กุฎิโบราณวัดศรีชุม
: สถาปัตยกรรมทรงคุณค่า รางวัลพระราชทานด้านอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น
กุฎิโบราณวัดศรีชุม
: สถาปัตยกรรมทรงคุณค่า รางวัลพระราชทานด้านอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น
วัดศรีชุมเป็นวัดโบราณสมัยล้านนา เดิมชื่อวัด "ผามวัว" เนื่องจากยังหลงเหลือซากโบราณสถานร้าง กระจัดกระจาย อาทิ บ่อน้ำ ร่องรอยของกำแพงอิฐ เศษกระเบื้องมุงหลังคาของวิหารหลังเดิม ต่อมาได้รับการฟื้นฟูสภาพให้เป็นพระอารามอีกครั้งในปี พ.ศ. 2452 โดยคณะศรัทธาที่อาศัยอยู่ในละแวกบ้านผามวัว ได้อาราธนา "พระครูชยาลังการ์" จากวัดเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน มาเป็นผู้อำนวยการสร้างวัด และวางรากฐานการบริหารปกครอง ตั้งชื่อว่า “วัดผามวัว” ตามชื่อหมู่บ้าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเป็น “บ้านศรีชุม” จึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็น "ศรีชุม" ตามไปด้วย โดยคำนี้ภาษาล้านนามักอ่านแบบเรียงตัวแยกพยางค์ว่า "วัดสะหลีจุม" หมายถึงเป็นวัดที่มีการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์จำนวนมาก
ภายในวัดศรีชุม มีอาคารที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมตั้งอยู่ นั่นคือ อาคารกุฎิวัดศรีชุม สร้างขึ้นในสมัยพระครูชยาลังการ์ เจ้าอาวาสวัดศรีชุมรูปแรก ซึ่งชาวบ้านนิมนต์มาจากวัดเหมืองง่า เมื่อพระครูชยาลังการ์ได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีชุมได้ระยะหนึ่ง ได้คิดที่จะสร้างกุฎิเพื่อใช้เป็นที่พำนักของพระสงฆ์ ท่านจึงได้ปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดลำพูนและจังหวัดเชียงใหม่ และเนื่องด้วยท่านเป็นพระนักพัฒนาและมีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือจำนวนมาก จึงได้สร้างกุฎิขึ้นได้สำเร็จ โดยสร้างในรูปแบบโคโลเนียนผสมล้านนา แต่เมื่อสร้างเสร็จท่านเห็นว่าตัวกุฎิมีขนาดใหญ่เกินไป จึงได้ปรับเปลี่ยนใช้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำหรับพระสงฆ์
ภาพอาคารกุฎิวัดศรีชุม
ภาพโดย ชนัตถธร สาธรรม
อาคารกุฎิแห่งนี้ สร้างในรูปแบบทรงตึกสมัยใหม่ สองชั้น เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบตะวันตก มีระเบียงทางเดินยาวและตกแต่งลวดลายวงโค้ง -"อาร์ค" เรียงรายในลักษณะ "อาเขต" (Arcade) หรือที่นิยมเรียกกันว่า "รูปแบบมิชชันนารี" หรือนีโอโคโลเนียล มีการเปิดพื้นที่ตอนในอาคารเป็นสวนโรมัน หรือ Roman Court ในทุกรายละเอียดจะมีการตกแต่ง ทั้งด้วยเครื่องไม้และปูนหล่อสลับกัน อาทิ ลูกกรงระเบียง บันได ฝ้าเพดาน บานหน้าต่าง ประตู ฯลฯ ทุกองค์ประกอบสถาปัตยกรรม จะให้ความสำคัญกับการเน้นช่องไฟจังหวะ มุมฉาก ความกลมกลึงของการถากไม้ ผสานกับการฉาบปูน ทาสีส้มอมชมพูที่ผนังด้านนอก สอดรับกับลูกกรงปูนหล่อ มีตัวอักษรจารึกไว้ในช่องโค้งเหนือบานหน้าต่าง ด้านนอกอาคารทางทิศตะวันตก เขียนว่า ปีชวด "อัฐศก" จุลศักราช 1298 พร้อมกับการคำนวนตัวเลขเป็น พ.ศ.2479 ให้ทราบด้วย (เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์, 2564)
ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ได้มีการใช้กุฎิหลังนี้เป็นโรงเรียนสอนธรรมะสำหรับฆราวาส โดยสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ต่อมา ดร.ประสิทธิ์ จันทกลาง นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกลาง ได้คิดสร้างจุดเด่นให้แก่ชุมชน จึงร่วมกับ เจ้าอาวาสวัดศรีชุม และ ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์ จากพิพิธภัณฑ์หริภุญไชย พากันลงพื้นที่สำรวจกุฎิโบราณแห่งนี้ และนำเสนอสำนักศิลปากรเชียงใหม่ จนได้รับงบประมาณบูรณปฎิสังขรเมื่อ พ.ศ. 2547 แล้วก็บูรณะแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2552
จากนั้น มีการเสนอชื่ออาคารกุฎิวัดศรีชุมเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น และได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม ประจำปี 2556-2557 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2556 - 2557 จากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา กรุงเทพมหานครฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2558
การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนและภาครัฐ
การส่งเสริมอาคารกุฎิวัดศรีชุมเพื่อการท่องเที่ยวโดยความร่วมมือของชุมชนและภาครัฐ สามารถแบ่งได้ 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การร่วมมือระหว่างวัด เทศบาลในฐานะตัวแทนของชุมชน และภาครัฐ อันประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์หริภุญไชย และสำนักศิลปากร เชียงใหม่ ในการผลักดันให้มีการบูรณปฎิสังขร รวมถึงการผลักดันให้อาคารกุฎิวัดศรีชุมให้มีชื่อเสียง โดยการเสนอชื่ออาคารแห่งนี้ให้ได้รับรางวัล และส่วนที่สอง เทศบางตำบลบ้านกลางได้มีแนวคิดพัฒนาบ้านศรีชุมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โดยมีการเชื่อมโยงกับอาคารกุฎิวัดศรีชุม และผลิตภัณฑ์ผ้ายกดอกลำพูน และผ้าฝ้ายทอมือของคนในชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยว และเคยมีการจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวบ้านศรีชุมอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่การท่องเที่ยวมีการหยุดชะงักไปเนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างไรก็ตามเทศบาลตำบลบ้านกลางมีความพยายามจะฟื้นฟูการพัฒนาบ้านศรีชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกครั้ง
นับว่าอาคารกุฎิวัดศรีชุมเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจหลายประการทีเดียว นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานของสถานที่ รูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา รวมทั้งความร่วมมือร่วมใจของชุมชนและภาครัฐในการดูแลสถานที่แห่งนี้ให้สวยงามคงอยู่คู่ชุมชน และ
อาคารกุฏิวัดศรีชุม
ตั้งอยู่ที่ วัดศรีชุม เลขที่ 96 บ้านผามวัว หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
ข้อมูลเนื้อหา :
จุไรรัตน์ อุตถภาม ประธานแม่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน
ชนสรณ์ บุญจำนงค์, สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2559). กุฏิวัดศรีชุม. ค้นจาก
https://asaconservationaward.com/index.php/2016-06-13-15-22-21/ temple2556/ 253-wat-si-chum-residence
เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์. (2564). การเสนออาคารกุฏิวัดศรีชุม จังหวัดลำพูน. ค้นจาก
https://www.facebook.com/notes/817830955640760/
เทศบาลตำบลบ้านกลาง. (2563). “ของดีบ้านเฮา” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และสถานที่สำคัญ. ค้นจาก
http://www.banklanglp.go.th/main/index.php?modules=baanhau-3&fbclid=IwAR1AqgiCs3CeDl6wp1DnjQvrANn
WgRxHFju2tFkMbgJGNqUjTdVBLr-wTb0
เรียบเรียงข้อมูล/เนื้อหา : นางสาวจุฑาทิพย์ วิจิตร์ ครู กศน.ตำบล/ นางสาวชนัตถธร สาธรรม บรรณารักษ์ปฏิบัติการ
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ : นางสาวจุฑาทิพย์ วิจิตร์ ครู กศน.ตำบล และนางสาวชนัตถธร สาธรรม