ความสำคัญของการพูด
การพูดเป็นการสื่อสารที่ทำให้ผู้ฟังได้รับทราบเนื้อหารายละเอียดของสารได้โดยตรงหากเป็นการสื่อสารในลักษณะการสนทนาโดยตรงก็ย่อมทำให้เห็นอากัปกิริยาต่อกันเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจมากยิ่งขึ้น การพูดมีหลายลักษณะ ได้แก่ การพูดอภิปราย พูดแนะนำตนเอง พูดกล่าวต้อนรับ พูดกล่าวขอบคุณ พูดโน้มน้าวใจ เป็นต้น จะมีรูปแบบนำเสนอในหลายลักษณะ เช่น การนำเสนอ เพื่อตั้งข้อสังเกต การแสดงความคิดเห็นเพื่อตั้งข้อเท็จจริง การโต้แย้ง และการประเมินค่า เป็นต้น
การพูดมีความสำคัญ ดังนี้
1. การพูดทำให้เกิดความเข้าใจในประเด็นของการสื่อสารต่าง ๆ ทั้งการสื่อสารเพื่อให้ความรู้ทางวิชาการ การสนทนาในชีวิตประจำวัน หรือการพูดในรูปแบบต่าง ๆ ย่อมทำให้ผู้ฟังเข้าใจประเด็น เกิดความคิดสร้างสรรค์นำไปสู่การปฏิบัติได้ถูกต้อง
2. การพูดสามารถโน้มน้าวจิตใจของผู้ฟังให้คล้อยตามเพื่อเปลี่ยนความเชื่อ หรือทัศนคติต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ อย่างมีหลักเกณฑ์มีความถูกต้อง ซึ่งผู้ฟังต้องใช้วิจารณญาณ ในการพิจารณาเรื่องราวที่ผู้พูดเสนอสารในลักษณะต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล
3. การพูดทำให้เกิดความเพลิดเพลิน โดยเฉพาะการพูดที่มุ่งเน้นเรื่องการบันเทิงก่อให้เกิดความสนุกสนาน ทำให้ผู้ฟังได้รับความรู้ด้วยเช่นกัน
4. การพูดมีประโยชน์ที่ช่วยดำรงสังคม ใช้ภาษาพูดจาทักทาย เป็นการสร้างมนุษยสัมพันธ์แก่บุคคลในสังคม การพูดยังเป็นการสื่อสารเพื่อเผยแพร่ความรู้ความคิดให้ผู้ฟังปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสุขสงบในสังคม
การพูดในโอกาสต่าง ๆ
1. การพูดแนะนำตนเอง การพูดแนะนำตนเอง เป็นการพูดที่แทรกอยู่กับการพูดในลักษณะต่าง ๆ เป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่จะทำให้ผู้ฟังมีความรู้เกี่ยวกับผู้พูด การแนะนำตนเองจะให้รายละเอียดแตกต่างกันไปตามลักษณะของการพูด
1.1 การพูดแนะนำตนเองในกลุ่มของผู้เรียน ควรระบุรายละเอียด ชื่อ - นามสกุล การศึกษา สถานศึกษา ที่อยู่ปัจจุบัน ภูมิลำเนาเดิม ความถนัด งานอดิเรก
1.2 การพูดแนะนำตนเองเพื่อเข้าปฏิบัติงาน ควรระบุ ชื่อ - นามสกุล รายละเอียดเกี่ยวกับการศึกษาตำแหน่งหน้าที่ที่จะเข้ามาปฏิบัติงาน ระยะเวลาที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่
1.3 การแนะนำบุคคลอื่นในสังคมหรือที่ประชุม ควรให้รายละเอียด ชื่อ – นามสกุล ผู้ที่เราแนะนำความสามารถของผู้ที่เราแนะนำ การแนะนำบุคคลให้ผู้อื่นรู้จักต้องใช้คำ
พูด เพื่อสร้างไมตรีที่ดีระหว่างบุคคลทั้งสองฝ่าย
2. การกล่าวต้อนรับ การกล่าวต้อนรับเป็นการกล่าวเพื่อบอกความรู้สึกที่มีต่อผู้ที่มาโดย
2.1 กล่าวถึงความยินดีของการเป็นเจ้าของสถานที่
2.2กล่าวยกย่องผู้มาเยือน เช่น เป็นใคร มีผลงานดีเด่นอะไร มีความสัมพันธ์อย่างไรกับ ผู้ต้อนรับ
2.3 แสดงความยินดีที่ให้การต้อนรับ
2.4 ขออภัยหากมีสิ่งใดบกพร่อง และหวังว่าจะกลับมาเยี่ยมอีก
3. การกล่าวอวยพร โอกาสที่กล่าวอวยพรมีหลายโอกาส เช่น การกล่าวอวยพรวันเกิด วันปีใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ การอวยพรคู่บ่าวสาว หรือในโอกาสที่จะมีการโยกย้ายอำลาไปรับตำแหน่งใหม่ ฯลฯ
หลักการกล่าวอวยพร มีข้อปฏิบัติที่ควรจำ ดังนี้
3.1ควรกล่าวถึงโอกาสและวันสำคัญนั้น ๆ ที่ได้มาอวยพรว่าเป็นวันสำคัญอย่างไร ในโอกาสดีอย่างไร มีความหมายต่อเจ้าภาพหรือการจัดงานนั้นอย่างไร
3.2 ควรใช้คำพูดที่สุภาพ ไพเราะ ถูกต้อง เหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง
3.3 ควรกล่าวให้สั้น ๆ ใช้คำพูดง่ายๆ ฟังเข้าใจดี กะทัดรัด กระชับความ น่าประทับใจ
3.4 ควรกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้อวยพรกับเจ้าภาพ กล่าวให้เกียรติ ชมเชยในความดีของเจ้าภาพ และแสดงความปรารถนาดีที่มีต่อเจ้าภาพ
3.5 ควรใช้คำพูดอวยพรให้ถูกต้อง หากเป็นการอวยพรผู้ใหญ่ นิยมอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือมาประทานพร
4. การกล่าวขอบคุณ
การกล่าวขอบคุณเป็นการแสดงน้ำใจไมตรี หรือความดีที่ผู้อื่นกระทำให้ เช่น ขอบคุณวิทยากรที่บรรยาย ดังนี้
1. ควรกล่าวขอบคุณวิทยากรให้เกียรติบรรยาย
2. มีการสรุปเรื่องที่วิทยากรบรรยายจบไปอย่างสั้น ๆ ได้ใจความ
3. ควรกล่าวถึงคุณค่าของเรื่องที่ฟังและประโยชน์ที่ได้รับจากการบรรยาย
4. กล่าวให้มีความหวังจะได้รับเกียรติจากวิทยากรอีกในโอกาสต่อไป
5. กล่าวขอบคุณวิทยากรอีกครั้งในตอนท้าย
6. การพูดให้โอวาท
การพูดให้โอวาท จะมีลักษณะ ดังนี้
1. กล่าวถึงความสำคัญ และโอกาสที่มากล่าวให้โอวาทว่ามีความสำคัญอย่างไร
2. พูดให้ตรงประเด็น เลือกประเด็นสำคัญ ๆ ที่มีความหมายแก่ผู้รับโอวาท
3. ควรมีข้อแนะนำ ตักเตือน และเสนอแนะประสบการณ์ที่มีประโยชน์
4. ควรพูดชี้แจงและเกลี้ยกล่อมให้ผู้ฟังตระหนักและนำโอวาทไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
5. กล่าวสั้น ๆ ได้ใจความดี ตอนท้ายของการให้โอวาทก็ควรกล่าวอวยพรที่ประทับใจ
การพูดแสดงความคิดเห็น
การพูดเพื่อแสดงความรู้และความคิดเห็น ได้แก่ การพูดอภิปราย การรายงาน การสื่อข่าว และการสนทนาความรู้ เป็นต้น ซึ่งการพูดต่าง ๆ เหล่านี้มีแนวทาง ดังนี้
1. ศึกษารายละเอียดเนื้อหา โดยคำนึงถึงเนื้อหาตามจุดประสงค์ที่จะพูด เพื่อให้รายละเอียด ที่ถูกต้องตรงประเด็นตามที่ต้องการเสนอความรู้
2. วิเคราะห์เรื่องราวอย่างมีหลักเกณฑ์ โดยพิจารณาแยกแยะออกเป็นส่วน ๆ เพื่อทำความเข้าใจแต่ละส่วนให้แจ่มแจ้ง และต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันของแต่ละส่วน
3. ประเมินค่าเรื่องที่จะพูด
4. ใช้ภาษาอย่างเหมาะสม มีการเรียงลำดับใจความที่ดี แบ่งเนื้อหาเป็นเรื่องเป็นตอน ใช้ตัวอย่างประกอบการพูด มีการเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้ฟังเห็นภาพพจน์ได้อย่างชัดเจน มีการย้ำความเพื่อเน้นสาระสำคัญรวมทั้งยกโวหารคำคมมาประกอบเพื่อสร้างความเข้าใจและเกิดความประทับใจยิ่งขึ้น