แหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น

จังหวัดลพบุรี

                ลพบุรี คือ เมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ผ่านความรุ่งเรืองมาแล้วหลายครั้ง เคยเป็นราชธานีแห่งที่ 2 ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พรั่งพร้อมด้วยวิทยาการทันสมัย ถ้าจะบอกว่าลพบุรีรุ่งเรืองที่สุดในยุคนั้นก็ไม่ผิดนักปัจจุบันลพบุรียังคงมีเสน่ห์เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก จังหวัดนี้เต็มไปด้วยความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ โบราณสถานอันงดงาม ทรงคุณค่า เรื่องราวที่น่าสนใจ ธรรมชาติสวยงามแปลกตา ทุ่งทานตะวันอันยิ่งใหญ่ไม่มีใครเหมือน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ช่วยบอกเรื่องราวของความมีเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆ อยากไปเยือนลพบุรี จังหวัดลพบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและธรรมชาติ เช่น พระปรางค์สามยอด ศาลพระกาฬ วัดสันเปาโล พระที่นั่งไกรสรสีหราช พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดยาง ณ รังสี และพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้าน หอไตรวัดท่าแค ทุ่งดอกทานตะวัน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าซับลังกา ฯลฯ


1. ทุ่งทานตะวัน

                   ทุ่งดอกทานตะวัน หากจะดูทุ่งดอกทานตะวัน จะต้องมาถึงถิ่นลพบุรี เพราะที่นี่เป็นจังหวัดที่มีการปลูกดอกทานตะวันมากที่สุดในประเทศไทยหรือประมาณ 200,000-300,000 ไร่ โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งเหลืองอร่ามสุดสายตาซึ่งโดยปกติแล้วแหล่งปลูกทานตะวันจะกระจายไปใน เขตอำเภอเมือง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล โดยเฉพาะบริเวณเขาจีนแล ใกล้วัดเวฬุวัน ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาชมทุ่งทานตะวันสามารถเลือกขับรถชมความงามตามเส้นทางต่าง ๆ หรือจะเลือกจุดที่ลงไปถ่ายรูปใกล้ชิดกับทานตะวันก็ได้เช่นกัน โดยสามารถเลือกตามจุดท่องเที่ยวที่จัดไว้ให้ ดังนี้ ?เส้นทางที่ 1 สระบุรี-หล่มสัก จุดแรกจากแยกพุแคระยะทางประมาณ 10-15 กิโลเมตร จุดที่สองพอถึงสี่แยกตลาดซอย 12 เลี้ยวขวาไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีดอกทานตะวันสองข้างทางจนถึงตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และจุดที่สามขากลับจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขับรถตรงเข้าเมืองลพบุรี สามารถแวะถ่ายรูปได้ตลอดเส้นทาง เส้นทางที่ 2 ลพบุรี-พัฒนานิคม-วังม่วง จุดแรกเขาจีนแล ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นจุดที่สวยที่สุดเนื่องด้วยทิวทัศน์ด้านหลังทุ่งทานตะวันเป็นภูเขาสูงต่ำลดหลั่นกันไป จุดที่สองบ้านหนองถ้ำ-ซับเสือแมบ ห่างจากจังหวัดลพบุรีระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จุดที่สามอ่างซับเหล็กจุดนี้จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และมีทุ่งทานตะวันอยู่ด้านล่าง ด้านหลังทุ่งทานตะวันจะมีภูเขาที่สวยงาม เรียกว่า เขาตะกร้า

2. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

                    เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ที่บ้านแก่งเสือเต้น ตำบลหนองบัว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานให้กับเขื่อนแห่งนี้ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนแกนดินเหนียวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ด้วยความยาวทั้งสิ้น 4,860 เมตร สร้างขึ้นภายใต้โครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากและปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูร้อน เขื่อนแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่กักเก็บน้ำแล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรีอีกด้วย โดยกิจกรรมที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่นี่คือ การนั่งรถรางไปตามแนวสันเขื่อนด้วยระยะทางไป-กลับกว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับลมเย็นสบายพร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามบริเวณอ่างเก็บน้ำซึ่งกิจกรรมที่ว่านี้จะมีเฉพาะวันหยุดเท่านั้น หากมาเยือนในวันธรรมดา คุณสามารถขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยเฉลิมพระเกียรติเพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองลพบุรี ได้รอบทิศแบบ 360 องศา หรือเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสักซึ่งจัดแสดงความรู้ด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมของท้องถิ่น ที่สำคัญไม่ควรพลาดไปกราบไหว้พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย (หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก) พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่สีขาวที่ประดิษฐานอยู่บริเวณท้ายเขื่อน

3. น้ำตกสวนมะเดื่อ

                    น้ำตกสวนมะเดื่อ จังหวัดลพบุรี ตั้งอยู่ที่บ้านสวนมะเดื่อ หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม (อยู่ห่างจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพียง 23 กิโลเมตร ลาดยางตลอดเส้นทาง) เกิดจากตาน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ใต้หิน  ทำให้น้ำใสสะอาด  ในลำคลองธรรมชาติ  น้ำตกบางชั้นเป็นน้ำร้อนผุดธรรมชาติ ในบริเวณน้ำตก ประกอบด้วยน้ำตกที่สวยงาม จำนวนมากกว่า  12 ชั้น ตั้งแต่ เดือนเมษายน พ.ศ. 2543 ประชาชนในท้องถิ่นร่วมมือกันอนุรักษ์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและศึกษา ธรรมชาติ ตลอดบริเวณน้ำตกระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เพิ่งปรากฏสู่สายตาประชาชน เป็นน้ำตกที่ได้รับการจัดลำดับอยู่ในลำดับน้ำตกชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ปัจจุบันจึงจัดบริเวณน้ำตกเป็น อุทยานการศึกษาธรรมชาติห้วยขุนราม (HUAI KHUN RAM NATIONAL EDUCATIONAL PARK) บริเวณอุทยานฯ มีสิ่งที่น่าสนใจคือ ป่าไผ่นานาชนิด ต้นไม้เก่าแก่เช่นตะเคียนยักษ์ และที่สำคัญคือ ต้นมะเดื่ออุทุมพร ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตก น้ำตกสวนมะเดื่อมีน้ำไหลตลอดปี

4. น้ำตกตาวต้น

                    น้ำตกเตาต้น ธรรมชาติกลางหุบเขา น้ำตกเตาต้น อยู่ในพื้นที่ บ้านดงหลุ่ม ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี เส้นทางหมายเลข 2321 สระโบสถ์ - ลำนารายณ์ เป็นน้ำตกที่อยู่กลางหุบเขา ในการเดินทาง ต้องเดินเท้าตามลำธารระยะทางประมาณ 2 ก.ม. เข้าไปในหุบเขา น้ำตกเตาต้นจะมีน้ำในช่วงหน้าฝนหลังจากฝนตกลงมาเท่านั้น เนื่องจากไม่มีตาน้ำ จะเกิดการไหลมารวมกันของน้ำปริมาณที่มากจึงทำให้เกิดเป็นน้ำตกเตาต้น เหมาะสำหรับท่านที่ชื่นชอบธรรมชาติและความท้าทายในการการผจญภัย

5. สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง

                    น้ำตกวังก้านเหลือง ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่มีความาสวยงามไม่แพ้น้ำตกแห่งอื่นๆ และเป็น น้ำตกที่มีความประหลาดมาก เพราะแทนที่ต้นน้ำจะอยู่บนภูเขาสูงกลับปรากฎว่า ต้นน้ำแห่งนี้เป็นตาน้ำขนาดใหญ่ ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกห่างจากบริเวณน้ำตกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ธารน้ำตกจะไหลเลาะไปตามที่ลาด ปะทะกับหินผาเป็นชั้น ๆ นับได้ไม่ต่ำกว่า 10 ชั้น แล้วไหลลงไปบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก รอบ ๆ บริเวณร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นปกคลุม มีหินงอกหินย้อยเกิดขึ้นหลายแห่ง และหิน ที่น้ำตกแห่งนี้มีลักษณะพิเศษ คือ ไม่ลื่น สามารถเดินผ่านได้สะดวก และเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้ ก็คือ มีน้ำไหลแรงตลอดทั้งปี น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อ ก้านเหลือง ตามชื่อต้นไม้ที่ในอดีตมีอยู่มากมายในบริเวณนี้ คือ ต้นก้านเหลือง หรือต้นกะเหลือง หรือกระทุ่มคลอง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ใบเหนียวทนทาน ในอดีตเคยมีการนำไปใช้ ในการมุงหลังคาบ้าน เนื้อไม้ละเอียดสีเหลืองสด มีผลกินได้

 6. เขาฟ้าแลบ

                    เขาฟ้าแลบ เป็นชื่อเรียกของเทือกเขาที่ตั้งอยู่ในเขต อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี (เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบผจญภัยในธรรมชาติ) เส้นทางเขาฟ้าแลบนั้นมีให้เลือกได้หลายเส้นทางทั้งวิ่งลัดเลาะลงลำธารและไต่ไปตามโขดหินน้อยใหญ่และดินทรายรวมทั้งเป็นร่องน้ำและเนินสูงที่ตัดขึ้นสู่ยอดเขาสูงชันด้านบนแต่จุดที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดจะอยู่ทางฝั่งลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า มอคอกวัวหรือเนินคอกวัว เป็นเส้นทางที่ต้องขับรถขึ้นยอดเขาที่มีทั้งหมด 9 เนิน หรือ 9 พับแต่ละเนินนั้นมหาโหดแทบทั้งสิ้นนอกจากจะลาดชันแล้วแต่ละเนินนั้นยาวสุดลูกหูลูกตาอีกด้วย จุดเด่นของเขาฟ้าแลบ อยู่ที่การขับขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ทิวทัศน์รอบด้านจะเริ่มปรากฏต่อสายตาขึ้นทุกขณะสวยงามแปลกตาด้วยยอดเขาน้อยใหญ่ที่สูงทะมึนรอบด้าน

7. พิพิธภัณฑ์บ้านโป่งมะนาว

                    แหล่งโบราณคดีบ้านโป่งมะนาว ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของท้องถิ่น และของจังหวัดลพบุรี ภายในวัดโป่งมะนาวและแหล่งโบราณคดีบ้านโป่งมะนาว มีทั้งพิพิธภัณฑสถาน ชุมชนบ้านโป่งมะนาว และการจัดแสดงหลุมขุดค้นทางโบราณคดี (Site museum) แหล่งโบราณคดีบ้านโป่งมะนาว มีลักษณะพื้นที่เป็นเนินดินธรรมชาติที่ทับถมสูงขึ้นจากทั้งธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันเนินดินมีขนาดยาวประมาณ 400 เมตร และส่วนที่กว้างที่สุดกว้างประมาณ 200 เมตร เดิมเนินดินนี้มีลำห้วยธรรมชาติล้อมรอบ แต่ในปัจจุบันลำห้วยด้านทิศเหนือตื้นเขินไปแล้ว เหลือเพียงลำห้วยด้านทิศใต้เท่านั้น (เรียกว่าห้วยสวนมะเดื่อ) ลำห้วยเหล่านี้จะไหลออกสู่แม่น้ำป่าสักที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกประมาณ 10 กิโลเมตรปัจจุบันบนเนินดินแหล่งโบราณคดีเป็นที่ตั้งของวัดโป่งมะนาว ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่ที่ใช้ประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนาของวัดโป่งมะนาวแล้ว ยังใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูก ได้แก่ ไร่ข้าวโพด สวนสะเดา รวมถึงไม้ยืนต้นและไม้ล้มลุกต่างๆ

8. เขตห้ามล่าพันธ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์

                   เขตห้ามล่าพันธ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ ตั้งอยู่ในท้องที่บางส่วนของ ตำบลซับตะเคียน ตำบลหนองยายโต๊ะ ตำบลบัวชุม และตำบลนาโสม มีเนื้อที่ประมาณ 8,440 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2538 อาณาจักรกว้างใหญ่ของผืนป่าขนาด 8,440 ไร่ ได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าเขาสมโภชน์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2538 ด้วยลักษณะที่เป็นเทือกเขาหินปูน สูงชันทอดตัวไปตามแนวทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีถ้ำและหน้าผาจำนวนมากมีที่ราบในหุบเขา 2 แห่ง และที่ราบบนเขา 1 แห่ง อีกทั้งมีแหล่งน้ำซับกระจายอยู่ทั่วไป จึงถือเป็นป่าต้นน้ำที่มีความสำคัญมากของเมืองไทย นอกจากนี้ ด้วยสภาพผืนป่าที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์สูง ปัจจุบันจึงมีบริการจัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ อาทิ พรรณพืชชนิดต่าง ๆ นิเวศวิทยาตลอดจนซากฟอสซิลอายุประมาณ 280 ล้านปี ซึ่งเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาสำคัญที่แสดงว่าบริเวณเทือกเขานี้เคยเป็นไหล่ทวีปและอยู่ใต้น้ำมาก่อน ภายในบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสมโภชน์ ยังได้ค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะที่วัดถ้ำพรหมโลกค้นพบขวานหินตัด ยุคสมัยหินตอนปลาย อายุราว 3,000 ปี ใบหอกสำริดภาชนะดินเผาในยุคโลหะ อายุประมาณ 2,500 ปี พระพุทธรูปสลักด้วยไม้สมัยอยุธยาตอนปลาย หรือ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 บรรยากาศที่เงียบสงบท่ามกลางสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติอันสมบูรณ์แห่งนี้ยังมีสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรม ณ วัดเขาสมโภชน์ วัดถ้ำพรหมโลกและบริเวณใกล้วัดถ้ำพรหมโลกมีลานยุคหินผุดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

9. เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าซับลังกา

                   เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าซับลังกา ตั้งอยู่ที่บ้านลังกาเชื่อม ตำบลสำสนธิ ตำบลกุดตาเพชร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 96,875 ไร่ เป็นที่ราบอยู่ในหุบเขา ถูกกั้นด้วยเทือกเขาพังเพย ทิศตะวันตกเป็นเขารวก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 140-846 เมตร ความสำคัญของพื้นที่ คือ ป่าซับลังกามีสภาพสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำลำสนธิ และแหล่งอาหารของสัตว์ป่า ปัจจุบันยังมีเลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนอาศัยอยู่ ป่าซับลังกาเป็นที่ราบในหุบเขาล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาพังเพยและเทือกเขารวก และเป็นป่าผืนสุดท้ายของจังหวัดลพบุรีที่ค่อนข้างสมบูรณ์มีทั้งถ้ำ หน้าผา น้ำตก และป่าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นป่าเต็งรัง ป่าเบญพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และป่าไผ่ ปัจจุบันจึงกลายเป็นอีกจุดหมายของนักเดินป่าเพราะไม่ว่าคุณจะเลือกเดินป่าเส้นทางห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้ง หรือเส้นทางห้วยประดู่-ถ้ำพระนอก-ถ้ำสมุยกุย ก็จะได้พบกับความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ โดยเฉพาะความงามอันแสนลึกลับของถ้ำผาผึ้ง ถ้ำผานอก หรือถ้ำสมุยกุย หรือจะแวะพักผ่อนหย่อนเท้าแช่น้ำที่ลำห้วยพริก น้ำตกผาผึ้งให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเดินต่อก็ย่อมได้ สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การเที่ยวมากที่สุดคือปลายฝนต้นหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกกล้วยไม้รองเท้านารีจะพร้อมใจกันเบ่งบาน ต้อนรับนักท่องเที่ยว

10. ปรางค์นางผมหอม

                   ปรางค์นางผมหอม อยู่ห่างจากตลาดหนองรีประมาณ 2 กิโลเมตร ในเขตบ้านโคกคลี ลักษณะของปรางค์นางผมหอมนี้ เป็นปรางค์องค์เดียวโดด ๆ ก่อด้วยอิฐไม่ถือปูน เช่นเดียวกับเทวสถานปรางค์แขก สภาพปัจจุบันยอดหักลงมาหมดแล้ว มีประตูเข้าภายในปรางค์ได้ ภายในปรางค์เป็นห้องโถง กรอบประตูสร้างด้วยแท่งหิน รอบ ๆ ปรางค์นางผมหอม ปรางค์องค์เดียวที่ก่อด้วยอิฐไม่ถือปูน สันนิษฐานว่าปรางค์องค์นี้มีอายุราวพุธศตวรรษที่ 15-17 ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปัจจุบันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำสองสายที่มาบรรจบกันคือ แม่น้ำลำสนธิและแม่น้ำลำพระยากลาง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีตำนานเล่าขานว่า เป็นที่เก็บศพของนางผมหอม ราชธิดาของเจ้าเมืองทุกครั้งที่สระผมนางมักจะไปนั่งที่ก้อนหิน บริเวณที่ก้อนหินนั้นตั้งอยู่จึงถูกเรียกว่า ท่านางสระผม เมื่อผมของนางลอยไปตามน้ำ กษัตริย์อีกเมืองเก็บได้จึงเกิดความหลงใหลให้ทหารออกตามหาเจ้าของ แต่เมื่อทราบว่านางมีคู่หมั้นแล้วจึงได้ท้าพนันตีคลีกัน (สถานที่ตีคลีภายหลังได้ชื่อว่า โคกคลี) หากผู้ใดชนะจะได้นางไปครอบครองนางผมหอมเฝ้าดูการตีคลีด้วยความอัดอั้นตันใจ ในที่สุดจึงได้ผูกคอตายฝ่ายทั้งสองชายเมื่อทราบข่าวจึงชวนกันกระโดดน้ำตายด้วยความเสียใจจนกระทั่งวันนี้ แม้ว่ายอดของปรางค์ผมหอมจะหักโค่นลงมาหมดแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถเข้าไปชมภายในปรางค์ ซึ่งเป็นห้องโถงได้อยู่โดยประตูทางเข้าสร้างด้วยแท่งหินบริเวณรอบปรางค์ยังมีหินก้อนใหญ่อยู่เกลื่อนกลาด และห่างจากปรางค์นางผมหอมไม่มากนักเป็นด่านกักสัตว์บ้านโคกคลี

11. เมืองโบราณซับจำปา

                   เมืองโบราณซับจำปา เป็นเมืองโบราณยุคทวารวดี จากร่องรอยคูน้ำคันดินและหลักฐานโบราณวัตถุที่พบทั่วไป ในแถบอำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี ถือว่าเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งของยุคทวารวดี ปรากฏการตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จากการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี เช่น กำไลหิน แกนกำไลหิน กระดูกมนุษย์ และภาชนะดินเผาก่อนประวัติศาสตร์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งมีอายุประมาณ 3,000-2,500 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนามาก่อน เพราะมีการค้นพบประติมากรรมของพุทธศาสนานิกายต่าง ๆ เช่น พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี พระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท ตลอดจนธรรมจักรและกวางหมอบอีกทั้งการค้นพบสินค้า ที่ติดตัวพ่อค้าหรือนักเดินทาง เช่น เครื่องรางของขลัง เงินตรา รวมถึงสินค้าต่าง ๆ ที่พ่อค้าชาวต่างชาตินำเข้ามา อันได้แก่ ขันสำริด ลูกปัด และชิ้นส่วนกำไลงาช้างจึงสันนิษฐานได้ว่าเมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าอีกด้วย

12. ป่าจำปีสิรินธร

                   ป่าจำปีสิรินธร บริเวณทางทิศใต้ของเมืองโบราณซับจำปาเป็นป่าพรุน้ำจืด ซึ่งบริเวณนี้มีน้ำท่วมขัง และ มีน้ำซับตลอดทั้งปี โดยน้ำมาจากฝนที่ตกแล้วน้ำจากเขาหินปูนนี้จะซึมลงใต้ดิน และไหลรวมเป็นน้ำใต้ดิน ป่าจำปีสิรินธรเป็นป่าที่อยู่กับเมืองโบราณซับจำปาซึ่งเป็นเมืองโบราณประมาณยุคทวารวดีโดยป่าจำปีสิรินธรเป็นจำปีสายพันธุ์ใหม่ของโลกที่พบเฉพาะในพื้นที่นี้เท่านั้น สมัยโบราณชาวบ้านเข้าใจว่าต้นจำปีสิรินธรที่ขึ้นอยู่ใกล้บริเวณเมืองเก่านั้น คือต้นจำปา และบริเวณรอบ ๆ นั้นก็เป็นแหล่งน้ำซับที่มีต้นสายมาจากป่าดงพญาเย็นทำให้มีน้ำจากใต้ดินไหลออกมาตลอดปี ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า "ซับจำปา" ภายหลังทั้งหน่วยงานภาครัฐและประชาชนในพื้นที่จึงช่วยกันจัดตั้งเป็น "ศูนย์ข้อมูลเมืองโบราณซับจำปาและป่าจำปีสิรินธร" ขึ้นที่โรงเรียนท่าหลวงวิทยาคม ภายในอาคารจัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น รูปสลักพระพุทธเจ้าบนแผ่นหินจำลอง พระพุทธรูปศิลปะทวารวดี อิฐ เสาหิน ภาพถ่ายทางอากาศของเมืองโบราณซับจำปา รวมทั้งภาพถ่ายเศียรพระพุทธรูปหินทรายสลัก ปัจจุบันนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ นอกจากนี้ โบราณวัตถุที่พบมากที่สุดคือ เศษภาชนะเครื่องปั้นดินเผารูปทรงต่าง ๆ มากมาย ซึ่งสามารถเยี่ยมชมได้ภายในที่จัดแสดง รวมไปถึงตู้จัดแสดงลูกปัดที่ทำจากเปลือกหอย ลูกปัดสี กำไลสำริด เครื่องมือเหล็กเช่น หอก ขวานรูปนกและรูปทรงต่าง ๆ มีการนำขวานหินขัดมาจำลองใส่ด้ามให้เหมือนการใช้งานในสมัยโบราณ ส่วนต่อมาจัดแสดงเกี่ยวกับต้นจำปีสิรินธร สมัยก่อนชาวบ้านเรียกตาม ๆ กันว่าต้นจำปาจนเป็นที่มาของชื่อชุมชนซับจำปา แต่เมื่อ ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ผอ.โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพันธุกรรมพืชในวงศ์ไม้จำปาได้นำตัวอย่างไปวิเคราะห์ทำให้ทราบว่าเป็นต้นจำปีสายพันธุ์ใหม่ของโลกพบที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น จึงขอพระราชทานนามตั้งชื่อใหม่ว่า "จำปีสิรินธร" ภายในในพิพิธภัณฑ์ได้นำดอกมาดองไว้ในโหลเพื่อให้ผู้เข้าชมได้เห็นใกล้ ๆ นอกจากนี้ยังนำเนื้อไม้ของต้นจำปีที่ล้มแล้วมาให้สัมผัสและศึกษากันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย