การใช้คำ

การสื่อสารด้วยการพูดและเขียนจะมีประสิทธิภาพหรือสื่อสารได้ดีนั้นต้องใช้คำให้ถูกต้องโดยใช้คำที่มีความหมายชัดเจน ใช้คำให้ถูกกับกาลเทศะและบุคคล การใช้เครื่องหมาย การเว้นวรรคตอน การสะกดการันต์ต้องถูกต้อง ซึ่งการใช้คำให้ถูกต้องมีหลักการ ดังนี้

1. ใช้คำให้ถูกต้องเหมาะสมกับประโยคและข้อความ การใช้คำบางคำในประโยคหรือข้อความบางครั้งมักใช้คำผิด เช่น คำว่า มั่วสุมกับหมกมุ่น บางคนจะใช้ว่า “นักเรียนมักมั่วสุมกับตำราเรียนเมื่อใกล้สอบ” ซึ่งไม่ถูกต้องควรใช้คำว่า หมกมุ่น แทนคำว่า มั่วสุม มักจะใช้คำว่า รโหฐาน ในความหมายว่า ใหญ่โต ซึ่งความหมายของคำนี้ หมายถึง ที่ลับ ควรใช้คำว่า มโหฬาร แทน

2. ควรใช้ให้ถูกต้องตามหลักภาษา เช่น มักจะใช้หมายกำหนดการแทนคำ กำหนดการ ในงานปกติทั่วไปซึ่งคำว่า หมายกำหนดการ จะใช้กับงานพระราชพิธี กำหนดการ จะใช้กับงานทั่วไป เป็นต้น

3. ควรแบ่งวรรคตอนของคำไทยให้ถูกต้อง เพราะหากแบ่งวรรคตอนผิดก็จะทำให้ ความหมายผิดไปได้ เช่น คนกิน กล้วย แขกร้อนจนตาเหลือก ควรเขียน กล้วยแขกให้ติดกัน ยานี้กินแล้วแข็ง แรงไม่มี โรคภัยเบียดเบียน ควรเขียน แข็งแรงให้ติดกัน

4. ใช้ลักษณะนามให้ถูกต้อง ลักษณะนามเป็นลักษณะพิเศษของภาษาไทย ควรใช้ให้ถูกต้องโดยเฉพาะลักษณะนามบางคำที่ไม่มีโอกาสใช้บ่อยอาจจะจำไม่ได้ เช่น “ช้าง” ซึ่งลักษณะนามช้าง เป็นเชือก ตัวอย่าง ช้าง 2 เชือก มักจะใช้ผิดเป็นช้าง 2 ตัว หรือช้าง 2 ช้าง เป็นต้น

5. ใช้คำให้ตรงความหมาย คำไทย คำหนึ่งมีความหมายได้หลายอย่าง บางคำมีความหมายโดยตรง บางคำมีความหมายแฝง บางคำมีความหมายโดยนัย และบางคำมีความหมายใกล้เคียงจึงต้องเลือกใช้ให้ตรงความหมาย

5.1 คำที่มีความหมายได้หลายอย่าง เช่น “ขัน” ถ้าเป็นคำนาม หมายถึง ภาชนะใช้ตักน้ำ เช่น ขันใบนี้ดีแท้ “ขัน” ถ้าเป็นคำกริยาก็จะหมายถึง ทำให้ตึง เสียงร้องของไก่และนก เช่น นกเขาขันเพราะจริง ๆ “ขัน” ถ้าเป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง น่าหัวเราะ เช่น เธอดูน่าขันจริง ๆ เป็นต้น

5.2 ความหมายใกล้เคียง การใช้คำชนิดนี้ต้องระมัดระวังให้ดี เช่น มืด มัว ยิ้ม แย้ม เล็ก น้อย ใหญ่ โต ซ่อม แซม ขบ กัด เป็นต้น

ตัวอย่าง มืด หมายถึง ไม่สว่าง มองไม่เห็น เช่น ห้องนี้มืดมาก

มัว หมายถึง คลุ้ม มึน หลง เพลิน

เช่น ลูก ๆ มัวแต่ร้องรำทำเพลง

มืดมัว เช่น วันนี้อากาศมืดมัวจริง ๆ

6. การใช้คำที่มีความหมายแฝงหรือความหมายโดยนัย เราต้องศึกษาที่มาของคำและ ดูสภาพแวดล้อม เราจะทราบความหมายแฝงหรือความหมายโดยนัยของคำนั้น

ตัวอย่าง แม่ หมายถึง หญิงที่ให้กำเนิดแก่ลูกเป็นความหมายหลัก แต่คำต่อไปนี้ไม่มีความหมายหลัก เช่น แม่น้ำ แม่ครัว แม่เหล็ก แม่มด แม่เล้า แม่สื่อ ฯลฯ

เสือ หมายถึง สัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ในป่ากินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร มีนิสัยดุร้าย แต่คำว่า “เสือ” ต่อไปนี้ไม่ได้มีความหมายตามความหมายหลัก เช่น เสือผู้หญิง เสือกระดาษ เป็นต้น

7. ใช้คำที่มีตัวสะกดการันต์ ให้ถูกต้องในการเขียนเพราะคำที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนสะกดการันต์ต่างกันย่อมมีความหมายต่างกัน เช่น สัน สันต์ สรร สรรค์ สันทน์ ทั้งห้าคำนี้เขียนต่างกัน ออกเสียงเหมือนกันแต่ความหมายไม่เหมือนกัน คำว่า สันต์ หมายถึง สงบ สรร หมายถึง เลือกสรร สรรค์ หมายถึง สร้าง เป็นต้น จึงต้องระมัดระวังในการเขียนคำให้ถูกต้องตามสะกดการันต์และตรงความหมายของคำนั้น ๆ

การเขียนคำ การเลือกใช้คำ ยังมีข้อควรระวังอีกหลายลักษณะ ขอให้ผู้เรียนศึกษาและสังเกต ให้ดี เพื่อจะได้ใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ