒนาหลักสูตรและสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์) ณ ห้องดอกเกด โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมี ว่าที่ร้อยตรี สมบูรณ์ หัสดม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (เวลา ๑๓.๐๐ น.) นางลัทธพรรณ ตุงชีพ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอนาคู ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอนาคู สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานประเพณีลอยกระทงอำเภอนาคูฟื้นฟูสนามบินเสรีไท ประจำปี ๒๕๖๖ ณ สนามกีฬาโรงเรียนบ้านนาคูพัฒนา “กรป.กลาง อุปถัมภ์” โดยมีนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยคณะบุคลากรในสังกัด สกร.อำเภอนาคู เข้าร่วมในพิธีเปิด
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอนาคู สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยนางลัทธพรรณ ตุงชีพ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอนาคู ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอนาคู มอบหมายให้กลุ่มงานการศึกษาต่อเนื่องประชุมหัวหน้า กศน.ตำบล เพื่อทำแผนการจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง โครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน ประจำไตรมาสที่ ๑-๒ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ณ ห้องประชุมณียธรรม ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ นางลัทธพรรณ ตุงชีพ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอนาคู ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอนาคู สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยข้าราชการครูและบุคลากรในสังกัด สกร.อำเภอนาคู ร่วมทำกิจกรรมเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติไทย และสวดมนต์ไหว้พระ ในทุกวันจันทร์ของเดือน เพื่อปลูกจิตสำนึกในความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ณ บริเวณหน้าเสาธง ของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอนาคู สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดกาฬสินธุ์ จัดพิธีมอบใบสำคัญทางการศึกษาแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ประจำภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ โดยการนี้นางลัทธพรรณ ตุงชีพ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอนาคู ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอนาคู ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมมอบใบประกาศนียบัตรและระเบียนแสดงผลการเรียน แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และกลุ่มผู้ไม่รู้หนังสือ ของ สกร.อำเภอนาคู ณ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
(1 ตุลาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566)