คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่พบบ่อย
⭐ คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง
กรณีดังกล่าวสามารถยื่นเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้ เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งครบถ้วนตามกลักเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนภาระงานสอนย้อนหลังให้ระบุตามระยะเวลาปฏิบัติงานจริง
กรณีอาจารย์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท และทำการสอนมาแล้วครบ ๔ ปี เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว สามารถเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้
กรณีดังกล่าวสามารถยื่นเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้ เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งครบถ้วนตามกลักเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนภาระงานสอนย้อนหลังให้ระบุตามระยะเวลาปฏิบัติงานจริง
กรณีดังกล่าวสามารถกระทำได้
การนับระยะเวลาการสอน ให้นับและคำนวณระยะเวลาที่ทำการสอนในระดับอุดมศึกษาตามเอกสารแนบท้ายประกาศ ก.พ.อ. ฯ พ.ศ. 2564 (มติ ก.พ.ว. ในการประชุมครั้งที่ 6/2567)
⭐ ผลการสอน
วิชาที่ใช้ในการประเมินผลการสอน ต้องเป็นวิชาที่ผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการสอน และเป็นวิชาที่ตรงกับสาขาวิชาที่ขอกำหนดตำแหน่งเพราะต้องแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของผู้ขอ
วิชาที่ใช้ในการประเมินผลการสอน หากจะนำหน่วยกิตมานับรวมกันต้องเป็นคนละวิชา และสามารถนำมานับรวมกันได้ในปีการศึกษานั้นๆ
ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เรื่อง หลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการประเมินผลการสอนเพื่อเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ ข้อ 4 ระบุว่า "ผลการประเมินผลการสอนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินสามารถเก็บผลการประเมินไว้ได้ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการมีมติให้ความเห็นชอบผลการประเมิน" (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://drive.google.com/file/d/1adVXzvpac9N6R29GFFqCz3eKfo01NgJg/view)
⭐ แบบการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการ
ให้ระบุ ชื่อ – นามสกุล โดยเรียงตามลำดับ (ผู้ประพันธ์อันดับแรก>ผู้มีส่วนสำคัญทางปัญญา>ผู้ประพันธ์บรรณกิจ) พร้อมทั้งระบุบทบาทหน้าที่ การปฏิบัติงาน และความรับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานของผู้ร่วมงานทุกคนว่าทำส่วนไหนอย่างไร (โดยสามารถดูรายละเอียดของลักษณะการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการได้ที่ https://drive.google.com/file/d/16CZUkChbyC8YmAvg9ub-9dc66IgvWWO9/view) และต้องลงนามโดยผู้ร่วมงานทุกท่าน
กรณีดังกล่าว หากไม่สามารถลงนามในแบบแสดงหลักฐานมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการได้ ก็ไม่สามารถนำผลงานมาเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้ เนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
การมีส่วนสำคัญทางปัญญา (essentially intellectual contributor) ผู้ประพันธ์อันดับแรก (first author) และผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author) ต้องพิจารณาความหมายตามเอกสารแนบท้ายประกาศ ก.พ.อ. หรือเอกสารแนบท้ายระเบียบ กกอ. ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่ปรากฏในบทความวิจัยที่เผยแพร่ด้วย (โดยสามารถดูรายละเอียดของลักษณะการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการได้ที่ https://drive.google.com/file/d/16CZUkChbyC8YmAvg9ub-9dc66IgvWWO9/view)
แบบแสดงหลักฐานการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการ ต้องระบุรายละเอียดบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ ในแต่ละหัวข้อ พร้อมชื่อผู้รับผิดชอบตามความเป็นจริง
ตามแบบฟอร์มของแบบแสดงหลักฐานการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการกำหนดให้ลงนามรับรองโดยผู้ขอกำหนดตำแหน่ง ผู้ประพันธ์อันดับแรก (first author) และผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author) สำหรับกรณีที่ผู้ขอทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ประพันธ์อันดับแรก (first author) และผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author) ควรมีผู้ส่วนร่วมงานท่านอื่นลงนามรับรองด้วย เนื่องจากเจตนารมณ์ในการกำหนดให้แบบแสดงหลักฐานการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการต้องให้ผู้ประพันธ์อันดับแรกและผู้ประพันธ์บรรณกิจลงนามนั้นเพื่อเป็นการรับรองบทบาทหน้าที่ การปฏิบัติงาน และความรับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานของผู้ร่วมงานทุกคนว่าทำในส่วนไหนอย่างไร และข้อมูลที่ผู้ขอระบุนั้นถูกต้องตามความเป็นจริง ดังนั้น หากเป็นผลงานที่ผู้ขอทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ประพันธ์อันดับแรก และผู้ประพันธ์บรรณกิจ จึงต้องมีส่วนร่วมงานลงนามรับรองในแบบแสดงหลักฐานการมีส่วนร่วมตามความเป็นจริงด้วย แต่อย่างไรก็ดีหากจะให้ผู้ร่วมงานทุกคนลงนามเพื่อให้เกิดความโปร่งใสก็สามารถกระทำได้
กรณีบทความวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารทางวิชาการ ไม่ได้ระบุผู้ที่เป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author) ให้ผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการแสดงหลักฐานว่าใครทำหน้าที่เป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author) เพื่อประกอบการพิจารณา เช่น email หนังสือ หรือหลักฐานที่ได้มีการติดต่อประสานงานกับกองบรรณธิการวารสารเพื่อเผยแพร่ผลงาน และให้ผู้นั้นลงนามในฐานะเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author) ในแบบแสดงหลักฐานการมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการ
⭐ ผลงานทางวิชาการ
หากงานวิจัยที่จำเป็นต้องมี IRB แต่ไม่ได้ขอ IRB ไว้ ก็ไม่สามารถนำบทความวิจัยดังกล่าวมาเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้ เนื่องจากต้องขอก่อนที่จะดำเนินการวิจัย
หากงานวิจัยที่จำเป็นต้องมี IRB แต่ไม่ได้ขอ ก็ไม่สามารถนำบทความวิจัยดังกล่าวมาเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้ เนื่องจากต้องขอก่อนที่จะดำเนินการวิจัย
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้เคยเวียนแจ้งเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของสถาบันตามหนังสือ ที่ ศธ ๐๕๐๙ (๒)/ว ๖ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ (สำหรับสถาบันอุดมศึกษาเอกชน) และหนังสือ ที่ ศธ ๐๕๐๙ (๒)/ว ๑๖๗๘ ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ (สำหรับสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ) และเวียนแจ้งแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการวิจัยในมนุษย์ ด้านพฤติกรรมศาสตร์สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ตามหนังสือ ที่ อว ๐๒๐๕.๙/ว ๗๐๑๖ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖ (สำหรับสถาบันอุดมศึกษาศึกษาของเอกชน) และหนังสือ ที่ อว ๐๒๐๕.๙/ว ๗๐๑๗ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๖ (สำหรับสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ) ให้สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ทราบแล้ว
กรณีที่ผลงานทางวิชาการที่ดำเนินการก่อนประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และระเบียบ กกอ. ว่าด้วย มาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งคณาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาเอกชนให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ สามารถนำมาเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้แต่ต้องพิจารณาเรื่องจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และการเผยแพร่ผลงานให้เป็นไปตามหลักเกณ์ที่กำหนด
กรณีงานวิจัยที่ได้เผยแพร่ออนไลน์ โดยปรากฏ volume เลขหน้าและวันที่เผยแพร่อย่างชัดเจน รวมทั้งสามารถสืบค้นได้ สามารถนำมายื่นเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้
หากเสนองานดังกล่าวเป็นงานวิจัยก็ต้องพิจารณาตามคำนิยาม รูปแบบและลักษณะการเผยแพร่ของผลงานทางวิชาการประเภทงานวิจัย
ผู้เสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการต้องเป็นผู้ดำเนินการ
หากวารสารใดไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อและสังกัดของผู้ทรงคุณวุฒิได้แต่มีหนังสือรับรองจากบรรณาธิการวารสารว่า บทความวิจัยเรื่องนั้นๆ มีผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบบทความ (peer reviewer) เป็นบุคคลภายนอกซึ่งไม่ได้สังกัดเดียวกับผู้ขอ ที่มาจากหลากหลายสถาบัน อย่างน้อย ๓ คน พร้อมทั้งระบุจำนวนของผู้ทรงคุณวุฒิให้ชัดเจน ก็้สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้โดยอนุโลม
โดยทั่วไปวารสารจะต้องมี volume และเลขหน้า กรณีที่มีเพียงเลข DOI โดยไม่ปรากฏเลขหน้า จะถือว่าเป็นแค่ paper accepted ทั้งนี้ ต้องพิจารณาจากเอกสารหลักฐานเป็นกรณีไป
หากบทความวิจัยดังกล่าวยังไม่ได้รับการเผยแพร่ใน Journal ก็ไม่ถือว่าเป็นบทความวิจัยที่เผยแพร่ใน Journal
กรณีดังกล่าวไม่สามารถนำผลงานมายื่นเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้เนื่องจากการเผยแพร่โดยนำเสนอเป็นบทความต่อที่ประชุมวิชาการการประชุมวิชาดังกล่าวต้องจัดโดยสมาคมทางวิชาการ หรือสมาคมวิชาชีพเป็นหลัก เช่น สภาวิศวกร สภาการพยาบาล
กรณีดังกล่าวไม่สามารถนำงานวิจัยมายื่นเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้ เนื่องจากการพิจารณาว่างานวิจัยได้รับการเผยแพร่ในวารสารที่ปรากฏชื่ออยู่ในฐาณข้อมูลที่กำหนดหรือไม่นั้น จะพิจารณาจากข้อมูล ณ วันที่งานวิจัยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารนั้นๆ
กรณีดังกล่าวต้องพิจารณาเป็นกรณีไป หากอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่เป็นความเชี่ยวชาญคนละศาสตร์กัน ประกอบกับบทความวิจัยระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามี corresponding author ๒ คน ก็อาจสามารถนำมาใช้ได้
หากผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการยื่นเสนอขอตามหลักเกณฑ์ใดให้ดำเนินการระบุส่วนร่วมตามหลักเกณฑ์นั้น
มหาวิทยาลัยกำหนดผู้เสนอขอนำส่งผลงานทางวิชาการพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานทั้งหมด
⭐ อื่น ๆ
กรณีงานวิจัยที่เผยแพร่อันเป็นผลมาจากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาที่ผู้ขอทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ขอเป็นผู้ริเริ่ม กำกับดูแล และมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์สังเคราะห์ผลการวิจัยนั้น (ตามเอกสารแนบท้ายประก่ศ ก.พ.อ.)
กรณีที่ดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากหลักเกณฑ์กำหนดให้ผู้ขอจะต้องระบุวิชาที่เกี่ยวข้องในหลักสูตรที่ใช้ตำราเล่มที่เสนอขอตำแหน่งด้วย
กรณีดังกล่าวต้องพิจารณาเอกสารที่ใช้ในการประเมินผลการสอนและตำราว่ามีเนื้อหาสาระต่างกันหรือไม่ หากเนื้อหาสาระเหมือนกันก็ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากตำราดังกล่าวได้ใช้ในการขอกำหนดตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ไปแล้ว