1. อาชีพที่ใช้ทักษะการพูดเป็นช่องทางในการประกอบอาชีพ
การพูดเป็นทักษะสำคัญอีกทักษะหนึ่งที่ต้องอาศัยวรรณศิลป์ คือ ศิลปะการใช้ภาษา ที่จะสามารถโน้มน้าวใจ ก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เห็นคล้อยตาม สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้พูด และผู้ฟัง หรือผู้ฟังต่อส่วนรวม หรือโน้มน้าวใจให้ใช้บริการหรือซื้อสิ่งอุปโภคบริโภคในทางธุรกิจได้ การพูดจึงเป็นช่องทางนำไปสู่อาชีพต่าง ๆ ได้ ดังนี้
1.1 อาชีพด้านสื่อสารมวลชนทุกรูปแบบ ทั้งในวงราชการ เอกชน และวงการธุรกิจ ได้แก่
1.1.1 อาชีพนักโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งการโฆษณาสินค้าและบริการ โฆษณา การจัดงานต่าง ๆ ของชุมชน หน่วยงานราชการ โดยใช้รถประชาสัมพันธ์ โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย โดยการพบปะติดต่อ ตอบคำถามต่าง ๆ เป็นขั้นต้น และในขั้นที่สูงขึ้นไป คือ การใช้ทักษะการพูดและเขียนประกอบกันเพื่อคิดหาถ้อยคำในเชิงสร้างสรรค์ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ที่เรียกว่าการโฆษณาสินค้าและบริการ
1.1.2 อาชีพนักจัดรายการวิทยุ เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ต้องใช้ทักษะในการพูด การมีโวหาร และวาจาคารมที่คมคาย ลึกซึ้งกินใจ เพื่อให้ผู้ฟังติดตามรายการอย่างต่อเนื่องด้วยความนิยม มีทั้งนักจัดรายการวิทยุชุมชน วิทยุเอกชน และรายการวิทยุของทางราชการ ตลอดจนการใช้ภาษาพูด เพื่อสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้ฟัง เช่น นักจัดรายการวิทยุของทางราชการ
1.1.3 อาชีพพิธีกร ในปัจจุบันอาชีพพิธีกรเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถทำรายได้ อย่างงามให้แก่ผู้ประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรในชุมชนที่ทำหน้าที่ในงานของราชการและงานของเอกชน เช่น พิธีกรงานประจำปีต่าง ๆ พิธีกรการประกวดนางงามของท้องถิ่น พิธีกรงานประเพณีสำคัญทางศาสนา พิธีกรงานมงคลสมรส พิธีกรงานอุปสมบท พิธีกรงานศพหรืองานพระราชทานเพลิงศพ และพิธีกรงานพิเศษในโอกาสต่าง ๆ ของทางราชการ
2. อาชีพที่ใช้ทักษะการเขียนเป็นช่องทางในการประกอบอาชีพ
การเขียนเป็นทักษะสำคัญอีกทักษะหนึ่งที่เป็นช่องทางในการนำภาษาไทยไปใช้ประโยชน์ ในการประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้ การจะใช้ภาษาเขียนเพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพก็เช่นเดียวกับ การพูด คือ ต้องมีวรรณศิลป์ของภาษา เพื่อให้สิ่งที่เขียนสามารถดึงดูดความสนใจดึงอารมณ์ความรู้สึกร่วมของผู้อ่าน โน้มน้าวใจให้ผู้อ่านเห็นคล้อยตาม และเพื่อสร้างความบันเทิงใจ รวมทั้ง สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อ่าน ตลอดถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของส่วนรวม อาชีพ ที่สามารถนำทักษะการเขียนภาษาไทยไปใช้เพื่อการประกอบอาชีพได้โดยตรง ได้แก่ อาชีพ ดังนี้
2.1 อาชีพด้านสื่อสารมวลชนทุกรูปแบบ ทั้งในวงราชการ เอกชน และวงการธุรกิจ ได้แก่อาชีพ ดังนี้
2.1.1 อาชีพผู้สื่อข่าว ผู้เขียนข่าว เป็นอาชีพที่ต้องใช้ศิลปะการเขียนและการใช้ภาษาที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน
2.1.2 อาชีพผู้พิสูจน์อักษรและบรรณาธิการ เป็นอาชีพที่ต้องมีความรู้ในการเขียน การสะกดคำ การใช้ถ้อยคำสำนวนภาษา สุภาษิต คำพังเพยและหลักภาษาไทยเป็นอย่างดี จัดได้ว่าเป็นอาชีพที่ช่วยธำรงรักษาภาษาไทยได้อาชีพหนึ่ง
2.2 อาชีพด้านการสร้างสรรค์งานศิลปะรูปแบบต่างๆ ทั้งในวงราชการ เอกชน และวงการธุรกิจ ได้แก่ อาชีพ ดังนี้
2.2.1 อาชีพกวี นักเขียน ทั้งการเขียนสารคดี นิยาย เรื่องสั้น การเขียนบทละครเวที บทละครโทรทัศน์ บทภาพยนต์ ผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ นอกจากมีศิลปะการเขียน และการเลือกใช้ถ้อยคำภาษามาใช้เป็นอย่างดีต้องเป็นคนที่อ่านมาก ฟังมาก เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ ในการเขียนสื่อสารสร้างความสนุกสนาน บันเทิงใจ จรรโลงใจแก่ผู้อ่านและควรเป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และจินตนาการเป็นองค์ประกอบ จึงจะทำให้อาชีพที่ประกอบประสบความสำเร็จด้วยดี
นอกเหนือจากอาชีพที่ใช้ภาษาไทยเป็นช่องทางในการประกอบอาชีพโดยตรงแล้ว ยังมี การประกอบอาชีพอื่น ๆ อีก ที่ใช้ภาษาไทยเป็นช่องทางโดยอ้อม เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในอาชีพ ของตนเอง เช่น อาชีพล่าม มัคคุเทศก์ เลขานุการ นักแปล และนักฝึกอบรม ครู อาจารย์ เป็นต้น