พุทธอุทยานและพระมงคลมิ่งเมือง
ตั้งอยู่ที่เขาด้านพระบาทห่างจากตัวเมืองไปทางด้านเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณวัดประกอบด้วย หินด้านธรรมชาติร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้เป็น พุทธอุทยาน สวนพระมงคลมิ่งเมือง หรือพระให้ ป่างมารวิชัย องค์พระหน้าตักกว้าง 11 เมตร ความสูงจากระดับพื้นดินถึงยอดเปลวรัศมี 20 เมตรเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับอิทธิพลสกุลศิลปอินเดียเหนือ (ป่าละ) ที่แผ่อิทธิพลมายังภาคอีสานของไทย เมื่อพันปีเศษออกแบบโดยจิตรบัวบุศย์ โดยการก่อสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็กครอบพระองค์เดิมซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นมีฐานกว้าง 8.4 เมตร ยาว 12.6 เมตร สูง 5.2 เมตร แล้วแต่งองค์พระด้านนอกด้วยกระเบื้องโมเสคสีทองสร้างเมื่อปี พ.ศ.2508 เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดอํานาจเจริญและจังหวัดอุบลราชธานี
ลักษณะเด่น
พระมงคลมิ่งเมือง ประดิษฐานอยู่ที่เขาดานพระบาท ตำบลบุ่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2508 เป็นพระพุทธรูปคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับกระเบื้องโมเสกสีทองทั้งองค์ มีขนาดหน้าตักกว้าง 11 เมตร มีความสูง 20 เมตร สร้างขึ้นโดยความร่วมมือของประชาชน และส่วนราชการในจังหวัดอุบลราชธานี (เดิมจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี) บริเวณเขาดานพระบาท มีหลักฐานว่าเป็นพื้นที่ศาสนสถาน มากว่า 2,000 ปี เนื่องจากมีการขุดพบพระพุทธรูปหินทรายสีแดง 2 องค์ เป็นศิลปะทวาราวดี ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ด้านหลังพระมงคลมิ่งเมือง โดยพระพุทธรูป 2 องค์ดังกล่าว มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "พระขี้ร้าย" หรือ "พระละฮาย" ซึ่งแปลว่า ไม่สวย ไม่งาม ตามพุทธลักษณะ
ประวัติ
"พระมงคลมิ่งเมือง" เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดอำนาจเจริญ ประวัติความเป็นมาของพระมงคลมิ่งเมือง เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2503 พระครูทัศประกาศ เจ้าอาวาสวัดมงคลมิ่งเมือง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ (สมัยสร้างยังเป็นอำเภออำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี) ต้องการสร้างพระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โบราณวัตถุทางพุทธศาสนาที่หักพัง เช่น เศียรพระพุทธรูป ใบเสมาเก่า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆไว้ที่ใต้ฐาน รวมทั้งเป็นอนุสรณ์แด่ท่านเจ้าประคุณเจ้าสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ องค์ปฐมสังฆนายก และให้เป็นที่เคารพสักการบูชาแก่ชาวอำนาจเจริญ รูปแบบการสร้าง "พระมงคลมิ่งเมือง" ช่างได้ไปถ่ายแบบจากพระพุทธชินราช ซึ่งสร้างในสมัยสุโขทัย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก และได้มากำหนดให้องค์พระมีหน้าตักกว้าง 9 เมตร (4 วา 2 ศอก) สูงจากฐานหรือแท่นประทับนั่งจรดยอดพระเกตุมาลา 11 เมตร 4 เซนติเมตร (5 วา 2 ศอก 1 คืบ 4 นิ้ว) ฐานแท่นประทับกว้าง 5 เมตร สูง 5 เมตร
อุปกรณ์ ใช้สร้าง "พระมงคลมิ่งเมือง" ประกอบด้วย หิน กรวด ทราย ปูนซีเมนต์ เหล็กขนาด 3-6 หุน กระเบื้องเคลือบสีเหลือง (สีทอง) ขนาดกลักไม้ขีดไฟใช้ปิดทองที่องค์พระ งบประมาณใช้สร้างประมาณ 200,000 บาท โดยมี นายคำเม้า ภักดีปัญญา ชาว จ.ร้อยเอ็ด เป็นช่างฝีมือควบคุมการสร้าง
สถานที่จัดสร้างตั้งอยู่กลางสันภูดานพระบาท เป็นลานหินขนานกัน 2 ข้าง มีเนื้อที่กว้างประมาณ 36 ไร่ สภาพแวดล้อมเป็นภูเขาลูกเตี้ยๆ สูงจากระดับพื้นดินประมาณ 13 เมตร มีต้นไม้ขนาดใหญ่ปกคลุม มีความร่มเย็น มีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตัวอำเภอเมือง จ.อำนาจเจริญ และติดกับทางหลวงแผ่นดินสายจังหวัดอุบลราชธานี-มุกดาหาร ระหว่างการสร้าง "พระมงคลมิ่งเมือง" มีผู้มีจิตศรัทธาทั้งที่เป็นภิกษุสงฆ์ ฆราวาส นำปัจจัยมาสมทบทุนการสร้าง รวมทั้งช่วยกันขนหิน ขนดิน จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2505 ซึ่งตรงกับวันศุกร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 9 ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดสุปัฏวนารามวรวิหาร อ.เมือง จ.อุบลราชธานี จำนวน 10 รูป นำโดยเจ้าคุณพระธรรมบัณฑิต ขณะดำรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพบัณฑิต เป็นประธานในพิธี แต่ก่อนประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ มีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้น คือ มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนต้องเลื่อนเวลาการประกอบพิธีออกไป แต่ฝนก็ตกลงไม่มีท่าทีจะหยุด เจ้าคุณพระธรรมบัณฑิต จึงสั่งให้เริ่มประกอบพิธีท่ามกลางสายฝน ทำให้พระเณรและประชาชนที่มาร่วมพิธีเปียกปอนไปตามๆ กัน
แต่การสร้างพระมงคลมิ่งเมือง ก็มีอุปสรรคเกิดขึ้น เพราะทุนทรัพย์ใช้ก่อสร้างมีผู้บริจาคเพียง 26,721.05 บาท กระทั่ง เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2505 พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ อธิบดีกรมการศาสนา พร้อมด้วย พ.อ.พรชัย วิชาวรณ์ ได้มาสำรวจการก่อสร้าง และพระครูโอภาสธรรมภาณ เจ้าคณะอำเภอฝ่ายธรรมยุต ได้เสนอให้ท่านทั้ง 2 เป็นผู้อุปถัมภ์ก่อสร้างต่อ พ.อ.ปิ่นได้นำเรื่องการสร้างพระมงคล มิ่งเมืองรายงานให้ พล.อ.ประภาส จารุเสถียร ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทราบ พล.อ.ประภาส จึงได้บริจาคทรัพย์ส่วนตัวสมทบการสร้าง 100,000 บาท และผู้มีจิตศรัทธาในกลุ่มของ พล.อ.ประภาส ร่วมบริจาคสมทบให้อีก 100,000 บาท การก่อสร้างพระมงคลมิ่งเมือง จึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง สำหรับการก่อสร้างครั้งใหม่ มีการขยายแท่นพระออกไปทั้งสี่ด้าน ด้านละ 1-5 เมตร ขยายแท่นพระ ซึ่งมีความยาวเดิม 9 เมตร กว้าง 5 เมตร เป็น 12 เมตร กว้าง 8 เมตร สูง 5 เมตร สูงจากพื้นดินถึงพระเกตุมาลา 20.50 เมตร หน้าตักกว้าง 10 เมตร หันพระพักตร์สู่ทิศบูรพา ปิดด้วยกระเบื้องโมเสกทองเหลืองอร่าม โดยองค์พระแม้มีขนาดใหญ่ แต่สวยงามยิ่ง ทำให้ผู้มีศรัทธาบางคนนิยมเรียกท่านว่า "พระเจ้าใหญ่มงคลมิ่งเมือง" ใช้งบฯ ก่อสร้างทั้งสิ้น 332,800 บาท และสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2508
ความเชื่อและศรัทธา
พระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรจุพระสารีริกธาตุ ที่ได้รับมาจากประเทศอินเดียไว้ที่องค์พระ และล่ำลือกันว่าใครที่ได้มากราบไหว้ขอพรพระมิ่งมงคลเมือง ซึ่งถือเสมือนการได้ไปกราบไหว้พระสารีริกธาตุที่ประเทศอินเดีย เป็นการเสริมมงคลแก่ชีวิต มีความเจริญก้าวหน้า มีอำนาจวาสนา และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นหลักชัยในบ้านเมือง
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นางสาวหทัยชนก หลวงเทพ
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวหทัยชนก หลวงเทพ
ชื่อลิ้งค์ TPK อ้างอิง : http://motogp.thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/item/พุทธอุทยานและพระมงคลมิ่งเมือง