สำนักสงฆ์เขาเฒ่า
สำนักสงฆ์เขาเฒ่า สู่เรื่องราวที่จางหาย
บนทางผ่านเส้นทางพังงาทับปุด อีกสถานที่ที่เป็นเหมือนเมืองลับแลที่ไม่มีใครเข้าถึง ที่นี่สำนักสงค์บ้านเขาเฒ่า อดีดลำพึงหากับเวลาเก่าก่อนที่เคยวิ่งเล่นในวัยเยาว์ กับเรื่องราวของพระพุทธประวัติดินปั้นใต้เพิงผาที่ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย การเดินทางที่แสนสะดวกด้วยติดถนนใหญ่และห่างออกมาจากตัวเมืองพังงาเพียง8กิโลเมตรเท่านั้นจุดสังเกตุที่เด่นชัดคือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งอยู่ฟากตรงกันข้ามกับสำนักงานเทศบาลตำบลบางเตยนั่นเอง และที่นี่เป็นที่ตั้งของศาลพ่อตาเขาเฒ่าอันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของคนเขาเฒ่าซึ่งมีประวัติเชื่อมโยงกับเขานางหงส์ อ่านได้จาก บนทางผ่าน ตำนาน เรื่องเล่า เขาเฒ่าเขานางหงส์
เมื่อมาถึงก็ไปต่อกันเลยครับ แต่ก่อนอื่นก็เเวะขอพรจากพ่อตาเขาเฒ่าสักหน่อยเพื่อเป็นสิริมงคล
ถ้าหันหน้าเข้าหาศาลพ่อตาเขาเฒ่าก็ให้มุ่งหน้าต่อไปทางขวามือเพื่อเข้าสู่พื้นที่ถ้ำน้ำ อ้าวต้องลุยน้ำสิ ไม่แล้วๆ เหตุผลที่เรียกถ้ำน้ำ ในอดีตเป็นถ้ำที่มีน้ำท่วมขังตลอดจริงๆ หลวงปู่ฤกษ์ ดิสโร ซึ่งท่านเป็นผู้สร้างรูปปั้นพระพุทธประวัติในถ้ำน้ำ เมื่อกว่า50-60ปีที่แล้ว ใด้ทำการอุดตาน้ำทั้งหมดแล้วใช้ดินมาปูทับพื้น ไปดูกันเลยดีกว่าครับ กับภาพแรกที่เห็นก็เล่นเอาใจเสีย จากการคาดหวังจะใด้เห็นหินงอกหินย้อยที่งดงาม แต่จากสิ่งที่เห็นร่องรอยที่ถูกตัด น่าเสียดายที่เลือกใช้ทรัพย์ยากรณ์อย่างไม่เข้าใจคุณค่า ขอยืนไว้อาลัยเป็บ แต่ก็ยังมีสิ่งดีๆที่รออยู่ข้างหน้า เจอละเป็นรูปปั้นแบบ 3D ที่มีอายุมากกว่า50ปี ด้วยวัสถุดิบที่เป็นดินผสมกับกากใยจากต้นชกแล้วขึ้นโครงจากไม่ไผ่ แต่สภาพที่ทนแดดทนฝนมานานปีโดยขาดการบูรณะดูแลที่ถูกต้อง ก็มีให้อย่างที่เห็น ซึ่งบางรูปก็คงความสมบูรณ์ใว้พอสมควรแต่ก็มีบางรูปที่ ฉาบทับด้วยปูนในภายหลัง อาจด้วยความหวังดีแต่ไม่เข้าใจเนื้องานที่ควรคงคุณสมบัติดั้งเดิมเอาใว้ ในส่วนถ้ำน้ำยังคงมีน้ำให้เห็นในช่วงหน้าฝน หินงอกหินย้อยก็ยังคงมี่ให้ดูตามที่เหลือมีรูปทรงที่สวยงามแตกต่างกันไป
เขานางหงส์
ตำนาน "เจ้าแม่เขานางหงส์"
กาลครั้งหนึ่ง มีชายสองคนชื่อนายเต่าและนายเฒ่า ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักใคร่ชอบคอกัน แต่มีอายุต่างกัน นายเต่ามีลูกสาวชื่อ "นางหงส์" นายเฒ่าเป็นคนรูปหล่อและนิสัยดีไม่ได้แก่เฒ่าตามชื่อ นายเต่าเห็นว่าเป็นคนมีหลักฐานมั่นคง จึงตัดสินใจยกลูกสาวให้
พอถึงวันฤกษ์ดี นายเฒ่าก็ยกขบวนขันหมากมาสู่ขอ ทางบ้านนายเต่าก็เตรียมจัดทำสำรับกับข้าอาหารคาวหวานเพื่อเลี้ยงแขกที่จะมาในงาน เมื่อนางหงส์ได้ยินข่าวว่านายเฒ่าจะมาสู่ขอ นางก็คิดว่านายเฒ่าเป็นคนแก่เฒ่าไม่เจียมตัว นางทั้งโกรธ ทั้งอาย และเสียใจ ร้องด่านายเฒ่าต่างๆนานา ประกาศว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับนายเฒ่าเด็ดขาด นายเฒ่าโกรธจัดจึงเหวี่ยงขันหมากทิ้ง จึงกลายเป็น เขาขันหมาก นายเต่าโกรธลูกสาว จึงเตะกะทะคร่ำ จึงกลายเป็น เขากะทะคว่ำ ในปัจจุบัน
หลายวันต่อมา นางหงส์ได้ไปเที่ยวในงานแห่งหนึ่ง นางแอบเห็นนายเฒ่าเข้าจึงตกตะลึงเพราะนายเฒ่ายังเป็นหนุ่ม รูปหล่อไม่แก่เหมือนชื่อ นางเสียใจจึงกลับบ้านมาจัดข้าวตอกดอกไม้ เดินทางไปขอขมาต่อนายเฒ่า และขอคืนดีบอกว่าจะยอมแต่งงานด้วย ฝ่ายนายเฒ่ายังไม่หายโกรธ พอเห็นนางหงส์มาขอขมา จึงตวาดและปาข้าวตอกดอกไม้ทิ้งต่อหน้านางหงส์ นางหงส์รู้สึกอับอายอย่างมาก จึงวิ่งกลับบ้านวิ่งไปพรางร้องให้ไปพราง จนเหนื่อยแค้นแสนแค้น นางกระเสือกกระสนล้มตายอยู่กลางป่านอนตะแคงกลายเป็น "เขานางหงส์" ซึ่งปัจจุบันเป็นเทือกเขาสูงชันและสลับซับซ้อนกั้นระหว่าง อำเภอเมืองพังงา กับ อำเภอทัปปุดจนตราบเท่าทุกวันนี้