วัดป่าโนนแสงคำ บ้านทุ่งคำ

หลวงปู่เนย สมจิตโต

วัดป่าโนนแสนคำ บ้านทุ่งคำ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร

หลวงปู่เนย สมจิตโต พระป่าสายพระอาจารย์ดี “พระครูวิมล สีลาภรณ์” หรือ “หลวงปู่เนย สมจิตโต” วัดป่าโนนแสนคำ บ้านทุ่งคำ ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ถือเป็นพระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่มีความ เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง

ทำให้มีพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพศรัทธามาเนิ่นนาน

อัตโนประวัติ ชื่อ เนย มูลสธูป เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.ย. 2480 ที่บ้านกุดแห่ ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบัน จ.ยโสธร) เมื่อวัยเด็กอายุ 7 ขวบ เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนบ้านกุดแห่ แต่เกิดป่วยเป็นโรคท้องเรื้อรัง ขาดการเรียนอยู่ 3 เดือน อายุ 11 ขวบ เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ด้วยในสมัยนั้นการที่จะเรียนต่อให้สูงขึ้นต้องเดินทางไปเรียนยังต่างถิ่น กลายเป็นเรื่องลำบาก จำต้องออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ พออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดา-มารดาได้นำผ้าป่าถวายให้ พระอาจารย์ดี ฉันโน ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ขอฝากบุตรชายให้บวชตามประเพณี นายเนย ได้ฝึกขานนาคอยู่เป็นเวลา 3 เดือนเต็ม จึงได้รับการบรรพชาอุปสมบทในเขตวิสุงคามสีมา วัดป่าสุนทราราม อ.เลิงนกทา เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2500 โดยมี พระครูภัทรคุณาธาร วัดพรหมวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ทอง

ปภากโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระสมุห์อุ้ย เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านได้เข้ารับฟังธรรมกับ พระอาจารย์ดี ฉันโน เจ้าอาวาสวัดป่าสุนทรารามอยู่บ่อยๆ

พ.ศ.2500 ได้จำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม โดยมี พระอาจารย์สิงห์ทอง เป็นผู้ให้นิสัยรับโอวาทการปฏิบัติธรรม และในพรรษา ได้ถือธุดงค์ห้ามภัตตาหารที่นำมาถวายภายหลังตลอด 3 เดือน

ในช่วง พ.ศ.2504-2508 ท่านได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ ประกอบความเพียรด้วยความวิริยอุตสาหะแรงกล้า ไม่จำวัดตลอดกลางวัน

พ.ศ.2510 จำพรรษาที่วัดกลาง บ้านหนองสูง อ.คำชะอี จ.นครพนม (ปัจจุบันเป็นจังหวัดมุกดาหาร) ท่านพระอาจารย์กงแก้ว ขันติโก เจ้าอาวาสวัดกลางให้ช่วยเร่งทำความเพียรอย่างแรงกล้า จนเป็นลม 2 ครั้ง เนื่องจากฉันอาหารน้อย บางวันถึงกับอดอาหาร ทำให้การประกอบความเพียรเป็นไปได้ด้วยดี ต่อสู้กับกิเลส ขันธมารตลอดเวลาอย่างไม่ย่อท้อ

ได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ถ้าจะตายขอให้ตายไปเลยอย่าได้เดือดร้อนญาติโยม ปรารถนา จะไม่ให้ใครเดือดร้อนลำบากด้วยเรื่องของสังขาร แม้รักษาก็รักษาร่างกายด้วยตัวเอง

ท่านเคยบอกว่าผู้คนมักมัวเมาลุ่มหลงด้วยถูกทรมานแสนสาหัสจากภพภูมินรก ภูมิสัตว์เดรัจฉาน ทำให้หลงลืมที่จะรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ ด้วยภพภูมินี้เป็นภพภูมิที่จะนำไปสู่นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพานได้ ภพภูมิต่างๆ ล้วนต้องอาศัยความเป็นมนุษย์เท่านั้นที่จะบำเพ็ญไปสู่ภพนั้นๆ เทวดาจะไปนิพพานต้องจุติมาเกิดในโลกมนุษย์ก่อน อย่างนี้เป็นต้น จึงได้ปฏิบัติแบบค่อยเป็นค่อยไปตลอดพรรษา แต่ก็ยังเป็นแบบเคร่งครัดปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย

ทุกช่วงออกพรรษา หลวงปู่เนยมักเดินทางออกไปธุดงค์ แต่มาระยะหลังสุขภาพไม่แข็งแรง จึงเลือกที่จะปฏิบัติอยู่กับวัดป่าโนนแสน

หลวงปู่เนย เป็นพระที่มีศีลาจารวัตรอันงดงาม เป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง สงบเสงี่ยมเรียบร้อยงดงามด้วยข้อวัตรปฏิบัติ

ท่านมักสอนเสมอๆ ว่าการรักษาศีลข้อวัตรปฏิบัติเป็นหัวใจของพระศาสนา และต้องปฏิบัติทุกลมหายใจเข้าออก ถือเป็นหน้าที่ จะหาข้อหลบหลีกปลีกหนีที่จะไม่ปฏิบัติไม่ได้โดยเด็ดขาด แม้ข้อสิกขาบทเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีการยกเว้นได้เลย ศีลสิกขาบทเป็นความงดงามของพระเรา ใครปฏิบัติได้มากยิ่งงดงามมาก ไม่มีอะไรจะงดงามเท่าการรักษาศีลได้เลย การสอนที่ดีที่สุด คือ การปฏิบัติเป็นแบบอย่างให้ดูแม้ยามเจ็บป่วยหรือไม่แข็งแรง หลวงปู่เนยไม่เคยบอกกล่าวให้ญาติโยมทราบ น้อยคนนักที่จะรับรู้ปัญหาสุขภาพ บางคณะถึงกับนิมนต์ท่านให้เดินทางไปในที่ไกลๆ ท่านต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากบางครั้งท่านได้ปรารภกับพระในวัด ห้ามบอกว่าไม่สบาย ด้วยหลวงปู่ต้องการทำคุณประโยชน์ให้กับโลกมากที่สุด หลวงปู่เนยละสังขารอย่างสงบ ด้วย โรคไตวายเฉียบพลัน เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ค. 2555 ที่กุฏิวัดป่าโนนแสนคำ สิริอายุ 74 พรรษา 54