กระติบข้าวจากต้นคล้า
กระติบข้าวจากต้นคล้า
ที่ตั้ง บ้านขี้เหล็ก หมู่ 1 ตำบลดงหม้อทอง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร
พืชธรรมชาติหลากชนิดที่ขึ้นอยู่กระจัดกระจายไปตามพื้นที่ป่าทั่วประเทศ นำมาซึ่งประโยชน์ใช้สอยได้ใน ทุกส่วน ทั้งหน่อ ราก ลำต้นและใบ ก่อให้เกิดความผูกพันกับวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนมาตั้งแต่อดีตกระทั่งปัจจุบัน จากการเรียนรู้คุณสมบัติจากพืชใกล้ตัว สนองประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน บ้างใช้สร้างบ้านเรือนเพื่ออยู่อาศัย บ้างผลิตเป็นภาชนะเครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน บ้างนำมาทำเป็นเครื่องดนตรีนานาชนิด อาทิ ระนาด ขลุ่ย อังกะลุง บ้างนำมาเหลาเป็นอาวุธ คันธนู ลูกศร คันกระสุน หรือแค่ปาดปลายให้แหลมเรียวก็เพียงพอที่จะมีไว้ใช้การ หากลำไหน ขนาดและน้ำหนักเหมาะถนัดมือ อาจนำมาทำเป็นไม้กระบอง หรือ ตะพดช่วยพยุงยามชรา ทั้งนี้เพราะคุณสมบัติที่ดีของไม้ไผ่ ที่มีความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ประกอบมีเนื้อเป็นเสี้ยนยาวตลอดลำ จึงทำให้มีเนื้อเหนียวไม่หักง่ายและมีแรงดีดคืนตัว เมื่อนำลำต้นมาจักตอกเป็นเส้นๆ ดัดโค้งขึ้นรูปตามความต้องการเพื่อสานเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ประเภทต่าง ๆ
สามารถรับแรงดึง และแรงกดได้ดีโดยไม่แตก หรือหักง่าย คุณสมบัติพิเศษเช่นนี้และเป็นวัตถุดิบที่มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทำให้เป็นที่นิยมนำมาทำเครื่องจักสานกัน แพร่หลายและใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของคนทั่วไปที่สุด ในรูปแบบของภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น กระบุง ตะกร้า กระจาด กระติ๊บ พ้อม รวมถึงเครื่องมือสำหรับ ดัก จับ ขัง สัตว์น้ำจำพวก ไซ ข้อง กระชัง สุ่ม ฯลฯ ภูมิปัญญาอันเกิดจากการเรียนรู้ชีวิตเกี่ยวโยงกับธรรมชาติ ท้องที่และคนในชุมชน ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ อุดมไปด้วยไม้ไผ่มากมายในอดีตตามความหมายเดิม “หมู่บ้านในป่าทึบ” จากการพึ่งพาตนเองโดยใช้วัตถุดิบ ที่มีในท้องถิ่น และวัตถุดิบที่หาได้ง่าย นำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องจักสานสำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวัน
ประวัติความเป็นมา
กระติบข้าวเก็บความร้อนจากต้นคล้า เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดจากบรรพบุรุษในการทำ กระติบข้าวจากไม้ไผ่ ต่อมาภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความรู้ความสามารถเรื่องการทำกระติบข้าวได้สังเกตเห็นว่า เส้นตอกที่นำมาไพลหญ้าคา สำหรับมุงหลังคาบ้านมีความเหนียวทนทานกว่าไม้ไผ่ เพราะในขณะที่ไพลหญ้าและไม้ไผ่ที่นำมามาใช้ไพลหญ้าผุพังแล้วแต่เส้นตอกที่ทำจากต้นคล้ายังอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม จึงคิดนำต้นคล้ามาทำเป็นเส้นตอกสานเป็นกระติบข้าวเก็บความร้อนจากต้นคล้า ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าไม้ไผ่ คือสามารถเก็บความร้อนได้นานกว่า แข็งแรงทนทานกว่า มีผิวมันวาวสวยงามกว่า จึงได้มีการนำเอาต้นคล้าดังกล่าวมาทำเส้นตอกสานเป็นกระติบข้าวเก็บความร้อนจาก ต้นคล้าเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ขั้นตอนการทำ
1. การเตรียมเส้นตอกสำหรับทำกระติบข้าวเก็บความร้อนจากต้นคล้า โดยเลือกลำต้นคล้าต้องมีอายุ 2 ปีขึ้นไป ใช้เครื่องมือกรีดให้ได้ขนาดที่เท่ากันแล้วนำไปรีดในเครื่องรีดเพื่อให้ได้ความหนาบางตามที่ต้องการและนำไปตากแดด 3 วัน และตากน้ำหมอก 2 คืน
2. การสานกระติบข้าว นำเส้นตอกที่เตรียมไว้มาสานลายสองเพื่อทำเป็นตัวกระติบข้าว ฝาปิดกระติบข้าวและแผ่นรองก้นกระติบข้าว และนำต้นยอที่ผ่าเป็นแผ่นบาง ๆ ขดเป็นวงกลมมัดแล้วนำไปตากแดดให้แห้งเตรียมไว้ทำตีนกระตีบข้าว
3. การประกอบเข้าเป็นตัวกระติบข้าว นำส่วนที่เป็นตัวกระติบข้าว ฝากระติบ ก้นกระติบ ตีนกระติบ มาเย็บประกอบเข้าด้วยกัน นำไปตากแดด 1 วัน ก่อนนำไปใช้
ประโยชน์
กระติบข้าวเก็บความร้อนจากต้นคล้า ถือเป็นแบบแผนการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่า แสดงถึงความเฉลียวฉลาดของภูมิปัญญาซึ่งได้สั่งสมปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน และภาชนะที่ใช้สำหรับใส่ข้าวเหนียวนึ่ง ที่ทรงคุณค่ามากด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน สามารถเก็บความร้อนได้ดี ในขณะที่ยอมให้ไอน้ำระเหยออกไปได้ทีละน้อย ทำให้ข้าวเหนียวที่บรรจุอยู่ภายในกระติบหรือก่องข้าวไม่แฉะด้วยไอน้ำ (ต่างจากกระติกน้ำแข็งที่เก็บความร้อนได้แต่ไม่ยอมให้ไอน้ำระเหยออก ข้าวเหนียวจึงเปียกแฉะ)
การสืบสานต่อ
ภูมิปัญญาการสานกระติบข้าวเก็บความร้อนจากต้นคล้า เป็นภูมิปัญญาที่ควรอนุรักษ์ช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับคนในหมู่บ้านสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อไป