ESPReL
Checklist
หมวดที่ 1 การบริหารระบบการจัดการด้านความปลอดภัย
มีนโยบายด้านความปลอดภัย ครอบคลุม ในระดับต่อไปนี้
มีแผนงานด้านความปลอดภัย ครอบคลุม ในระดับต่อไปนี้
มหาวิทยาลัย เอกสารแนบ
ห้องปฏิบัติการ เอกสารแนบ(1) เอกสารแนบ(2)
อื่นๆ
มีโครงสร้างการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในระดับต่อไปนี้
มหาวิทยาลัย เอกสารแนบ
ห้องปฏิบัติการ เอกสารแนบ(1) เอกสารแนบ(2)
อื่นๆ
ห้องปฏิบัติการได้กำหนดผู้รับผิดชอบดูแลด้านความปลอดภัยในเรื่องต่อไปนี้ เอกสารแนบ
การจัดการสารเคมี
การจัดการของเสีย
ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ
การป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย
การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
การจัดการข้อมูลและเอกสาร
อื่นๆ
หมวดที่ 2 ระบบการจัดการสารเคมี
2.1 ระบบการจัดการสารเคมี - การจัดการข้อมูลสารเคมี
1. ระบบบันทึกข้อมูล
1. มีการบันทึกข้อมูลสารเคมีในรูปแบบ
2. โครงสร้างของข้อมูลสารเคมีที่บันทึก ประกอบด้วย เอกสารแนบ
รหัสภาชนะบรรจุ (Bottle ID)
ชื่อสารเคมี (Chemical name)
CAS no.
ประเภทความเป็นอันตราย ระบุระบบประเภทความเป็นอันตรายที่ใช้ : ChemAlert Chemical incompatibility color coding system ของ Department of Microbiology , University of Manitoba
ขนาดบรรจุของขวด
ปริมาณสารเคมีคงเหลือในขวด (chemical volume/weight)
Grade
ราคา (Price)
ที่จัดเก็บสารเคมี (location)
วันที่รับเข้ามา (Received date)
วันที่เปิดใช้ขวด
ผู้ขาย/ผู้จำหน่าย (Supplier)
ผู้ผลิต (Manufacturer)
วันหมดอายุ (expiry date)
2. สารบบสารเคมี (Chemical inventory) เอกสารแนบ
1. มีการบันทึกข้อมูลการนำเข้าสารเคมี
ใช่
2. มีการบันทึกข้อมูลการจ่ายออกสารเคมี
ใช่
3. มีการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ
ใช่ : ความถี่ของการตรวจสอบและปรับฐานข้อมูล ปีละ 2 ครั้ง
4. มีรายงานที่แสดงความเคลื่อนไหวของสารเคมีในห้องปฏิบัติการ
โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยทุกหัวข้อต่อไปนี้ เอกสารแนบ
ชื่อสารเคมี
CAS no.
ประเภทความเป็นอันตรายของสารเคมี
ปริมาณคงเหลือ
สถานที่เก็บ
3. การจัดการสารที่ไม่ใช้แล้ว (Clearance)
1. มีแนวปฏิบัติในการจัดการสารที่ไม่ใช้แล้ว ดังนี้ เอกสารแนบ(1) เอกสารแนบ(2) เอกสารแนบ(3) เอกสารแนบ(4)
สารที่ไม่ต้องการใช้
สารที่หมดอายุตามฉลาก
สารที่หมดอายุตามสภาพ
4. การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ
1. มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารเคมีเพื่อ
การประเมินความเสี่ยง : สารเคมีที่มีความเสี่ยง จะมีการจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกัน
การจัดสรรงบประมาณ : มีการนำข้อมูลสารเคมีที่หมดไปตั้งงบประมาณทุกภาคการศึกษา
2.2 ระบบการจัดการสารเคมี - การจัดเก็บสารเคมี
1. ข้อกำหนดทั่วไปในการจัดเก็บสารเคมี
1. มีการแยกเก็บสารเคมีตามสมบัติการเข้ากันไม่ได้ของสารเคมี (chemical incompatibility)
ใช่ : การแยกเก็บสารละลายกรดและด่าง
2. เก็บสารเคมีของแข็งแยกออกจากของเหลวทั้งในคลังสารเคมีและห้องปฏิบัติการ
ใช่
3. หน้าตู้เก็บสารเคมีในพื้นที่ส่วนกลางมีการระบุ
รายชื่อสารเคมีและเจ้าของ เอกสารแนบ
ชื่อผู้รับผิดชอบดูแลตู้ เอกสารแนบ(1) เอกสารแนบ(2) เอกสารแนบ(3) เอกสารแนบ(4)
สัญลักษณ์ตามความเป็นอันตราย เอกสารแนบ
4. จัดเก็บสารเคมีทุกชนิดอย่างปลอดภัยตามตำแหน่งที่แน่นอน และไม่วางสารเคมีบริเวณทางเดิน
ใช่
5. มีป้ายบอกบริเวณที่เก็บสารเคมีที่เป็นอันตราย
ใช่
6. มีระบบการควบคุมสารเคมีที่ต้องควบคุมเป็นพิเศษ
ไม่เกี่ยวข้อง
7. ไม่ใช้ตู้ดูดควันเป็นที่เก็บสารเคมีหรือของเสีย
ใช่
8. ไม่วางขวดสารเคมีบนโต๊ะและชั้นวางของโต๊ะปฏิบัติการอย่างถาวร
ใช่
2. ข้อกำหนดสำหรับการจัดเก็บสารไวไฟ
1. เก็บสารไวไฟให้ห่างจากแหล่งความร้อน แหล่งกำเนิดไฟ เปลวไฟ ประกายไฟ และแสงแดด
ใช่
2. เก็บสารไวไฟในห้องปฏิบัติการในภาชนะที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร
ใช่
3. เก็บสารไวไฟในห้องปฏิบัติการไม่เกิน 10 แกลลอน (38 ลิตร) ถ้ามีเกิน 10 แกลลอน (38 ลิตร) ต้องจัดเก็บไว้ในตู้สำหรับเก็บสารไวไฟโดยเฉพาะ
ใช่
4. เก็บสารไวไฟสูงในตู้ที่เหมาะสม
ไม่เกี่ยวข้อง (ไม่มีตู้สำหรับเก็บสารไวไฟโดยเฉพาะ)
3. ข้อกำหนดสำหรับการจัดเก็บสารกัดกร่อน
1. เก็บขวดสารกัดกร่อน (ทั้งกรดและเบส) ไว้ในระดับต่ำ
ใช่ : จัดเก็บไว้ชั้นล่างสุด หรือ ระดับต่ำที่สุดของตู้
2. เก็บขวดกรดในตู้เก็บกรดโดยเฉพาะ และมีภาชนะรองรับที่เหมาะสม
ใช่ : จัดเก็บในตู้เก็บกรด และใช้ถาดพลาสติกเป็นภาชนะรองรับ
4. ข้อกำหนดสำหรับการจัดเก็บแก๊ส (ไม่มีการใช้ถังแก๊สในห้องปฏิบัติการ)
เก็บถังแก๊สโดยมีอุปกรณ์ยึดที่แข็งแรง
ถังแก๊สที่ไม่ได้ใช้งานทุกถังต้องมีฝาครอบหัวถังหรือมี guard ป้องกันหัวถัง
มีพื้นที่เก็บถังแก๊สเปล่ากับถังแก๊สที่ยังไม่ได้ใช้งาน และติดป้ายระบุไว้อย่างชัดเจน
ถังแก๊สมีที่วางปลอดภัยห่างจากความร้อน แหล่งกำเนิดไฟ และเส้นทางสัญจรหลัก
เก็บถังแก๊สออกซิเจนห่างจากถังแก๊สเชื้อเพลิง แก๊สไวไฟ และวัสดุไหม้ไฟได้ อย่างน้อย 6 เมตร หรือมีฉาก/ผนังกั้นที่ไม่ติดไฟ
5. ข้อกำหนดสำหรับการจัดเก็บสารออกซิไดซ์ (Oxidizers) และสารก่อให้เกิดเพอร์ออกไซด์
1. เก็บสารออกซิไดซ์และสารที่ก่อให้เกิดเพอร์ออกไซด์ห่างจากความร้อน แสง และแหล่งกำเนิดประกายไฟ
ไม่เกี่ยวข้อง
2. เก็บสารที่มีสมบัติออกซิไดซ์ไว้ในภาชนะแก้วหรือภาชนะที่มีสมบัติเฉื่อย คำอธิบายเพิ่มเติม
ใช่
3. ใช้ฝาปิดที่เหมาะสม สำหรับขวดที่ใช้เก็บสารออกซิไดซ์ คำอธิบายเพิ่มเติม
ใช่
4. ภาชนะบรรจุสารที่ก่อให้เกิดเพอร์ออกไซด์ต้องมีฝาปิดที่แน่นหนา
ใช่
5. มีการตรวจสอบการเกิดเพอร์ออกไซด์อย่างสม่ำเสมอ
ไม่เกี่ยวข้อง
6. ข้อกำหนดสำหรับการจัดเก็บสารที่ไวต่อปฏิกิริยา
1. มีป้ายคำเตือนที่ชัดเจนบริเวณหน้าตู้หรือพื้นที่ที่เก็บสารที่ไวต่อปฏิกิริยา (เช่น ป้าย “สารไวต่อปฏิกิริยา – ห้ามใช้น้ำ”)
ไม่เกี่ยวข้อง
2. เก็บสารไวปฏิกิริยาต่อน้ำออกห่างจากแหล่งน้ำที่อยู่ในห้องปฏิบัติการ
ไม่เกี่ยวข้อง
3. มีการตรวจสอบสภาพการเก็บที่เหมาะสมของสารที่ไวต่อปฏิกิริยาอย่างสม่ำเสมอ
ไม่เกี่ยวข้อง
7. ภาชนะบรรจุภัณฑ์และฉลากสารเคมี
1. เก็บสารเคมีในภาชนะที่เหมาะสมตามประเภทของสารเคมี
ใช่
2. ภาชนะที่บรรจุสารเคมีทุกชนิดต้องมีการติดฉลากที่เหมาะสม
ใช่
3. ตรวจสอบความบกพร่องของภาชนะบรรจุสารเคมีและฉลากอย่างสม่ำเสมอ เอกสารแนบ
ใช่ : ตรวจสอบและบันทึกผลในแบบฟอร์มตรวจสอบความบกพร่องของภาชนะและฉลากบรรจุสารเคมี โดยตรวจสอบทุกภาคการศึกษา/ปีละ 2 ครั้ง
8. เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet, SDS)
1. เก็บ SDS ในรูปแบบ เอกสารแนบ
เอกสาร
อิเล็กทรอนิกส์
2. เก็บ SDS อยู่ในที่ที่ทุกคนในห้องปฏิบัติการเข้าดูได้ทันที เมื่อต้องการใช้ หรือเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน
ใช่ : จัดเก็บในห้องปฏิบัติการ และตู้จัดเก็บสารเคมี
3. SDS มีข้อมูลครบทั้ง 16 ข้อ
ใช่
4. มี SDS ของสารเคมีอันตรายทุกตัวที่อยู่ในห้องปฏิบัติการ คำอธิบายเพิ่มเติม
ใช่ : จำนวนสารเคมีอันตรายที่มีในห้องปฏิบัติการ มี 15 สารเคมี
5. มี SDS ที่ทันสมัย เอกสารแนบ
ใช่ : มีการปรับปรุงปีละ 1 ครั้ง
2.3 ระบบการจัดการสารเคมี - การเคลื่อนย้ายสารเคมี
1. การเคลื่อนย้ายสารเคมีภายในห้องปฏิบัติการ
1. ผู้ที่ทำการเคลื่อนย้ายสารเคมีใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม
ใช่ : อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่ใช้ ถุงมือ
2. ปิดฝาภาชนะที่บรรจุสารเคมีที่จะเคลื่อนย้ายให้สนิท
ใช่ ภาชนะแบบมีฝาปิด
3. ใช้รถเข็นที่มีแนวกั้นเมื่อมีการเคลื่อนย้ายสารเคมีพร้อมกันหลายๆ ขวด
ใช่ : รถเข็น
4. ใช้ตะกร้าหรือภาชนะรองรับในการเคลื่อนย้ายสารเคมี
ใช่ : ตะกร้า , ถังพลาสติก
5. เคลื่อนย้ายสารเคมีที่เป็นของเหลวไวไฟในภาชนะรองรับที่มีวัสดุกันกระแทก
ใช่ : ถังพลาสติก (ใช้ฟองน้ำหรือบับเบิลเป็นวัสดุกันกระแทก)
6. ใช้ถังยางในการเคลื่อนย้ายสารกัดกร่อนที่เป็นกรดและตัวทำละลาย คำอธิบายเพิ่มเติม
ไม่ใช่
7. เคลื่อนย้ายสารที่เข้ากันไม่ได้ในภาชนะรองรับที่แยกกัน
ใช่ : ตะกร้า , ถังพลาสติก
2. การเคลื่อนย้ายสารเคมีภายนอกห้องปฏิบัติการ
1. ใช้ภาชนะรองรับและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายที่มั่นคงปลอดภัย ไม่แตกหักง่าย และมีที่กันขวดสารเคมีล้ม
ใช่ ภาชนะแบบมีฝาปิด (ใช้ฟองน้ำหรือบับเบิลเป็นวัสดุช่วยให้ขวดสารเคมีมั่นคง)
2. ใช้รถเข็นมีแนวกั้นกันขวดสารเคมีล้ม
ใช่ : รถเข็น
3. เคลื่อนย้ายสารที่เข้ากันไม่ได้ ในภาชนะรองรับที่แยกกัน
ใช่ : ตะกร้า , ถังพลาสติก
4. ใช้ลิฟท์ขนของในการเคลื่อนย้ายสารเคมีและวัตถุอันตรายระหว่างชั้น
ไม่เกี่ยวข้อง (ไม่มีลิฟท์เฉพาะในการขนย้ายสารเคมี)
5. ใช้วัสดุดูดซับสารเคมีหรือวัสดุกันกระแทกขณะเคลื่อนย้าย
ใช่ : วัสดุดูดซับที่ใช้ ทรายแมว , กรดซิตริก , โซเดียมไบคาร์บอเนต
หมวดที่ 3 ระบบการจัดการของเสีย
3.1 ระบบการจัดการของเสีย - การจัดการข้อมูลของเสีย
1. ระบบบันทึกข้อมูล
1. มีการบันทึกข้อมูลของเสียในรูปแบบ
2. โครงสร้างของข้อมูลของเสียที่บันทึก ประกอบด้วย เอกสารแนบ
ผู้รับผิดชอบ
รหัสของภาชนะบรรจุ
ประเภทของเสีย
ปริมาณของเสีย
วันที่บันทึกข้อมูล
ห้องที่เก็บของเสีย
อาคารที่เก็บของเสีย (ไม่มีอาคารที่เก็บของเสียโดยเฉพาะ)
2. การรายงานข้อมูล
1. มีการรายงานข้อมูลของเสียที่เกิดขึ้น
ใช่ เอกสารแนบ
2. มีรูปแบบการรายงานที่ชัดเจน เพื่อรายงานความเคลื่อนไหว ข้อมูลในรายงานอย่างน้อยประกอบด้วยทุกหัวข้อต่อไปนี้ 1) ประเภทของเสีย 2) ปริมาณของเสีย
ใช่ เอกสารแนบ
3. มีการรายงานข้อมูลของเสียที่กำจัดทิ้ง
4. มีการปรับข้อมูลเป็นปัจจุบันสม่ำเสมอ
ใช่ : มีการระบุความถี่ในการเก็บข้อมูลไว้ในเอกสาร บันทึกรายงานข้อมูลทุกจบภาคการศึกษา/ปีละ 2 ครั้ง หรือตามเหตุความจำเป็น
3. การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ
1. มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของเสียเพื่อ เอกสารแนบ
การประเมินความเสี่ยง : ประเมินความเสี่ยงจากการนำข้อมูลของของเสียมาวิเคราะห์เพื่อประเมินอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ของเสียเหล่านั้นยังไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากส่วนงาน
การจัดเตรียมงบประมาณในการกำจัด : ประมาณค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากข้อมูลปริมาณของเสียที่ส่งกำจัดในแต่ละครั้ง เพื่อนำมาจัดเตรียมงบประมาณในปีถัดไป
3.2 ระบบการจัดการของเสีย - การเก็บของเสีย
การเก็บของเสีย
มีการแยกของเสียอันตรายออกจากของเสียทั่วไป
ใช่ : ของเสียที่แยก แนฟทาลีนผสมเบนโซอิคเอซิต จะใส่ขวด waste แยกไว้รอกำจัด
2. มีเกณฑ์ในการจำแนกประเภทของเสียที่เหมาะสม
ใช่ เอกสารแนบ
3. แยกของเสียตามเกณฑ์ ที่ระบุในข้อ 2
ใช่
4. ใช้ภาชนะบรรจุของเสียที่เหมาะสมตามประเภท
ใช่ : ภาชนะที่ใช้ ขวดแก้วสีชา
5. ติดฉลากภาชนะบรรจุของเสียทุกชนิดอย่างถูกต้องและเหมาะสม
6. ตรวจสอบความบกพร่องของภาชนะและฉลากของเสียอย่างสม่ำเสมอ
ใช่ : ตรวจสอบทุกภาคการศึกษา โดยภาชนะจะต้อง ไม่มีรอยรั่ว หรือรอยแตกร้าว ฉลากสมบูรณ์ มีข้อมูลครบถ้วน ข้อความบนฉลากมีความชัดเจน ไม่จาง ไม่เลือน
7. บรรจุของเสียในปริมาณไม่เกิน 80% ของความจุของภาชนะ
ใช่
8. มีพื้นที่/บริเวณที่เก็บของเสียที่แน่นอน
ใช่ : บริเวณเก็บของเสีย
9. มีภาชนะรองรับขวดของเสียที่เหมาะสม
ใช่ : ภาชนะที่ใช้ ถาดพลาสติกรองรับ
10. แยกภาชนะรองรับขวดของเสียที่เข้ากันไม่ได้
ใช่
11. วางภาชนะบรรจุของเสียห่างจากบริเวณอุปกรณ์ฉุกเฉิน
ใช่
12. วางภาชนะบรรจุของเสียห่างจากความร้อน แหล่งกำเนิดไฟ และเปลวไฟ
ใช่
13. เก็บของเสียประเภทไวไฟในห้องปฏิบัติการ ไม่เกิน 10 แกลลอน (38 ลิตร) ถ้ามีเกิน 10 แกลลอน (38 ลิตร) ต้องจัดเก็บไว้ในตู้สำหรับเก็บสารไวไฟโดยเฉพาะ
ใช่
14. กำหนดปริมาณรวมสูงสุดของของเสียที่อนุญาตให้เก็บได้ในห้องปฏิบัติการ
ใช่ : ปริมาณสูงสุดของของเสียที่เก็บ ไม่เกิน 20 L
15. กำหนดระยะเวลาเก็บของเสียในห้องปฏิบัติการ
ใช่ : ระยะเวลาเก็บของเสีย ทุกภาคการศึกษา
3.3 ระบบการจัดการของเสีย - การลดการเกิดของเสีย
การลดการเกิดของเสีย
1. มีแนวปฏิบัติหรือมาตรการในการลดการเกิดของเสียในห้องปฏิบัติการ
2. ลดการใช้สารตั้งต้น (Reduce)
ใช่ : การลดการใช้สารตั้งต้น
- ลดปริมาณการใช้ตัวทำละลายโดยการเทตัวทำละลายมาเท่าที่จำเป็นต้องใช้
- ลดขนาด (scale) ของการทดลองโดยใช้สารปริมาณลดลงหรือระดับเจือจางในการทดลอง
- ลดการใช้สารเคมี ด้วยการสาธิตหรือการใช้สื่อการสอนแทนการทดลองจริง
- ให้คำแนะนำที่ถูกต้องในการลดปริมาณของเสีย
- ใช้อะซิโตนล้างเครื่องแก้วควรทำเฉพาะเท่าที่จำเป็น อย่าใช้อะซิโตนแทนน้ำในการล้างเครื่องแก้ว
3. ใช้สารทดแทน (Replace)
ใช่ : การใช้สารทดแทน ใช้ Dichloromethane แทนการใช้ Chloroform
4. ลดการเกิดของเสีย ด้วยการ
Reuse : ใช้ซ้ำโดยการ
- การนำตัวทำละลายที่เหลือใช้มาล้างภาชนะ
- การนำภาชนะบรรจุสารเคมีกลับมาใช้ใหม่ (ล้างขวดให้ละอาดและทำให้แห้ง จากนั้นจึงนำไปใช้เป็นภาชนะบรรจุของเสียอันตรายหรือนำกลับมาใช้ใหม่)
- การนำผงถ่าน ผงอะลูมินา กลับมาใช้ใหม่
- การหลอมโลหะเงินกลับมาใช้ใหม่
Recovery/ Recycle : การ Recover โลหะมีค่า เช่น แพลทินัม เงิน ทอง ฯลฯ
3.4 ระบบการจัดการของเสีย - การบำบัดและกำจัดของเสีย
การบำบัดและกำจัดของเสีย เอกสารแนบ
1. บำบัดของเสียก่อนทิ้ง
ใช่ : วิธีการบำบัดโดยการกรอง และใช้น้ำล้างปริมาณมาก
2. บำบัดของเสียก่อนส่งกำจัด
ไม่ใช่
3. ส่งของเสียไปกำจัดโดยบริษัทที่ได้รับใบอนุญาต เอกสารแนบ
ใช่ : บริษัทรับกำจัดที่คณะส่งของเสียไปกำจัด บริษัทรีไซเคิลเอนจิเนียริ่ง
หมวดที่ 4 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ
4.1 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ - งานสถาปัตยกรรม เอกสารแนบ
งานสถาปัตยกรรม เอกสารแนบ(1) เอกสารแนบ(2) เอกสารแนบ(3) เอกสารแนบ(4)
1. สภาพภายในและภายนอกที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ใช่
2. แยกส่วนที่เป็นพื้นที่ห้องปฏิบัติการ (laboratory space) ออกจากพื้นที่อื่นๆ (non–laboratory space)
ใช่
3. ขนาดพื้นที่และความสูงของห้องปฏิบัติการและพื้นที่เกี่ยวเนื่อง มีความเหมาะสมและเพียงพอกับการใช้งาน จำนวนผู้ปฏิบัติการ ชนิดและปริมาณเครื่องมือและอุปกรณ์ (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ใช่
4. วัสดุที่ใช้เป็นพื้นผิวของพื้น ผนัง เพดาน อยู่ในสภาพที่ดี มีความเหมาะสมต่อการใช้งานและได้รับการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ใช่
5. ช่องเปิด (ประตู–หน้าต่าง) มีขนาดและจำนวนที่เหมาะสม โดยสามารถควบคุมการเข้าออกและเปิดออกได้ง่ายในกรณีฉุกเฉิน
ใช่
6. ประตูมีช่องสำหรับมองจากภายนอก (vision panel)
ใช่
7. มีหน้าต่างที่สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ สามารถปิดล็อคได้และสามารถเปิดออกได้ในกรณีฉุกเฉิน คำอธิบายเพิ่มเติม
ใช่
8. ขนาดทางเดินภายในห้อง (clearance) กว้างไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร สำหรับทางเดินทั่วไป และกว้างไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร สำหรับช่องทางเดินในอาคาร
ใช่
9. บริเวณทางเดินและบริเวณพื้นที่ติดกับโถงทางเข้า–ออก ปราศจากสิ่งกีดขวาง
ใช่
10. บริเวณเส้นทางเดินสู่ทางออก ไม่ผ่านส่วนอันตราย หรือผ่านครุภัณฑ์ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงอันตราย เช่น ตู้เก็บสารเคมี, ตู้ดูดควัน เป็นต้น (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ใช่
11. ทางสัญจรสู่ห้องปฏิบัติการแยกออกจากทางสาธารณะหลักของอาคาร (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่เกี่ยวข้อง
12. มีการแสดงข้อมูลที่ตั้งและสถาปัตยกรรมที่สื่อสารถึงการเคลื่อนที่และลักษณะทางเดิน ได้แก่ ผังพื้น แสดงตำแหน่งและเส้นทางหนีไฟและตำแหน่งที่ตั้งอุปกรณ์ฉุกเฉิน
ใช่
4.2 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ - งานสถาปัตยกรรมภายใน
ครุภัณฑ์/เฟอร์นิเจอร์/เครื่องมือและอุปกรณ์
1. มีการควบคุมการเข้าถึงหรือมีอุปกรณ์ควบคุมการปิด–เปิดครุภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือและอุปกรณ์
ใช่ เอกสารแนบ
2. ครุภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือและอุปกรณ์ที่สูงกว่า 1.20 เมตร มีตัวยึดหรือมีฐานรองรับที่แข็งแรง ส่วนชั้นเก็บของหรือตู้ลอย มีการยึดเข้ากับโครงสร้างหรือผนังอย่างแน่นหนาและมั่นคง
ใช่
3. ครุภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือและอุปกรณ์ ควรมีความเหมาะสมกับขนาดและสัดส่วนร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
4. กำหนดระยะห่างระหว่างโต๊ะปฏิบัติการและตำแหน่งโต๊ะปฏิบัติการอย่างเหมาะสม (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
5. มีอ่างน้ำตั้งอยู่ในห้องปฏิบัติการอย่างน้อย 1 ตำแหน่ง
ใช่ : อ่างน้ำ(1) อ่างน้ำ(2)
6. ครุภัณฑ์ต่างๆ เช่น ตู้ดูดควัน ตู้ลามินาโฟล์ว อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ดีและมีการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
ใช่ เอกสารแนบ
4.3 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ - งานวิศวกรรมโครงสร้าง
งานวิศวกรรมโครงสร้าง เอกสารแนบ
1. ไม่มีการชำรุดเสียหายบริเวณโครงสร้าง ไม่มีรอยแตกร้าวตามเสา – คาน มีสภาพภายนอกและภายในห้องปฏิบัติการที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย (สภาพภายนอก ได้แก่ สภาพบริเวณโดยรอบหรืออาคารข้างเคียง สภาพภายในตัวอาคารที่ติดอยู่กับห้องปฏิบัติการ) (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
2. โครงสร้างอาคารสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกของอาคาร (น้ำหนักของผู้ใช้อาคาร อุปกรณ์และเครื่องมือ) ได้ (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
3. โครงสร้างอาคารมีความสามารถในการกันไฟและทนไฟ รวมถึงรองรับเหตุฉุกเฉินได้ (มีความสามารถในการต้านทานความเสียหายของอาคารเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในช่วงเวลาหนึ่งที่สามารถอพยพคนออกจากอาคารได้) (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
4. มีการตรวจสอบสภาพของโครงสร้างอาคารอยู่เป็นประจำ มีการดูแลและบำรุงรักษาอย่างน้อยปีละครั้ง
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
4.4 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ - งานวิศวกรรมไฟฟ้า
งานวิศวกรรมไฟฟ้า เอกสารแนบ
1. มีปริมาณแสงสว่างพอเพียงมีคุณภาพเหมาะสมกับการทำงาน (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
2. ออกแบบระบบไฟฟ้ากำลังของห้องปฏิบัติการให้มีปริมาณกำลังไฟพอเพียงต่อการใช้งาน (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
3. ใช้อุปกรณ์สายไฟฟ้า เต้ารับ เต้าเสียบ ที่ได้มาตรฐานและมีการติดตั้งแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าในบริเวณที่เหมาะสม (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
4. ต่อสายดิน (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
5. ไม่มีการต่อสายไฟพ่วง
ไม่ใช่
6. มีระบบควบคุมไฟฟ้าของห้องปฏิบัติการแต่ละห้อง
ใช่ : ห้องควบคุมไฟ
7. มีอุปกรณ์ตัดตอนไฟฟ้าขั้นต้น เช่น ฟิวส์ (fuse) เครื่องตัดวงจร (circuit breaker) ที่สามารถใช้งานได้
ใช่ : Breaker(1) Breaker(2)
8. ติดตั้งระบบแสงสว่างฉุกเฉินในปริมาณและบริเวณที่เหมาะสม
ใช่ : ไฟฉุกเฉิน
9. มีระบบไฟฟ้าสำรองด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในกรณีเกิดภาวะฉุกเฉิน (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
10. ตรวจสอบระบบไฟฟ้ากำลังและไฟฟ้าแสงสว่าง และดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
4.5 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ - งานวิศวกรรมสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม
งานวิศวกรรมสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม เอกสารแนบ
1. มีระบบน้ำดี น้ำประปา ที่ใช้งานได้ดี มีการเดินท่อและวางแผนผังการเดินท่อน้ำประปาอย่างเป็นระบบ และไม่รั่วซึม (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ใช่
2. แยกระบบน้ำทิ้งทั่วไปกับระบบน้ำทิ้งปนเปื้อนสารเคมีออกจากกัน และมีระบบบำบัดที่เหมาะสมก่อนออกสู่รางระบายน้ำสาธารณะ (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ) คำอธิบายเพิ่มเติม
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
3. ตรวจสอบระบบสุขาภิบาล และมีการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
4.6 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ - งานวิศวกรรมระบบระบายอากาศและปรับอากาศ
งานวิศวกรรมระบบระบายอากาศและปรับอากาศ เอกสารแนบ
1. มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสมกับการทำงานและสภาพแวดล้อมของห้องปฏิบัติการ (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
2. ติดตั้งระบบปรับอากาศในตำแหน่งและปริมาณที่เหมาะสมกับการทำงานและสภาพแวดล้อมของห้องปฏิบัติการ (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
3. ในกรณีห้องปฏิบัติการไม่มีการติดตั้งระบบปรับอากาศและระบบระบายอากาศ (ระบบธรรมชาติ) ให้ติดตั้งระบบเครื่องกลเพื่อช่วยในการระบายอากาศในบริเวณที่ลักษณะงานก่อให้เกิดสารพิษหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
4. ตรวจสอบระบบระบายอากาศและระบบปรับอากาศ และมีการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
ใช่ : มีการตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
4.7 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ - งานระบบฉุกเฉินและระบบติดต่อสื่อสาร
งานระบบฉุกเฉินและระบบติดต่อสื่อสาร เอกสารแนบ
1. มีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ด้วยมือ (manual fire alarm system)
ไม่ใช่
2. มีอุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้ เช่น อุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้ด้วยอุณหภูมิความร้อน (heat detector) หรืออุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้ด้วยควันไฟ (smoke detector)
ใช่
3. มีทางหนีไฟและป้ายบอกทางหนีไฟตามมาตรฐาน (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ใช่
4. มีเครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนที่
ใช่
5. มีระบบดับเพลิงด้วยน้ำชนิดมีตู้สายฉีดน้ำดับเพลิง
ใช่
6. มีระบบดับเพลิงด้วยน้ำชนิดระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง (ตามกฎหมายควบคุมอาคาร) หรือเทียบเท่า (หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
7. มีระบบติดต่อสื่อสารของห้องปฏิบัติการในกรณีฉุกเฉิน เช่น โทรศัพท์สำนักงาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือระบบอินเตอร์เน็ตและระบบไร้สายอื่นๆ
ใช่
8. ตรวจสอบระบบฉุกเฉินและระบบติดต่อสื่อสาร และมีการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
9. แสดงป้ายข้อมูลที่เป็นตัวอักษร เช่น ชื่อห้องปฏิบัติการ ผู้ดูแลห้องปฏิบัติการ และข้อมูลจำเพาะอื่นๆ ของห้องปฏิบัติการ รวมถึงสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายสากลแสดงถึงอันตราย หรือเครื่องหมายที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด
ใช่
หมวดที่ 5 ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย
5.1 ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย - การบริหารความเสี่ยง
1. การระบุอันตราย (Hazard identification)
1. สำรวจความเป็นอันตรายจากปัจจัยต่อไปนี้ อย่างเป็นรูปธรรม เอกสารแนบ
สารเคมี/วัสดุที่ใช้
เครื่องมือหรืออุปกรณ์
ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ
อื่นๆ
2. การประเมินความเสี่ยง (Risk assessment)
1. มีการประเมินความเสี่ยงในระดับ
2. การประเมินความเสี่ยงครอบคลุมหัวข้อต่อไปนี้
สารเคมีที่ใช้, เก็บ และทิ้ง
ผลกระทบด้านสุขภาพจากการทำงานกับสารเคมี
เส้นทางในการได้รับสัมผัส (exposure route)
พื้นที่ในการทำงาน/กายภาพ
เครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน
สิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงาน
ระบบไฟฟ้าในที่ทำงาน
กิจกรรมที่ทำในห้องปฏิบัติการ
กิจกรรมที่ไม่สามารถทำร่วมกันได้ในห้องปฏิบัติการ
3. การจัดการความเสี่ยง (Risk treatment)
1. การป้องกันความเสี่ยง ในหัวข้อต่อไปนี้
มีพื้นที่เฉพาะ สำหรับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง : มีพื้นที่ทำงานเฉพาะ เช่น ตู้ดูดควัน
มีการขจัดสิ่งปนเปื้อน (decontamination) บริเวณพื้นที่ที่ปฏิบัติงานภายหลังเสร็จปฏิบัติการ : มีอ่างล้างสิ่งปนเปื้อน และ ภายในตู้ดูดควันมีบริเวณที่สามารถล้างสิ่งปนเปื้อนได้
2. การลดความเสี่ยง (Risk reduction) ในหัวข้อต่อไปนี้
เปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติงานเพื่อลดการสัมผัสสาร
ประสานงานกับหน่วยงานขององค์กรที่รับผิดชอบเรื่องการจัดการความเสี่ยง
บังคับใช้ข้อกำหนด และ/หรือแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ เอกสารแนบ
ประเมิน/ตรวจสอบการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เอกสารแนบ
3. มีการสื่อสารความเสี่ยงด้วย
4. การตรวจสุขภาพ ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการจะได้รับการตรวจสุขภาพเมื่อ
ถึงกำหนดการตรวจสุขภาพทั่วไปประจำปี : มีสวัสดิการการตรวจสุขภาพทั่วไปประจำปี
ถึงกำหนดการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงของผู้ปฏิบัติงาน
มีอาการเตือน – เมื่อพบว่า ผู้ทำปฏิบัติการมีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการทำงานกับสารเคมี วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในห้องปฏิบัติการ
เผชิญกับเหตุการณ์สารเคมีหก รั่วไหล ระเบิด หรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องสัมผัสสารอันตราย
4. การรายงานการบริหารความเสี่ยง
1. มีการรายงานความเสี่ยงในระดับต่อไปนี้ เอกสารแนบ
5. การใช้ประโยชน์จากรายงานการบริหารความเสี่ยง
1. มีการใช้ข้อมูลจากรายงานการบริหารความเสี่ยง เพื่อ
การสอน แนะนำ อบรม แก่ผู้ปฏิบัติงาน เอกสารแนบ
การประเมินผล ทบทวน และวางแผนการปรับปรุงการบริหารความเสี่ยง
การจัดสรรงบประมาณในการบริหารความเสี่ยง
5.2 ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย - การเตรียมความพร้อม/ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
การเตรียมความพร้อม/ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
1. มีอุปกรณ์ต่อไปนี้ สำหรับตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน อยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก
ที่ล้างตา
ชุดฝักบัวฉุกเฉิน
เวชภัณฑ์
ชุดอุปกรณ์สำหรับสารเคมีหกรั่วไหล
อุปกรณ์ทำความสะอาด
2. มีแผนป้องกันภาวะฉุกเฉินที่เป็นรูปธรรม
3. ซ้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ที่เหมาะสมกับหน่วยงาน
ไม่ใช่
4. ตรวจสอบพื้นที่และสถานที่เพื่อพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
ไม่ใช่
5. ตรวจสอบเครื่องมือ/อุปกรณ์พร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินต่อไปนี้ อย่างสม่ำเสมอ
ทดสอบที่ล้างตา : ตรวจสอบทุกภาคการศึกษา/ปีละ 2 ครั้ง
ทดสอบฝักบัวฉุกเฉิน : ตรวจสอบทุกภาคการศึกษา/ปีละ 2 ครั้ง
ตรวจสอบและทดแทนเวชภัณฑ์สำหรับตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน : ตรวจสอบทุกภาคการศึกษา/ปีละ 2 ครั้ง
ตรวจสอบชุดอุปกรณ์สำหรับสารเคมีหกรั่วไหล : ตรวจสอบทุกภาคการศึกษา/ปีละ 2 ครั้ง
ตรวจสอบอุปกรณ์ทำความสะอาด : ตรวจสอบทุกภาคการศึกษา/ปีละ 2 ครั้ง
6. มีขั้นตอนการจัดการเบื้องต้นเพื่อตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ที่เป็นรูปธรรมในหัวข้อต่อไปนี้
การแจ้งเหตุภายในหน่วยงาน : การแจ้งเหตุ เป็นไปตามแผนปฏิบัติการบริหารความเสี่ยงของ วิทยาเขตจันทบุรี เอกสารแนบ
การแจ้งเหตุภายนอกหน่วยงาน : การแจ้งเหตุ เป็นไปตามแผนปฏิบัติการบริหารความเสี่ยงของ วิทยาเขตจันทบุรี เอกสารแนบ
การแจ้งเตือน : การแจ้งเหตุ เป็นไปตามแผนคู่มือการเตรียมการป้องกันเหตุฉุกเฉินและการอพยพ ของคณะ เอกสารแนบ
การอพยพคน : การอพยพ เป็นไปตามแผนคู่มือการเตรียมการป้องกันเหตุฉุกเฉินและการอพยพ ของคณะ เอกสารแนบ
5.3 ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย - ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยโดยทั่วไป
1. ความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personal safety)
1. มีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipments, PPE) ที่เหมาะสมกับกิจกรรมในห้องปฏิบัติการ ได้แก่
อุปกรณ์ป้องกันหน้า (face protection)
อุปกรณ์ป้องกันตา (eye protection) แว่นตา
อุปกรณ์ป้องกันมือ (hand protection) : ถุงมือยาง
อุปกรณ์ป้องกันเท้า (foot protection) : ผู้เข้าใช้ห้องปฏิบัติการต้องสวมใส่รองเท้าหุ้มข้อเท่านั้น
อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย (body protection) : ผู้เข้าใช้ห้องปฏิบัติการต้องสวมเสื้อกาวน์
อุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน (hearing protection)
อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจ (respiratory protection) : หน้ากากอนามัย
2. ระเบียบปฏิบัติของแต่ละห้องปฏิบัติการ
1. มีการกำหนดระเบียบ/ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
ใช่ เอกสารแนบ
2. ผู้ปฏิบัติงานปฏิบัติตามระเบียบ/ข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้ ในหัวข้อต่อไปนี้
จัดวางเครื่องมือและอุปกรณ์บนโต๊ะปฏิบัติการเป็นระเบียบและสะอาด
สวมเสื้อคลุมปฏิบัติการที่เหมาะสม
รวบผมให้เรียบร้อยขณะทำปฏิบัติการ
สวมรองเท้าที่ปิดหน้าเท้าและส้นเท้าตลอดเวลาในห้องปฏิบัติกา
มีป้ายแจ้งกิจกรรมที่กำลังทำปฏิบัติการที่เครื่องมือ พร้อมชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ทำปฏิบัติการ
ล้างมือทุกครั้งก่อนออกจากห้องปฏิบัติการ
ไม่เก็บอาหารและเครื่องดื่มในห้องปฏิบัติการ
ไม่รับประทานอาหารและเครื่องดื่มในห้องปฏิบัติการ
ไม่สูบบุหรี่ในห้องปฏิบัติการ
ไม่สวมเสื้อคลุมปฏิบัติการและถุงมือไปยังพื้นที่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทำปฏิบัติการ
ไม่ทำงานตามลำพังในห้องปฏิบัติการ
ไม่พาเด็กและสัตว์เลี้ยงเข้ามาในห้องปฏิบัติการ
ไม่ใช้เครื่องมือผิดประเภท
ไม่ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการ
ไม่วางของรกรุงรังและสิ่งของที่ไม่จำเป็นภายในห้องปฏิบัติการ
3. มีการกำหนดระเบียบ/ข้อปฏิบัติในกรณีที่หน่วยงานอนุญาตให้มีผู้เยี่ยมชม ในข้อต่อไปนี้
หมวดที่ 6 การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
1. การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ เอกสารแนบ
1. มีการให้ความรู้พื้นฐานแก่ผู้บริหารในเรื่องระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย
ใช่
2. มีการให้ความรู้พื้นฐานแก่ผู้บริหารในเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไม่ทราบ/ไม่มีข้อมูล
3. มีการให้ความรู้พื้นฐานแก่หัวหน้าห้องปฏิบัติการในเรื่อง
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย
ระบบการจัดการสารเคมี
ระบบการจัดการของเสีย
สารบบข้อมูลสารเคมีและของเสีย
การประเมินความเสี่ยง
ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการกับความปลอดภัย
การป้องกันและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
SDS
ป้ายสัญลักษณ์ด้านความปลอดภัย ระบุข้อมูลหรือแนบไฟล์ไม่ครบถ้วน
4. มีการให้ความรู้พื้นฐานแก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอในเรื่อง
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย
ระบบการจัดการสารเคมี
ระบบการจัดการของเสีย
สารบบข้อมูลสารเคมีและของเสีย
การประเมินความเสี่ยง
ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการกับความปลอดภัย
การป้องกันและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
SDS
ป้ายสัญลักษณ์ ระบุข้อมูลหรือแนบไฟล์ไม่ครบถ้วน
5. มีการให้ความรู้พื้นฐานแก่พนักงานทำความสะอาดในเรื่อง
การป้องกันและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
ป้ายสัญลักษณ์ด้านความปลอดภัย
หมวดที่ 7 การจัดการข้อมูลและเอกสาร
1. การจัดการข้อมูลและเอกสาร
1. มีการจัดการข้อมูลและเอกสารอย่างเป็นระบบ ดังนี้
ระบบการจัดกลุ่ม : มีการจัดกลุ่มเอกสาร โดยแยกกลุ่มดังนี้ กลุ่มเอกสารข้อมูลความปลอดภัย กลุ่มเอกสารคู่มือการใช้เครื่องมือ เอกสารด้านสารเคมี กลุ่มเอกสารคู่มือการปฏิบัติงาน
ระบบการจัดเก็บ มีการจัดเก็บไฟล์เอกสารไว้ใน folder ในคอมพิวเตอร์และระบบ google drive และปริ้นเป็น hard copy ไว้ในห้องปฏิบัติการ
ระบบการนำเข้า-ออก และติดตาม : มีวิธีการนำเข้า-ออกเอกสารที่เป็นระบบ โดยมีการบันทึกลงในเอกสารว่าเป็นเรื่องใดและมีผู้ใดเป็นผู้ดำเนินการ
ระบบการทบทวนและปรับปรุงให้ทันสมัย (update) : เอกสารแนบ
1. การทบทวนและปรับปรุงข้อมูล โดยผู้ทบทวนคือ รศ.ดร.พิมพ์ทอง ทองนพคุณ และคุณพรพิทักษ์ สุธรรม
2. มีเอกสารและบันทึก ต่อไปนี้ อยู่ในห้องปฏิบัติการ หรือบริเวณที่ผู้ปฏิบัติการทุกคนสามารถเข้าถึงได้
เอกสารนโยบาย แผน และโครงสร้างบริหารด้านความปลอดภัย เอกสารแนบ
ระเบียบและข้อกำหนดความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการ เอกสารแนบ
เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS) เอกสารแนบ
คู่มือการปฏิบัติงาน (SOP) เอกสารแนบ
รายงานอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ เอกสารแนบ
รายงานเชิงวิเคราะห์/ถอดบทเรียน
ข้อมูลของเสียอันตราย และการส่งกำจัด เอกสารแนบ(1) เอการแนบ(2)
ประวัติการศึกษาและคุณวุฒิ
ประวัติการได้รับการอบรมด้านความปลอดภัย เอกสารแนบ
ประวัติเกี่ยวกับสุขภาพ
เอกสารตรวจประเมินด้านความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการ เอกสารแนบ
ข้อมูลการบำรุงรักษาองค์ประกอบทางกายภาพ อุปกรณ์ และเครื่องมือ เอกสารแนบ
เอกสารความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย เอกสารแนบ
คู่มือการใช้เครื่องมือ (เอกสารแนบ)