การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
ระบบน้ำนิ่งในกล่องโฟม
มารู้จักการ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
ไฮโดรโปนิกส์ หรือ Hydroponic คือ การปลูกพืชในน้ำที่มีการผสมสารละลายอาหารในการปลูกเลี้ยง หรือที่เรียกกันอีกชื่อคือ ปุ๋ยน้ำ การ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยส่วนใหญ่จะปลูกผักที่กินใบ และผักหรือพืชที่ใช้ระยะเวลาสั้นๆ ในการเก็บเกี่ยว ในส่วนของผักไฮโดรโปนิกส์ที่นิยมปลูกกันมาก ได้แก่ ผักกาดหอม กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค กรีนคอส ฟิลเลย์ และบัตเตอร์เฮด โดยผักดังกล่าวนี้จะใช้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวประมาณ 40-60 วันเท่านั้น และนิยมนำมาประกอบอาหารในเมนูสลัดหรือกินสดๆ นอกจากนี้การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ยังนิยมนำมาใช้ในการปลูกพืชชนิดอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ มันฝรั่ง เมล่อน หัวไชเท้า หัวหอมใหญ่ และสตรอเบอร์รี แต่การ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แต่ละชนิดจะต้องคำนึงถึงภาชนะที่ใช้ด้วยเช่นกัน โดยจะต้องเลือกขนาดของภาชนะที่เหมาะสม เพื่อที่พืชจะได้รับปริมาณสารอาหารที่ครบถ้วน และเติบโตได้อย่างเต็มที่
DFT (Deep Flow Technique)
DFT หรือ Deep Flow Technique คือ ระบบที่ปลูกพืชโดยที่รากจะแช่อยู่ในสารละลาย มีการปลูกพืชบนแผ่นโฟมหรือวัสดุต่างๆ ที่สามารถลอยน้ำเพื่อยึดลำต้น โดยระบบ DFT จะมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ Floating Hydroponic Systems หรือ ระบบไฮโดรโปนิกส์ลอยน้ำ ระบบนี้จะนิยมนำมาใช้ในการ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยทั่วไป อีกทั้งยังสามารถประยุกต์รางปลูกได้จากหลากหลายวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นกล่องโฟม ท่อน้ำ ขวดพลาสติก หรือถังน้ำก็ตาม
วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม
นางสาวปฏิมา แต่งตั้ง (น้องอ๋อย) เกษตรกรผู้ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ในกล่องโฟม
ที่ตั้ง 25/4บ้านป่าจี้ซอย3 ม.3 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน หมายเลขโทรศัพท์ 0800338209
ได้ให้ข้อมุลเกี่ยวกับปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ในกล่องโฟม ว่าเป็นวิธีที่แนะนำให้ทำอย่างมาก เพราะเป็นวิธีที่สามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่จำกัด เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยในคอนโดหรือห้องเช่า ในส่วนของวิธีการ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ในกล่องโฟม สามารถทำตามได้ดังนี้
เริ่มจากการเพาะเมล็ดในฟองน้ำ ด้วยการแช่เมล็ดในน้ำ และทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน จนกลายเป็นต้นกล้า
เมื่อได้ต้นกล้าที่สามารถนำไปปลูกได้แล้ว ให้ทำการเตรียมกล่องโฟม
กล่องโฟมที่แนะนำให้ใช้อยู่ที่ขนาด 60×60 เซนติเมตร
เจาะรูกล่องโฟมเป็นวงกลม โดยแนะนำให้ใช้สว่านเจาะ เลือกใช้หัวแบบ Hole Sow ขนาด 30-40 mm.
หากไม่มีสว่านเจาะ สามารถใช้ท่อ PVC ขนาด 1 นิ้ว หรือใช้มีดเจาะเพื่อให้ได้รูตามขนาดที่ระบุไว้
รูที่เจาะไม่จำเป็นต้องสวยงาม แต่เน้นที่ขนาดให้พอเหมาะเพื่อที่จะใส่ถ้วยปลูกได้พอดี
ระยะห่างของรูควรห่างประมาณ 10 เซนติเมตร
ระยะห่างสำหรับการปลูกผักสลัดควรห่าง 30 เซนติเมตร
เมื่อเตรียมกล่องโฟมสำหรับ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการเติมน้ำและผสมปุ๋ยลงไป
เอาถ้วยมาใส่ไว้ในรูที่เจาะ
เอาต้นกล้าที่เพาะแล้วมาใส่ในถ้วยปลูก
คอยสังเกตและรักษาระดับความสูงของน้ำให้อยู่สูงถึงถ้วยปลูกตลอด
ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงค่อยเก็บผลผลิตมารับประทาน
ในการจำหน่าย มีทั้งขายปลีกและขายส่งราคาขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ราคาขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท
ประโยชน์ของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
ในส่วนของประโยชน์ที่ได้จากการ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. สามารถควบคุมการใช้ธาตุอาหารของพืชได้ง่ายกว่าการปลูกพืชในดิน
2. สามารถประหยัดการใช้น้ำได้มากกว่าการให้น้ำกับพืชที่ปลูกบนดิน ซึ่งเมื่อเทียบการใช้น้ำแล้ว การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สามารถประหยัดน้ำได้มากถึง 10 เท่า
3. ช่วยลดค่าแรงงานในการเตรียมพื้นที่สำหรับ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ได้มาก
4. สามารถควบคุมโรคดินได้ง่ายกว่าการปลูกผักในดินแบบทั่วไป
5. ปลูกได้ในทุกพื้นที่ แม้จะเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกพืชได้ในดิน ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุมาจากการที่ดินไม่ดีหรือในพื้นที่ที่เป็นพื้นปูนก็ตาม
6. การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ให้ผลผลิตค่อนข้างสม่ำเสมอ
7. ผักที่ได้จากการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์จะให้คุณภาพดีกว่าเมื่อเทียบกับผักที่ปลูกในดิน
8. ผลผลิตที่ได้จากการ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ให้ผลตอบแทนสูงกว่าผลผลิตที่ปลูกในดิน
9. ช่วยประหยัดเมล็ดพันธุ์มากกว่าการปลูกแบบในดิน
10. สามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่จำกัด
ข้อมูลเนื้อหา : นางสาวปฏิมา แต่งตั้ง (น้องอ๋อย)
เรียบเรียงเนื้อหา : นางสาวนภาพร วรรณพาน
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ : นางสาวปฏิมา แต่งตั้ง (น้องอ๋อย)