สรุปบทเรียน
สรุปบทเรียน
การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาโดยใช้คำถาม 5W1H
เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการดำเนินงานของระบบ มีอยู่ด้วยกัน 7 ด้าน ได้แก่
1. คน (People)
คนเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นผู้ที่ใช้สติปัญญา ความรู้ ทักษะ และความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ออกแบบ วิเคราะห์ ตัดสินใจในกระบวนการเทคโนโลยี คนจึงเป็นปัจจัยแรกในการทำงานทางเทคโนโลยีที่จะขาดไม่ได้
2. ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information)
ความรู้ทุกสาขาวิชาของมนุษย์เป็นพื้นฐานของการสร้างเทคโนโลยี การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ การแปลความหมาย การใช้และประมวลผลข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญของการทำงานด้านเทคโนโลยี
3. วัสดุ (Materials)
การสร้างสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ย่อมต้องใช้วัสดุ วัสดุแต่ละประเภทต่างก็มีสมบัติที่แตกต่างกัน การตัดสินใจเลือกใช้วัสดุประเภทต่างๆ จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งาน เช่น ไม้มีน้ำหนักเบา ทำให้เป็นรูปร่างตามที่ต้องการได้ง่ายแต่ไม่ทนต่อความชื้น โฟมและพลาสติกมีน้ำหนักเบา ขึ้นรูปง่าย ราคาถูกแต่ไม่ทนกับสารเคมีบางชนิด เหล็กมีความแข็งแกร่งสูง แต่มีน้ำหนักมาก เซรามิกส์มีความแข็งสูงมาก ทนต่อสารเคมี แต่ก็เปราะมากเช่นกัน วัสดุเหล่านี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของทรัพยากรทางเทคโนโลยี
4. เครื่องมือและอุปกรณ์ (Machines and Tools)
เครื่องมือ คือ สิ่งที่ช่วยในการเปลี่ยนรูปร่าง ประสานและประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าเป็นชิ้นงานหรือทำให้เกิดผลสำเร็จตามความต้องการ ตัวอย่างเช่น มีด กรรไกร เลื่อย ค้อน สว่าน หัวแร้งบัดกรี จอบ เสียม เครื่องขึ้นรูปพลาสติก เครื่องตัดเหล็ก ฯลฯ
5. พลังงาน (Energy)
พลังงานต่าง ๆ เช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานกลพลังงานความร้อน พลังงานแสง ฯลฯ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการทำงาน เพราะการผลิตหรือสร้างสิ่งของต้องอาศัยกำลังงานที่จะทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงในลักษณะต่าง ๆ
6. ทุน (Capital) หรือทรัพย์สิน (Asset)
ทุน หมายถึง เงินทุนที่จะใช้ในกระบวนการเทคโนโลยี เทคโนโลยีบางอย่างต้องอาศัยเงินทุนจำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นอาคาร สถานที่หรือที่ดิน
7. เวลา (Time)
เทคโนโลยีหลายระดับมีตั้งแต่แบบง่ายจนถึงแบบที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยเวลาในการสร้างเทคโนโลยี เวลาจึงจัดเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่ง ถ้าผู้ใช้เทคโนโลยี ไม่ต้องการเสียเวลาในการคิดค้นอาจรับเทคโนโลยี หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้สร้างเทคโนโลยี
วัสดุ คือ สิ่งที่นำมาทำสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ วัสดุรอบตัวเรามีทั้งวัสดุธรรมชาติ ซึ่งได้มาจากสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เช่น ไม้ ขนสัตว์ ไยไหม เปลือกหอย ดินเหนียว หิน ทราย และวัสดุสังเคราะห์ เช่น พลาสติก เส้นใยสังเคราะห์
ความยืดหยุ่น หมายถึง ลักษณะที่วัตถุนั้นสามารถกลับคืนรูปร่างทรงเดิมได้ หลังจากแรงที่มากระทำต่อวัตถุหยุดกระทำต่อวัตถุนั้น
วัสดุที่ถูกแรงกระทำแล้วสามารถเปลี่ยนรูปร่างหรือขนาดของวัสดุ และเมื่อเราหยุดออกแรงวัสดุนั้นจะกลับคืนสู่สภาพเดิม เรียกว่า วัสดุนั้นมีสภาพความยืดหยุ่น เช่น ถุงมือยาง ยางยืด ฟองน้ำ
วัสดุแต่ละชนิดมีสภาพยืดหยุ่นไม่เท่ากัน บางชนิดต้องออกแรงมากๆ สภาพยืดหยุ่นยังคงอยู่ แต่บางชนิดเมื่อออกแรงมากเกินไปก็หมดสภาพยืดหยุ่นได้
ส่วนวัสดุที่เราออกแรงกระทำแล้ว วัสดุเกิดการเปลี่ยนรูปร่างหรือขนาด แต่เมื่อหยุดออกแรง วัสดุไม่คืนสภาพเดิม เราเรียกวัสดุนั้นว่า วัสดุไม่มีความยืดหยุ่น เช่น ดินน้ำมัน ไม้ แผ่นพลาสติก กระดาษ
การใช้ความยืดหยุ่นในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ยางรัดผม การใช้ยางยืดทำขอบกางเกง ใช้เส้นเอ็นทำไม้แบดมินตันหรือไม้เทนนิส
ความแข็ง หมายถึง ความทนทานต่อกรตัดและการขูดขีด วัสดุที่มีความแข็งมากจะทนทานต่อการขูดขีดมาก เช่น ตะปูกับไม้ เมื่อเราเอาตะปูไปขูดกับไม้ จะพบว่า ไม้เกิดรอย นั้นแสดงว่า วัสดุใดที่เกิดรอยจะมีความแข็งน้อยกว่าวัสดุที่ไม่เกิดรอย แสดงว่า ตะปูมีความแข็งมากกว่าไม้
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงมีดังนี้
1. วัสดุที่ถูกขูดเกิดรอย แสดงว่า ความแข็งน้อยกว่าวัสดุที่ใช้ขูด
2. วัสดุที่ถูกขูดไม่เกิดรอย แสดงว่า ความแข็งมากกว่าวัสดุที่ใช้ขูด
การใช้ความแข็งแรง ให้เหมาะแก่การใช้ประโยชน์และใช้งานได้ เช่น กล่องสำหรับเก็บของ โต๊ะ เก้าอี้ แก้ว กระเบื้อง ม้านั่ง
ความเหนียวหมายถึง ความสามารถในการรับน้ำหนักของวัสดุ ดึงขาดยาก ถ้าเราทำการพิจารณาด้านความเหนียวสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1.ความสามารถในการดึงเป็นเส้น
2.ความสามารถในการตีเป็นแผ่นบางได้
การนำความร้อน หมายถึง การถ่ายเทพลังงานความร้อนจากอนุภาคหนึ่งสู่อนุภาคหนึ่ง และถ่ายทอดกันไปเรื่อยๆ ภายในเนื้อของวัตถุ วัสดุแต่ละชนิดสามารถนำความร้อนได้แตกต่างกัน วัสดุที่นำความร้อนได้ดีจะถ่ายเทพลังงานความร้อนได้เร็ว และมาก เมื่อวัสดุชนิดนั้นได้รับความร้อนที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จะถ่ายโอนความร้อนไปสู่บริเวณอื่นด้วย วัสดุบางชนิดไม่นำความร้อน เราจึงสามารถจำแนกสมบัติการนำความร้อนของวัสดุได้ 2 ประเภท คือตัวนำความร้อน และฉนวนความร้อน
1.ตัวนำความร้อน
คือวัสดุที่ความร้อนผ่านได้ดี ส่วนใหญ่เป็นโลหะ เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม เงิน ทอง ทองแดง นิยมมาใช้ทำภาชนะหุงข้าว เช่น หม้อ กาต้มน้ำ กระทะ
2.ฉนวนความร้อน
คือ วัสดุที่ความร้อนผ่านได้ไม่ดี หรือไม่สามารถผ่านได้ ส่วนใหญ่เป็นอโลหะ เช่น ผ้า ไม้ ยาง พลาสติก กระเบื้อง นิยมนำมาทำ ด้ามตะหลิว ด้ามหม้อ หูหม้อ ที่จับหม้อ เพื่อป้องกันความร้อน
การนำไฟฟ้า หมายถึง สมบัติยอมให้ประจุไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ และสามารถแสดงอำนาจไฟฟ้าออกมา ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติการนำไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ดังนี้
ตัวนำไฟฟ้า วัสดุที่ยอมให้ประจุไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ ได้แก่ โลหะต่างๆ เช่น ทองแดง เงิน เหล็ก อะลูมิเนียม
ตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด คือ เงิน (แต่ไม่นิยม เพราะราคาแพง)
อโลหะที่สามารถนำไฟฟ้าได้ คือ แกรไฟต์
ฉนวนไฟฟ้า คือ วัสดุที่ไม่ยอมให้ประจุไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหรือผ่านได้น้อยมาก เช่น ไม้ แก้ว กระดาษ ยาง พลาสติก
บริการฟรี Email ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในปัจจุบันนี้คงหนีไม่พ้นบริการฟรี Email จาก Google ที่เรียกว่า Gmail เพราะนอกจากเราสามารถใช้บริการได้ฟรีแล้ว Gmail ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างที่คุณควรรู้ และใช้บริการนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อไปเราจะมาดูกันว่าเมื่อคุณสมัคร Gmail แล้ว จะได้รับประโยชน์อะไรจากบริการนี้กันบ้าง
มี Email ใช้งานฟรี ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานส่วนตัว หรือใช้สำหรับประกอบธุรกิจ
สามารใช้บริการต่าง ๆ จาก Google ได้มากมาย เช่น Google Photo, Google Drive, Blogger และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย
ใช้เป็น Account สำหรับเข้าใช้งานสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android หากคุณไม่มี Gmail คุณก็จะไม่สามารถใช้มือมือระบบปฏิบัติการ Android ได้
สามารถนำ Gmail ไปสมัครใช้บริการอื่น ๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างมากมาย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าบริการบนอินเตอร์เน็ตนั้น มีความจำเป็นที่เราจะต้องสมัครสมาชิกก่อนใช้งาน แน่นอนว่า Email เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ สำหรับการสมัคใช้บริการเหล่านี้ และ Gmail เองก็ถือเป็น Email ยอดนิยมที่เมื่อเราสมัครแล้ว ก็สามารถนำไปสมัครบริการต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
การส่งไฟล์แบบไม่ลดขนาด (โดยเฉพาะรูปภาพ) สามารถทำได้บน Email หากคุณมี Gmail ไว้ก็สามารถส่งไฟล์ และข้อความได้สะดวก ตอบโจษย์การใช้เทคโนโลยีปัจจุบัน
Search Engines (เสิร์ชเอนจิน) หมายถึง โปรแกรมค้นหา ที่ถูกออกแบบมาเป็นเครื่องมือใช้งานในการสืบค้นข้อมูลต่างๆ โดยใช้โปรแกรมส่วนมากที่ใช้สำหรับการค้นหาข้อมูลเว็บไซต์ ซึ่ง Search Engines จะมีวิธีการค้นหาโดยการกรอกข้อมูลหรือคำที่ต้องสืบค้นลงไป แล้วเว็บไซต์จะทำการประมวลผลลัพธ์ต่างๆ ออกมาให้ผู้สืบค้นข้อมูลทราบ
การค้นหาข้อมูล หมายถึง การสืบค้นข้อมูลที่ต้องการทราบบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกและรวดเร็ว โดยจะทำการค้นหาจากเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลหรือเรียกว่า Search Engine Site
รายชื่อ Search Engine Site ที่นิยม
Google (www.google.com) : อันดับหนึ่งของโลก ในเกือบทุกๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
Bing (www.bing.com) : เป็นเว็บค้นหา ของบริษัท Microsoft คู่แข่งกับ Google โดยตรง
Yahoo (www.yahoo.com) : ตั้งแต่ ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา Yahoo ถูกซื้อกิจการโดย Bing (จาก Microsoft)
Ask.com (www.ask.com) : เว็บแสดงผลการค้นหา โดยเจาะจงที่คำถาม-คำตอบ มากกว่า How-to
AOL.com (www.aol.com) : เอโอแอล network ค้นหาข้อมูล ภายใต้เว็บไซต์ที่มีส่วนร่วม