ความหมายของเพลงพื้นบ้าน

เพลงพื้นบ้าน คือ บทเพลงที่เกิดจากคนในท้องถิ่นต่าง ๆ คิดรูปแบบการร้อง การเล่นขึ้นเป็นบทเพลงที่มีท่วงทำนอง ภาษาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน มุ่งความสนุกสนานรื่นเริง ใช้เล่นกันในโอกาสต่าง ๆ เช่น สงกรานต์ ตรุษจีน ลอยกระทง ไหว้พระประจำปี หรือแม้กระทั่งในโอกาสที่ได้มาช่วยกันทำงาน ร่วมมือร่วมใจเพื่อทำงานอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น เกี่ยวข้าว นวดข้าว เป็นต้น

ประวัติความเป็นมาของเพลงพื้นบ้าน

เพลงพื้นบ้านในประเทศไทยมีมาแต่โบราณไม่ปรากฏหลัก​ฐานแน่ชัดว่า มีขึ้นในสมัยใด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัยของคนในสังคมจึงมีผู้เรียกว่า เพลงพื้นบ้าน เป็นเพลงนอกศตวรรษ เป็นเพลงนอกทำเนียบบ้าง เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ วรรณคดี และความรู้ทุกแขนงในประเทศไทยไม่ได้อ้างถึงหลักฐานเกี่ยวกับการเล่นเพลงพื้นบ้านมีปรากฏในสมัยอยุธยา ซึ่งที่พบคือ เพลงเรือ เพลงเทพทอง ส่วนในสมัยรัตนโกสินทร์ มีชื่อเพลงพื้นบ้านปรากฏอยู่ในจารึกวัดโพธิ์และในวรรณคดีต่าง ๆ สมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่ปรากฏชื่อคือ เพลงปรบไก่ เพลงเรือ เพลงสักวา แอ่วลาว ไก่ป่า เกี่ยวข้าว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่ามีการเล่นเพลงเรือสักวา เพลงพื้นบ้านของไทยเรานั้นมีมาแต่ช้านานแล้ว ถ่ายทอดกันโดยทางมุขปาฐะ จำต่อ ๆ กันมาหลายชั่วอายุคน เชื่อกันว่ามีกำเนิดก่อนศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเสียอีก ต่อมาค่อยมีชื่อเสียง มีแบบสัมผัสคล้องจองท่วงทำนองไปตามภาษาถิ่นนั้น ๆ ในการขับร้องเพื่อความบันเทิงต่าง ๆ จะมีจังหวะดนตรีท้องถิ่นเข้ามาและมีการร้องรำทำเพลงไปด้วย จึงเกิดเป็นระบำชาวบ้าน เพลงพื้นบ้านใช้ร้องรำในงานบันเทิงต่าง ๆ มีงานลงแขก เกี่ยวข้าว ตรุษสงกรานต์

ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นสมัยที่มีหลักฐานเกี่ยวกับเพลงพื้นบ้านชนิดต่าง ๆ มากที่สุด ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 เป็นยุคทองของเพลงพื้นบ้านที่เป็นเพลงปฏิพากย์ ร้องโต้ตอบกัน เช่น เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงส่งเครื่อง หรือเพลงทรงเครื่อง หลังรัชกาลที่ 5 อิทธิพลวัฒนธรรมตะวันตกทำให้เกิดเพลงไทยสากลขึ้น เพลงพื้นบ้านจึงเริ่มหมดความนิยมลงทีละน้อย ๆ ปัจจุบัน เพลงพื้นบ้านได้รับการฟื้นฟูบ้างจากหน่วยงานที่เห็นคุณค่าแต่ก็เป็นในรูปของการอนุรักษ์ไว้เท่านั้น ปัญหาเนื่องมาจากขาดผู้สนใจสืบทอดเพลงพื้นบ้านจึงเสื่อมสูญไปพร้อม ๆ กับผู้เล่น