คุณยายเงิน กุลนิจ อายุ อายุ 69 ปี อาชีพ ทอผ้า
เลขที่ 51/1 ม.1 ตำบลห้วยหลัว อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร
ปัจจุบัน ถึงแม้ว่ายังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดบ่งบอกถึงต้นกำเนิดของการ ทอผ้า แต่ก็สามารถเทียบเคียงกับหลักฐานอื่น ๆ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันโดย มีเหตุผลหลายอย่างสนับสนุนแนวคิดที่ว่า การทอผ้ามีวิวัฒนาการมาจากการ ทำเชือก ทอเสื่อ และการจักสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลายเชือกทาบที่ปรากฏ ร่องรอยให้เห็นบนภาชนะดินเผาซึ่งพบเป็นจำนวนมากตามแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์สมัยหินใหม่เรื่อยมาจนถึงแหล่งโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้เอง จึงกล่าวได้ว่าการทอผ้าเป็นงานหัตถกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกงานหนึ่ง หลักของการทอผ้า คือการทำให้เส้นด้ายสองกลุ่มขัดกัน โดยทั้งสอง พวกตั้งฉากกัน เส้นด้ายกลุ่มหนึ่งเรียกว่า ด้ายยืนและอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า ด้ายพุ่ง ลักษณะของการขัดกันของด้ายพุ่งและด้ายยืน จะขัดกันแบบธรรมดาที่เรียกว่าลายขัดหรืออาจจะเพิ่มเทคนิคพิเศษเพื่อให้ผ้ามี ลวดลาย สีสันที่สวยงาม
ความหมายของผ้าขาวม้า
ผ้าขาวม้า คือ ผ้าฝ้ายทอเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มักมีลายตาหมากรุก ใช้ผลัดอาบน้ำหรือเคียนพุง เป็นต้น ภาษาปากเรียก ผ้าขะม้า (Royal Institute, 2013) นอกจากนี้ ยังมีความหมายอื่น ๆ ซึ่งล้วนคล้ายกัน เช่นผ้าขาวม้าเป็น ผ้าผืนหน้ากว้างประมาณ 14 – 24 นิ้ว ความยาวประมาณ 1.50 – 2.00 เมตร มีลายผ้าเป็นช่องตารางสี่เหลี่ยมที่นิยมเรียกกันว่าลายสกอต บางแห่งอาจเรียกผ้าขาวม้าว่า ผ้าอีโป้ ผ้ากาโดหรือตาโด ผ้าตาถ่อ แม้ว่าคำว่าผ้าขาวม้าจะเป็นคำที่รู้จักทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะเรียกเหมือนกันในทุกภูมิภาคของไทย ภาคใต้เรียกว่า ผ้าซักอาบ ผ้าซักน้ำ ผ้าชุบ ผ้าชุบตัว ผ้าผลัด ผ้าผลัดอาบน้ำ ผ้าปล่อย ผ้าคาดเอว เป็นต้น ภาคเหนือเรียกว่า ผ้าหัว ผ้าตะโก้ง ผ้าตาโก้ง ผ้าเคี่ยว เป็นต้น ส่วนภาคอีสาน อาจเรียกผ้าขาวม้าด้วยชื่ออื่น เช่น ผ้าแพรผ้าแพรอีโป้ ผ้ากาโด ซึ่งในอีสานเองจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ หนึ่งผ้าแพรขาวม้าซึ่งมีลักษณะเป็นตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัสคล้ายตาหมากรุก และสองผ้าแพรไส้ปลาไหล หรือผ้าแพรลิ้นแลน ผ้าขาวม้า เป็นผ้าสารพัดประโยชน์เป็นผ้ามหัศจรรย์ในแง่ของการใช้สอย ด้วยลายที่เรียบง่าย ขนาดผ้าถูกออกแบบได้อย่างเหมาะสม มีการใช้สอยจนถือว่า เป็นผ้าประจำกายสำหรับผู้ชาย สำหรับผู้หญิงก็มีการนำไปใช้ในลักษณะต่างๆ ได้เช่นกัน ปัจจุบันมีการพัฒนาลายมากขึ้นให้สีหลากหลายยิ่งขึ้น และได้กลายเป็นผ้าที่ผลิตเป็นธุรกิจครัวเรือน (Sikka, 2012)
เทคนิคการทอผ้าขาวม้า
ขั้นตอนการทอผ้า
สืบเส้นด้ายยืนเข้ากับแกนม้วนด้ายยืน และร้อยปลายด้ายแต่ละเส้นเข้าในตะกอแต่ละชุดและฟันหวีดึงปลายเส้นด้ายยืนทั้งหมดม้วนเข้ากับแกนม้วนผ้าอีกด้านหนึ่ง ปรับความตึงหย่อนให้พอเหมาะ กรอด้ายเข้ากระสวยเพื่อใช้เป็นด้ายพุ่ง
เริ่มการทอโดยกดเครื่องแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดที่ 1 จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง สอดกระสวยด้ายพุ่งผ่าน สลับตะกอชุดที่ 1 ยกตะกอชุดที่ 2 สอดกระสวยด้ายพุ่งกลับ ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ
การกระทบฟันหวี ( ฟืม ) เมื่อสอดกระสวยด้ายพุ่งกลับก็จะกระทบ ฟันหวี เพื่อให้ด้ายพุ่งแนบติดกัน ได้เนื้อผ้าที่แน่นหนา
การเก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกนด้ายยืนให้คลายออกและปรับความตึงหย่อนใหม่ ่ให้พอเหมาะ
การขิด
กรรมวิธีในการทอผ้าเพื่อให้เกิดลวดลายต่างๆ ขึ้นมา โดยวิธีการเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษในระหว่างการ ทอ เพื่อให้เกิดลวดลายที่โดดเด่นกว่าสีพื้น วิธีการทำคือ ใช้ไม้เขี่ยหรือสะกิด เพื่อช้อนเส้นด้ายยืนขึ้น แล้วสอดเส้นด้ายพุ่ง ไปตามแนวที่ถูกจัดช้อน จังหวะการสอดเส้นด้ายพุ่งนี่เอง ที่ทำให้เกิดเป็นลวดลายต่าง ๆ
การจก
เป็นเทคนิคการทอผ้าเพื่อให้เกิดลวดลายต่างๆ โดยเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษสอดขึ้นลง วิธีการคือ ใช้ขนเม่น ไม้ หรือนิ้ว สอดเส้นด้ายยืนขึ้น แล้วสอดเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไป ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นลวดลายเป็นช่วง ๆ สามารถทำสลับสีลวดลายได้หลากสี ซึ่งจะแตกต่างจากการขิดตรงที่ขิดที่เป็นการใช้เส้นด้ายพุ่งพิเศษเพียงสี เดียว การทอผ้าวิธีจกใช้เวลานานมากมักทำ เป็นผืนผ้าหน้าแคบใช้ต่อกับตัวซิ่น เรียกว่า “ ซิ่นตีนจก