คณะผู้สร้างสรรค์ได้เล็งเห็นความสำคัญของผลิตภัณฑ์จักสานจากกระจูดของชาวบ้านชุมชนตำบลทะเลน้อยอย่างเช่น “สาด” และ ความสวยงามของลวดลาย จากเดิมสู่การประยุกต์จนเกิดลวดลายใหม่ ๆ ทำให้เกิดความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สร้างสรรค์ได้คิดผลงานการสร้างสรรค์ ชุด สาดสาดขึ้นมา เพื่อบอกเล่าการพัฒนาลวดลายการสานสาด จากลายโบราณสู่การประยุกต์ขึ้นเป็นลวดลายใหม่ ๆ ซึ่งหนึ่งในลายประยุกต์คณะผู้สร้างสรรค์ได้มีส่วนร่วมในการคิดลายขึ้นมาใหม่นั้นคือ “ลายบัวเลน้อย” เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความเป็นเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมความเป็นท้องถิ่นสู่ผลิตภัณฑ์ซอฟต์พาวเวอร์ ให้เป็นที่รู้จักผ่านการแสดงสร้างสรรค์ ชุด “สานสาด”
คณะผู้สร้างสรรค์มีความสนใจเกี่ยวกับพิธีกรรมรับเจ้าเข้าเมืองที่มีลักษณะเฉพาะของหมู่บ้านวัดพระพุทธตำลบพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสโดยลักษณะเฉพาะที่กล่าวมานั้นมีความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ คือ พิธีกรรมรับเจ้าเข้าเมืองของหมู่บ้านวัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสจะใช้ต้นคทาในการประกอบพิธีกรรมดังกล่าว คณะผู้สร้างสรรค์จึงได้ศึกษาประวิติความเป็นมา ความเชื่อขั้นต้น และองค์ประกอบของพิธีกรรมรับเจ้าเข้าเมืองของหมู่บ้านวัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส นำมาสร้างสรรค์ออกแบบการแสดง ออกแบบดนตรี ออกแบบทำนองและเนื้อร้องออกแบบเครื่องแต่งกาย ออกแบบท่ารำและอุปกรณ์ประการแสดงเป็นผลงานการแสดง ชุดรับเจ้าเข้าเมือง
กัลปังหา สัตว์ทะเลคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองสัตว์ป่าสงวน พุทธศักราช 2542 มีความสำคัญและประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์ทะเลขนาดเล็ก หลายชนิด มีลักษณะพิเศษกล่าวคือ เมื่ออยู่ในน้้าจะมีลักษณะอ่อนนุ่มแต่เมื่อตายแล้วอยู่บนบก จะมีลักษณะแข็ง จัดเป็นของที่มีพลังในตัว แก้คุณไสยมนต์ด้า ขับไล่สิ่งชั่วร้าย กันภูตผีปีศาจ แบ่งออกเป็น 4 สี แบ่งตามความเชื่อ ได้แก่ สีแดง สีดำ สีขาว และสีทอง ชาวประมงจึงนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังที่เก็บไว้เพอื่เสริมบารมีก่อนออกทะเลนิยมท้าในรูปแบบ ของเครื่องประดับ ปลอกมีด และไม้เท้า ที่เห็นได้มากเป็นส่วนใหญ่จึงได้มีการนิยมน้ากัลปังหา หรือย้ายกัลปังหาจากแหล่งที่อยู่เดิม ถือเป็นการกระท้าที่ไม่สมควรเพราะเป็นการทพลายที่อยู่อาศัย ของสัตว์ทะเลขนาดเล็ก ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ท้าให้สัตว์น้้าขนาดเล็กไม่มีที่หลบสัตว์นักล่า จึงไม่สามารถเจริญเติบโตและอาจสูญพันธุ์ได้ การแสดงแบ่งเป็น 3 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 กัลปังหาเจ้าวารี กล่าวถึงความสวยงามของกัลปังหา ที่เปรียบเสมือนดอกไม้แห่ง ท้องทะเลอันมีความพลิ้วไหวและสีสันที่แตกต่างกัน โดยสื่อให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของใต้ท้องทะเล ทั้งฝั่งอันดามัน
ช่วงที่ 2 ล้ำฤทธีมีศักดา เรื่องราวของความเชื่อเกี่ยวกับพุทธคุณของกัลปังหาแต่ละสีที่เกี่ยวข้อง กับวิถีชีวิตของชาวบ้านแถบทะเลในทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามัน
ช่วงที่ 3 อารักษ์ขารักษาพรรณ ความสํานึกรัก ศรัทธา เชิดชูกัลปังหาที่มีค่าซึ่งเปรียบเสมือน ดอกไม้งามที่ประดับท้องทะเลอันดามันและอ่าวไทยผู้คนสองฝั่งทะเลที่มีความสุข สนุกสนาน และควร ค่าแก่การอนุรักษ์สืบต่อไป
ประเพณีบุญบั้งไฟที่มีเพียงแห่งเดียวในภาคใต้ สู่ การสร้างสรรค์การแสดง ชุด สุคิริน ที่นำเสนอเรื่องราวการดำรงชีวิตของชาวอีสานที่อพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ซึ่งชาวอีสานยังคงรักษาอัตลักษณ์ ตลอดจนความเชื่อ และวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของตนไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะประเพณีบุญบั้งไฟที่จัดขึ้นตามความเชื่อเรื่องการบูชาพระยาแถนเพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล และเป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวอีสานที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้การจัดประเพณีบุญบั้งไฟในอำเภอสุคิริน มีการรับเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้เข้ามาผสมผสาน อาทิเช่นการทำบั้งไฟเอ้ ที่นำเอารูปแบบการตกแต่งเรือพระมาใช้ตกแต่งลวดลายบั้งไฟ สะท้อนถึงการยอมรับวัฒนธรรมต่างถิ่น และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้ความแตกต่างหลากหลาย คณะผู้สร้างสรรค์จึงมีแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานให้มีลักษณะเป็นนาฏศิลป์พื้นบ้านร่วมสมัย โดยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์ บริบททางวัฒนธรรม และประเพณีบุญบั้งไฟในพื้นที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส