ประวัติโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

ข้อมูลพื้นฐาน โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

รหัสโรงเรียน 10 หลัก : 1014310399 รหัส Smis 8 หลัก : 14012001 รหัส Obec 6 หลัก : 310399

ชื่อสถานศึกษา(ไทย) : อยุธยาวิทยาลัย ชื่อสถานศึกษา(อังกฤษ) : AYUTTHAYA WITTAYALAI

ที่อยู่ : 53 หมู่ที่ 2 ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รหัสไปรษณีย์ 13000

โทรศัพท์ : 035243399 โทรสาร : 035323892

ระดับที่เปิดสอน : มัธยมศึกษาตอนต้น-มัธยมศึกษาตอนปลาย วัน-เดือน-ปี ก่อตั้ง : 2487

อีเมล์ : mail@ www.ayw.ac.th เว็บไซต์ : www.ayw.ac.th/web

ว่าที่ร้อยตรี ดร.กฤดิ์ทรัพย์ เชื้อพันธ์

ผู้อำนวยการโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

นายอนันต์ มีพจนา

รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ

นางวริทธิ์ธร ภาคสุชล

รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหาร
งบประมาณ

นางสาวนิรชา อุ่นทรัพย์

รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียน

ตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่า

ในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศพระบรมราชโองการจัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นตามมณฑลต่าง ๆ โดยทั่วกัน ยึดแบบอย่างของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยโรงเรียนหลวงแห่งแรกของประเทศไทย (จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2425) ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลในพระองค์ที่มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นนี้เพราะพระองค์มีพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขา โดยมีความตอนหนึ่งว่า เจ้านายราชตระกูล ตั้งแต่ลูกฉันเป็นต้นไป จนถึงราษฎรที่ต่ำที่สุด จะได้มีโอกาสเล่าเรียนได้เสมอกัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่ เพราะฉะนั้นจึงขอบอกได้ว่าการเล่าเรียนในบ้านเมืองนี้ จะเป็นข้อสำคัญที่หนึ่ง ซึ่งฉันอุตส่าห์จัดให้เจริญขึ้นให้จงได้ (พระบรมราชโองการฯ จัดตั้งโรงเรียนหลวงตามมณฑล ประกาศเมื่อปี พ.ศ. 2441) ซึ่งในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้จัดการปฏิรูปการปกครองทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยการปกครองส่วนภูมิภาคนั้น โปรดให้จัดการปกครองแบบเทศาภิบาลขึ้น โดยให้รวมเมืองที่อยู่ใกล้เคียงกัน 3-4 เมือง ขึ้นเป็นมณฑล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครอง โดยในปี พ.ศ. 2438 โปรดให้จัดตั้งมณฑลกรุงเก่าขึ้น ประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ คือ กรุงเก่าหรืออยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี พรหมบุรี อินทร์บุรี และสิงห์บุรี โดยมี พระยาโบราณบุรานุรักษ์ เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลประจำมณฑล และได้สนองพระบรมราชโองการของพระองค์ท่านจัดตั้งโรงเรียนประจำมณฑลขึ้นใน ร.ศ. 123 หรือปี พ.ศ. 2448 โดยในระยะแรกใช้กุฏิพระ และศาลาวัดและบริเวณใกล้เคียงกับวัดเสนาสนาราม หลังพระราชวังจันทรเกษม เป็นสถานที่ทำการเรียนการสอน โดยเรียกชื่อว่า “โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่า”

ครั้นถึงปี พ.ศ. 2450 กระทรวงธรรมการเห็นว่าประชาชนนิยมส่งบุตรหลานมาศึกษาเล่าเรียนเป็นจำนวนมากจนทำให้สถานที่เดิมคับแคบ จึงได้จัดสร้างอาคารเรียนแบบประยุกต์ครึ่งตึกครึ่งไม้ ลักษณะถาวร 2 ชั้นแบบ 6 ห้องเรียนและห้องประชุมอีก 1 ห้อง ประชาชนในมณฑลกรุงเก่าขณะนั้นเรียกชื่อโรงเรียนกันว่า “โรงเรียนหลังวัง” (ซึ่งตึกที่กระทรวงธรรมการได้สร้างนั้นต่อมาโรงเรียนอยุธยานุสรณ์ขอใช้ตึกนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียน เพราะโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยย้ายมาอยู่ในสถานที่ปัจจุบัน)

เนื่องจากมณฑลกรุงเก่า ได้รับการยกย่องให้เป็นหัวเมืองเอกอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นโรงเรียนจึงอยู่ในความสนใจของผู้ใหญ่และเจ้านายชั้นสูงตลอดมา จนทำให้โรงเรียนมีมาตรฐานการศึกษาอบรมสูงสมฐานะเมื่อ ร.ศ. 127 และในปีต่อ ๆ มานักเรียนของโรงเรียนทุกคนต้องไป ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ทุก ๆ ปี แม้ภายหลังจะยกเลิกเสีย แต่ก็ย่อมแสดงถึงฐานะของโรงเรียนเป็นอย่างดี ครู อาจารย์ และนักเรียนเก่าก็ล้วนแต่เป็นผู้มีวิทยาคุณและเกียรติอันควรคารวะทั้งสิ้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 ทางราชการได้ยุบเลิกมณฑลต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองอินทร์บุรีและเมืองพรหมบุรีเข้ากับเมืองสิงห์บุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา ซึ่งก็คือพระราชวังจันทรเกษม ในส่วนของตึกที่ทำการภาค (อาคารมหาดไทย) และพระที่นั่งพิมานรัตยา แต่อาคารหลังอื่น ๆ ในพระราชวัง ทางโรงเรียนก็ได้ขอใช้ทำการเรียนการสอนต่อ แต่ก็ส่งผลทำให้สถานที่เล่าเรียนของโรงเรียนมีพื้นที่น้อยลง และในปี พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจาก “มณฑลกรุงเก่า” เป็น “จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำคัญทางการบริหารการปกครองมากขึ้น การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา[1] จนเมื่อยกเลิกการปกครองระบบเทศาภิบาลตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารส่วนอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2467 เปลี่ยนให้มณฑลต่าง ๆ นั้นเลื่อนฐานะเป็นจังหวัดแต่อยุธยายังคงเป็นมณฑลเทศาภิบาลอยู่ จนกระทั่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน และก็เป็นผลทำให้โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่า เปลี่ยนชื่อมาเป็นโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ดังปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 พระผู้ทรงพระราชทานกำเนิดโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยในปัจจุบัน

หลังจากที่เปลี่ยนชื่อโรงเรียนจากโรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่ามาเป็นโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยแล้วนั้น การเรียนการสอนก็เป็นไปอย่างราบรื่นและได้เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด นับจากปี พ.ศ. 2448 จนถึงปี พ.ศ. 2483 โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยมีอายุถึง 35 ปี ที่ใช้อาคารเรียนอยู่ด้านหลังพระราชวังจันทรเกษม จนประชาชน ชาวบ้านเรียกกันว่า โรงเรียนหลังวัง จนมีศิษย์เก่าสำเร็จการศึกษาเป็นจำนวนมาก และซึ่งศิษย์เก่ารุ่นแรก ๆ เหล่านี้เป็นบุคคลที่มีเกียรติอันควรคารวะ อาทิ

ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรืออำมาตย์ตรี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม รัฐบุรุษอาวุโส อดีตนายกรัฐมนตรี 3 สมัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และยังเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เข้าศึกษาใน ร.ศ. 131 หรือ พ.ศ. 2455 และสำเร็จการศึกษาใน ร.ศ. 134 หรือ พ.ศ. 2458 เลขประจำตัว 791

พลตรี พลเรือตรี นาวาอากาศเอก ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าศึกษาใน ร.ศ. 131 หรือ พ.ศ. 2455 และสำเร็จการศึกษาใน ร.ศ. 136 พ.ศ. 2460 เลขประจำตัว 640 สิ่งที่เป็นอนุสรณ์คือสร้างหอพระพุทธรูปและมอบทุนการศึกษา

พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ หรือหม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์ อดีตองคมนตรี สิ่งที่เป็นอนุสรณ์ คือ ตั้งทุนถาวรมอบให้โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

วิโรจน์ กมลพันธ์ อดีตธรรมการจังหวัดและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เลขประจำตัว 684

ชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย รวมทั้งครู อาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิอีกมากมายหลายท่าน ทำให้ประชาชนในมณฑลกรุงเก่าขณะนั้น ให้การยอมรับและพร้อมใจกันส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษาเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้นทุก ๆ ปีจนสถานที่นั้นคับแคบลงทุกปี

จนกระทั่งเมื่อ ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ นักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2481 – พ.ศ. 2484) ได้ตั้งปณิธานที่จะใช้เครื่องมือทางการคลังสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติ สร้างความเป็นธรรมและความสุขสมบูรณ์แก่ราษฎร และได้มีแผนที่จะปรับปรุงเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา และได้เล็งเห็นว่า สถานที่ตั้งของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย แต่เดิมนั้นคับแคบ ไม่มีโอกาสขยายได้อีกเท่าที่ควร ซึ่งโดยความหวังของท่านศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ นั้น มุ่งหวังที่จะให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีมหาวิทยาลัยด้วย

ฉะนั้น เมื่อนายวิโรจน์ กมลพันธ์ นักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ซึ่งดำรงตำแหน่งธรรมการจังหวัดในขณะนั้นได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องการย้ายสถานที่ตั้งของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ มีความเห็นชอบด้วย จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (รัชกาลที่ 8) ซึ่งได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่าน บริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท และได้มีพระราชดำรัสตรัสสั่ง ให้จัดสร้างอาคารตึกถาวร 2 ชั้น 1 หลัง เป็นสถานศึกษาโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยที่แข็งแรง สง่างาม พร้อมกันนี้ยังได้จัดสร้างหอประชุมพระราชทานอีก 1 หลัง และบ้านพักครูอีก 20 หลัง”

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล

พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 พระผู้ทรงพระราชทาน

กำเนิดโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยในปัจจุบัน

จากนั้น ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ ได้มอบหมายให้ หลวงบริหารชนบท ข้าหลวงประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้พิจารณาเลือกสถานที่ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโชคดีของโรงเรียนที่จะได้ไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมมาก โดยหลวงบริหารชนบทได้เสนอแผนการก่อสร้างสนองความประสงค์ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และได้รับการเห็นชอบ เพราะเห็นว่าอยู่ในเกณฑ์เหมาะสม เป็นโรงเรียนรัฐบาลของจังหวัด นอกจากนี้ยังสามารถขยายบริเวณออกไปให้กว้างขวางได้อีก ซึ่งความหวังของท่าน ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ นั้น มุ่งหวังที่จะให้มีมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นด้วยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในอนาคต

หลวงบริหารชนบทได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่า “สถานที่ตั้งของโรงเรียนนี้เหมาะสมมาก โดยอยู่จุดกึ่งกลางของเกาะเมืองและมีบริเวณสภาพแวดล้อมที่สวยงาม มีปูชนียสถาน ซึ่งเหมาะสมกับสถานศึกษา ด้านหน้าของโรงเรียนก็เป็นที่ตั้งของ สวนสาธารณะบึงพระราม ด้านหลังก็เป็นถนนที่ตัดตรงมาจากกรุงเทพฯ มีสถานที่ราชการสองฝั่งถนน ซึ่งเหมาะสมในทุกๆด้าน”

งานก่อสร้างได้เริ่มขึ้นเมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2482 แล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2483 โดยมีหลวงบริหารชนบท เป็นกรรมการควบคุมการก่อสร้าง พร้อมกันนี้ยังได้ควบคุมงานก่อสร้างหอประชุมพระราชทานอีก 1 หลัง และบ้านพักครูอีก 20 หลังด้วย และอาคารเรียนนั้นได้ทำพิธีเปิดอาคารเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2484 และเนื่องจากอาคารหลังนี้สร้างขึ้นจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทีได้ทรงพระราชทานให้จัดสร้าง ครู อาจารย์ และนักเรียนตั้งแต่บัดนั้นจึงเรียกว่า “อาคารพระราชทาน”

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร

และเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2534 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่ออาคารนามว่า “สิริมงคลานันท์” ซึ่งยังคงความปลาบปลื้มมาแก่ชาวอยุธยาวิทยาลัยที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ที่ได้ทรงพระราชทานนาม “สิริมงคลานันท์” มาให้ตราบเท่าทุกวันนี้

ภายหลังจากที่ทรงพระราชทานชื่ออาคาร เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ มาทรงเป็นประธานเปิดแพรคลุมป้ายอาคาร “สิริมงคลานันท์” และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงทอดพระเนตรห้องพิพิธภัณฑ์ทางการศึกษาทั้ง 9 ห้อง บนอาคารสิริมงคลานันท์ รวมทั้งยังทรงปลูกต้นพิกุลไว้ด้านหน้าอาคารอเนกประสงค์ขณะที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้วย เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนินมายังโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

ต่อมา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานมอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินแก่ราษฎรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ หอประชุมพระราชทาน รัชกาลที่ 8 ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปลูกต้นพะยอม และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถทรงปลูกต้นประดู่กิ่งอ่อนไว้ด้านหน้าหอประชุมพระราชทาน รัชกาลที่ 8 อีกด้วย เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนินมายังโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ ของพระบาทสมเด็จปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ที่ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์นั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งกว่าจะหาที่เปรียบได้ สร้างความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งแก่พวกเราชาวอยุธยาวิทยาลัยและชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงทำให้การเรียนการสอนของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ

ครั้นถึงปี พ.ศ. 2486 – 2487 ประเทศไทยต้องประสบปัญหาภัยคุกคามจากสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น และผลกระทบจากภัยสงครามก็ทำให้โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยจำเป็นต้องรับภาระด้วย กล่าวคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขออาศัยใช้สถานที่เรียนเป็นการลี้ภัยชั่วคราว จึงทำให้นักเรียนโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยมีการเรียนกันอย่างกระท่อนกระแท่น ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ครู อาจารย์ และนักเรียนก็เต็มใจและยินดี เพราะถือได้ว่าได้ให้ความช่วยเหลือเอื้ออารีที่ยิ่งใหญ่แก่เพื่อนร่วมชาติและแก่สถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของไทยอันสูงส่ง

เมื่อชาติบ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติในยุคต่อ ๆ มา การเรียนการสอน การศึกษาของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยได้ขยายตัวอย่ารวดเร็ว มีอาคารเรียนถาวรเพิ่มขึ้นอีกหลายอาคาร ภายใต้การบริหารของผู้อำนวยการโรงเรียน ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่อีกหลายท่านที่ล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาก จำนวนครูและนักเรียนก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เทคนิคและวิธีการสอนรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงได้ถูกนำมาบรรจุเข้าไว้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน อย่างค่อนข้างพร้อมมูลในโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

ปัจจุบัน โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย จัดการเรียนการสอนแบบสหศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยมีการพัฒนาทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงเรียนได้รับเกียรติบัตรรางวัลพระราชทาน จำนวน 5 ครั้งด้วยกัน ดังนี้ พ.ศ. 2522, 2537, 2546, 2557, 2561

และยังมีนักเรียนของโรงเรียนที่ได้รับเกียรติบัตรรางวัลพระราชทานเช่นกัน ซึ่งได้รับในปี พ.ศ. 2526, 2527, 2546, 2549, 2551, 2557

ลำดับการเปลี่ยนชื่อโรงเรียน

โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่า พ.ศ. 2448 – 2469

โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลอยุธยา พ.ศ. 2469 – 2476

โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย พ.ศ. 2476 – ปัจจุบัน

ข้อสังเกต โรงเรียนประจำมณฑลส่วนใหญ่จะมีคำสร้อย “วิทยาลัย” ต่อท้าย อาทิ ราชสีมาวิทยาลัย (โรงเรียนประจำมณฑลนครราชสีมา), ยุพราชวิทยาลัย (โรงเรียนหลวงประจำมณฑลพายัพ), ภูเก็ตวิทยาลัย (โรงเรียนตัวอย่างมณฑลภูเก็ต), ร้อยเอ็ดวิทยาลัย (โรงเรียนประจำมณฑลร้อยเอ็ด) และอยุธยาวิทยาลัย เป็นต้น


รางวัลพระราชทานสำหรับนักเรียน นักศึกษาและสถานศึกษา เกิดขึ้นจากน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระราชปรารภแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ม.ล. ปิ่น มาลากุล) ในปี พ.ศ. 2506 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียน การศึกษา 2506 ใจความของพระราชปรารภมีว่า “มีนักเรียนจำนวนมากซึ่งมีความประพฤติดีและมีความมานะพยายามศึกษาเล่าเรียนได้ผลดี รวมทั้งมีโรงเรียนซึ่งจัดการศึกษาดี จนนักเรียนได้รับการเรียนดีเป็นส่วนรวม นักเรียนและโรงเรียนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวสมควรจะได้รับรางวัลพระราชทาน และทรงยินดีจะพระราชทานรางวัลให้”
ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ (โดยกรมวิชาการ) ได้รับพระราชปรารภมาพิจารณาดำเนินการด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่ปฏิบัติสืบต่อมา เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสอันดีในการทำกิจกรรมที่สนองพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว รางวัลพระราชทานยังเป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามาตรฐานคุณภาพการศึกษาของชาติให้ดียิ่งขึ้นด้วย จึงเป็นที่ตระหนักชัดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชนั้นทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงเล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาแห่งชาติ พระราชทานขวัญกำลังใจแก่นักเรียน นักศึกษาที่มีความประพฤติดี มีผลการเรียนดี ตลอดจนผู้บริหารสถานศึกษาที่จัดการศึกษาได้มาตรฐานดีเด่นด้วยการพระราชทานรางวัลให้ ซึ่งในระยะแรกทรงพระราชทานด้วยพระองค์เองจวบจนบัดนี้เป็นเวลาเกือบ 40 ปี กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการและพัฒนางานมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันมีนักเรียน นักศึกษาได้รับรางวัลพระราชทานไปแล้วกว่า 3,000 คน มีสถานศึกษาที่เป็นผู้นำทางวิชาการประมาณกว่า 2,000 แห่ง

โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยได้สมัครเข้ารับการพิจารณาเพื่อเข้ารับรางวัลพระราชทานทั้งของนักเรียนและสถานศึกษา โดยเข้ารับคัดเลือกในระดับจังหวัดได้เป็นลำดับที่ 1 แล้วจึงเข้ารับการพิจารณาได้ระดับเขตการศึกษา และเขตตรวจราชการ โดยนำเสนอการพัฒนาระบบทั้งองค์กร 6 ประการคือ

1. มุ่งพัฒนาการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 นโยบายปัญจปฏิรูปของ กระทรวงศึกษาธิการและยุทธศาสตร์ 10 ประการของกรมสามัญศึกษา

2. เร่งพัฒนาการจัดการกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ มีกระบวนการคิดที่เป็นระบบ มีความคิดสร้างสรรค์ มีนิสัยรักการอ่าน และวิธีการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ

3. พัฒนาโรงเรียนให้มีบรรยากาศแห่งการเรียนรู้มีสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นสวยงาม น่าอยู่เพื่อให้นักเรียนมีนิสัยที่อ่อนโยน ภูมิใจและรักโรงเรียน

4. ส่งเสริม สนับสนุนให้ครู อาจารย์ ได้พัฒนาความรู้ความสามารถ สร้างสรรค์ผลงานดีเด่นตามมาตรฐานวิชาชีพครู

5. สนับสนุนให้ชุมชนองค์กรท้องถิ่น สมาคมศิษย์เก่า สมาคมผู้ปกครองฯเครือข่าย ฯลฯ ได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของโรงเรียน

6. มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนให้อยู่ในระดับดีเยี่ยม มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อขยายผล และพัฒนาแนวทางให้เกิดเป็นระยะที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ยังได้นำโครงการและกิจกรรมดีเด่นของโรงเรียน ได้แก่ การจัดการเรียนการสอน การพัฒนาองค์กร การจัดสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน โครงการส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ และระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน

คณะกรรมการประเมินโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

คณะกรรมการการประเมินเพื่อรับรางวัลพระราชทาน เข้ามายังโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย เพื่อประเมินโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยในทุกด้าน โดยเริ่มประเมินตั้งแต่นักเรียนเริ่มมาโรงเรียน จนถึงกลับบ้านในตอนเลิกเรียน การประเมินคณะกรรมการได้ทำการประเมินทุกรูปแบบ อาทิ ดูจากเอกสารร่องรอยของการดำเนินการ การสัมภาษณ์บุคลากรตั้งแต่ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนเก่า ครู อาจารย์ และที่สำคัญที่สุดคือการสัมภาษณ์นักเรียน ทั้งนักเรียนที่นัดหมายหรือนักเรียนที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างของคณะกรรมการเอง

สถานศึกษารางวัลพระราชทานและนักเรียนรางวัลพระราชทาน

โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรรางวัลพระราชทานถึง 5 ครั้ง โดยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2522 นายเจริญ ลัดดาพงศ์ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2537
นายจักรกฤษณ์ ธีระอรรถ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2546 นายอำนาจ ศรีชัย เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2557 นายเฉลิมศักดิ์ ภาระธัญญา เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และครั้งที่ 5 ในปี พ.ศ. 2561
นายวรากร รื่นกมล เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน รวมถึงนักเรียนโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยยังได้รับเกียรติรางวัลพระราชทานถึง 6 ครั้งอีกด้วย อาทิ นายวีระ ขันธชัย, นายณัฐพล อัศวสงคราม, นายอรรถพงษ์ รักขธรรม, นายต้นตระการ ทรัพย์ภักดี

สมาคมนักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

เป็นความมงคลสำหรับชาวอยุธยาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับ สมาคมนักเรียนอยุธยาวิทยาลัย ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปีพุทธศักราช 2527

หลักสูตรและแผนการเรียน

ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

-ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (ตามแนวทาง สสวท.)

-ห้องเรียนพิเศษโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) (วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์)

-ห้องเรียนพิเศษโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) (คณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษ)

ห้องเรียนปกติ 3 กลุ่มการเรียน ได้แก่

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์

-ห้องเรียนคณิตศาสตร์ – ภาษา

-ห้องเรียนทักษะชีวิต

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

-ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (ตามแนวทาง สสวท.)

-ห้องเรียนพิเศษโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) (วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์)

-ห้องเรียนพิเศษโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) (คณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษ)

-ห้องเรียนปกติ 4 กลุ่มการเรียน ได้แก่

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (เตรียม 4 เหล่า)

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์

-ห้องเรียนคณิตศาสตร์ – ภาษา

-ห้องเรียนทักษะชีวิต

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

-ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (ตามแนวทาง สสวท.)

-ห้องเรียนพิเศษโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) (วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์)

-ห้องเรียนพิเศษโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) (คณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษ)

ห้องเรียนปกติ 4 กลุ่มการเรียน ได้แก่

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (เตรียม 4 เหล่า)

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์

-ห้องเรียนคณิตศาสตร์ – ภาษา

-ห้องเรียนทักษะชีวิต

-ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

-ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม (โครงการเสริมสร้างศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ของกระทรวงศึกษาธิการ)

-ห้องเรียนปกติ จำนวน 10 แผนการเรียน

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (ห้องเรียนเน้นวิศวกรรมศาสตร์)

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (ห้องเรียนปกติ)

-ห้องเรียนคณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษ

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาญี่ปุ่น

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาฝรั่งเศส

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาเกาหลี

-ห้องเรียนคอมพิวเตอร์กราฟิก

-ห้องเรียนภาษาไทย – สังคมศึกษา (ห้องเรียนเน้นนิติศาสตร์ – รัฐศาสตร์)

-ห้องเรียนภาษาไทย – สังคมศึกษา (ห้องเรียนปกติ)

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

-ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม (โครงการเสริมสร้างศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ของกระทรวงศึกษาธิการ)

-ห้องเรียนปกติ จำนวน 10 แผนการเรียน

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (ห้องเรียนเน้นวิศวกรรมศาสตร์)

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (ห้องเรียนปกติ)

-ห้องเรียนคณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษ

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาญี่ปุ่น

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาฝรั่งเศส

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาเกาหลี

-ห้องเรียนคอมพิวเตอร์กราฟิก

-ห้องเรียนภาษาไทย – สังคมศึกษา (ห้องเรียนเน้นนิติศาสตร์ – รัฐศาสตร์)

-ห้องเรียนภาษาไทย – สังคมศึกษา (ห้องเรียนปกติ)

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

-ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม (โครงการเสริมสร้างศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ของกระทรวงศึกษาธิการ)

-ห้องเรียนปกติ จำนวน 10 แผนการเรียน

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (ห้องเรียนเน้นวิศวกรรมศาสตร์)

-ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ (ห้องเรียนปกติ)

-ห้องเรียนคณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษ

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาญี่ปุ่น

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาฝรั่งเศส

-ห้องเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาเกาหลี

-ห้องเรียนคอมพิวเตอร์กราฟิก

-ห้องเรียนภาษาไทย – สังคมศึกษา (ห้องเรียนเน้นนิติศาสตร์ – รัฐศาสตร์)

-ห้องเรียนภาษาไทย – สังคมศึกษา (ห้องเรียนปกติ)

รายนามผู้อำนวยการโรงเรียน ครูใหญ่ และอาจารย์ใหญ่

ตั้งแต่สถาปนาโรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่าขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2448 โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยก็ได้เจริญรุดหน้ามาโดยตลอด ทั้งนี้ก็เป็นเพราะบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนที่ได้ทุ่มเท ทั้งชีวิตและจิตใจ จนทำให้โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยประสบความสำเร็จมาถึงทุกว้นนี้ และผู้ที่สำคัญท่านหนึ่งในการเป็นผู้นำที่จะขับเคลื่อนสถานศึกษาให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน บุคคลนั้นก็คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2448 – ปัจจุบัน มีรายนามผู้บริหารสถานศึกษาเรียงตามลำดับ ดังนี้

1 ขุนประกอบวุฒิสารท (พระยาราชโยธา) พ.ศ. 2448 พ.ศ. 2449

2 พระอนุสิษฐ์วิบูลย์ (นายเปี่ยม จันทรสถิตย์) พ.ศ. 2449 พ.ศ. 2450

3 พระวิเศษกลปกิจ (นายรัตน์) พ.ศ. 2450 พ.ศ. 2450

4 ขุนบำเหน็จวรสาร (นายชิต) พ.ศ. 2451 พ.ศ. 2451

5 พระชำนาญขบวนสอน (นายเฉย สุกุมาลนันท์) พ.ศ. 2452 มิถุนายน พ.ศ. 2452

6 นายรัตน์ พ.ศ. 2452 พฤษภาคม พ.ศ. 2453

7 นายปุ่น มิถุนายน พ.ศ. 2453 พ.ศ. 2453

8 นายเล็ก พ.ศ. 2454 พ.ศ. 2454

9 นายผัน พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 พ.ศ. 2455

10 ขุนกลั่นวิชาสอน (นายวิชา) พ.ศ. 2456 พ.ศ. 2464

11 ขุนทรงวรวิทย์ (นายแม้น สุวรรณประภา) พ.ศ. 2464 กรกฎาคม พ.ศ. 2466

12 หลวงภารสาส์น (นายเฟื่อง นาวาชีวะ) พ.ศ. 2466 พ.ศ. 2477

13 นายฟุ้ง ศรีวิจารณ์ พ.ศ. 2478 พ.ศ. 2479

14 นายฉลวย สาตพร พ.ศ. 2479 มกราคม พ.ศ. 2481

15 นายสุรินทร์ สรศิริ พ.ศ. 2481 พ.ศ. 2482 60-90 วัน

16 นายสังข์ อิศรางกูร ณ อยุธยา พ.ศ. 2482 พ.ศ. 2484

17 นายเชื้อ สาริมาน พ.ศ. 2484 พ.ศ. 2486

18 นายเชื้อ สมบุญวงศ์ พ.ศ. 2486 พ.ศ. 2488

19 นายสุรินทร์ สรศิริ พ.ศ. 2489 พ.ศ. 2491

20 นายแวว นิลพยัคฆ์ พ.ศ. 2491 พ.ศ. 2498

21 นายจรูญ ส่องสิริ พ.ศ. 2498 พ.ศ. 2505

22 นายพิทยา วรรธนานุสาร พ.ศ. 2505 พ.ศ. 2516

23 นายเจริญ ลัดดาพงศ์ พ.ศ. 2517 พ.ศ. 2526

24 นายลือชา สร้อยพาน พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2528

25 นายมาโนช ปานโต พ.ศ. 2528 พ.ศ. 2530

26 นายชลิต เจริญศรี พ.ศ. 2530 พ.ศ. 2532

27 นายอุเทน เจริญกูล พ.ศ. 2532 พ.ศ. 2535

28 นายจักรกฤษณ์ ธีระอรรถ พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2542

29 นายวิโรจน์ ฟักสุวรรณ์ พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2543

30 นางรัชนี ศุภพงศ์ พ.ศ. 2543 พ.ศ. 2546

31 นายอำนาจ ศรีชัย พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2547

32 นายมาโนช จันทร์เทพ พ.ศ. 2547 พ.ศ. 2554

33 นายเฉลิมศักดิ์ ภาระธัญญา พ.ศ. 2554 30 กันยายน พ.ศ. 2559

34 นายวรากร รื่นกมล 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 30 กันยายน พ.ศ. 2562 2 ปี 323 วัน

35 นายสุชีพ บุญวงษ์ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ปัจจุบัน

บุคคลสำคัญและบุคคลที่มีชื่อเสียง

ข้าราชการทหาร ข้าราชการพลเรือน และนักการเมือง

ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส, ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผู้นำคณะราษฎรสายพลเรือน

พลตรี พลเรือตรี นาวาอากาศเอก ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี, สมาชิกคณะราษฎรสายทหารเรือ

พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์) องคมนตรี, ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, เลขาธิการพระราชวัง, อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์

ประมวล สภาวสุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นายกองเอก วิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, กรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน, สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ

วิโรจน์ กมลพันธ์ ธรรมการจังหวัด, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอยุธยานุสรณ์

ประเสริฐ บุญสม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เฉลียว จรัสศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย, นายกเทศมนตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

อุดม วัชรสกุณี รองอธิบดีกรมสามัญศึกษา, ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

อภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ดร.วิญญู อังคณารักษ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, รองเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

พลอากาศเอก วีระ กิจจาทร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ

ดร.สุธน จุลโมกข์ ผู้อำนวยการสำนักศึกษาธิการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, รองเลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา

ศาสตราจารย์ ดร.อำนัคฆ์ คล้ายสังข์ ประธานศาลฎีกา, กรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 5), ราชบัณฑิต

เชาวน์วัศ สุดลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ และในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 1, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่ 7

พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ สมาชิกวุฒิสภา, ตุลาการศาลทหารสูงสุด, กรรมการในคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ, ราชองครักษ์เวร, คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ, สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, กรรมการอิสระ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), กรรมการในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย, ปลัดกระทรวงกลาโหม, สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ, รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ, แม่ทัพภาคที่ 1, ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก, คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค

รองศาสตราจารย์ จักษ์ พันธ์ชูเพชร กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย, ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการศึกษาต่อเนื่องและรักษาการผู้อำนวยการสถานการศึกษาต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยนเรศวร

ศาสตราจารย์ สายัณห์ ไพรชาญจิตร์ คณบดีคณะโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร, อาจารย์ประจำวิทยาลัยพัฒน

ศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นักโบราณคดี

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ จรัญ มหาทุมะรัตน์ ผู้ก่อตั้งคณะทำงานแก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, อาจารย์และหัวหน้าหน่วยศัลยแพทยตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจิณณภัทร พิบูลวิทิตธำรง ผู้อำนวยการโรงเรียนนนทรีวิทยา, ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า และผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

สรรพสิทธิ์ มีสำราญ ผู้ช่วยผู้พิพากษาอันดับที่ 8 ของประเทศ ในการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาประจำปี พ.ศ. 2562

ศาสนบุคคล

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

นักธุรกิจ

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา เจ้าของบริษัทในเครือกรังด์ปรีซ์

ศิลปิน ดารา นักแสดง นักดนตรี นักกีฬา และผู้มีชื่อเสียง

สมบัติ พลายน้อย (ส.พลายน้อย) นักเขียนสารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ ประเพณี และสังคมไทยด้านต่าง ๆ

มาโนช พุฒตาล นักร้อง, นักดนตรี, นักจัดรายการดนตรีเพลงสากลทางโทรทัศน์, นักจัดรายการวิทยุ, ทำนิตยสารเกี่ยวกับดนตรี

ปาล พนมยงค์ ทนายความ นักกฎหมาย บุตรชายคนโตของ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์

ปราจีน ทรงเผ่า นักดนตรี, นักแต่งเพลง, หัวหน้าวงดนตรีดิ อิมพอสซิเบิ้ล

รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง (เอก) นักแสดง, นักร้อง, นักแต่งเพลง

ไชยา มิตรชัย (เสมา สมบูรณ์) พระเอกลิเกชื่อดัง, นักแสดง, นักร้อง, พิธีกร

กันต์ธีร์ ปิติธัญ (ซีดี The Star 10) นักร้อง, นักแสดง, แร็ปเปอร์

ชญาน์ทัต อยู่เป็นแก้ว (น้ำแข็ง AF7) นักร้อง

จ่าตรี เสกสรรค์ ทับทอง นักกีฬาเซปักตะกร้อประเภทคู่ทีมชาติไทย ได้รับเหรียญทองในกีฬาเอเชียนเกมส์ 2018 (จาการ์ตา ปาเล็มบัง 2018)

สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน

ตราประจำโรงเรียน ตราประจำโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย เป็นตราสังข์ทักษิณาวัตร ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า ภายในปราสาทใต้ต้นหมัน ซึ่งเป็นตราประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในวงกลมด้านในประดับด้วยลายกนก วงกลมด้านนอกเป็นสีแดงด้านบนเป็นชื่อโรงเรียนภาษาไทย ขั้นด้วยลายประจำยาม ส่วนด้านล้างเป็นชื่อโรงเรียนภาษาอังกฤษ แต่เดิมโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยเคยใช้ตราพระปรมาภิไธยย่อ อปร. ภายใต้พระมหาภิชัยมงกุฎ ด้านล่างตราเป็นชื่อโรงเรียน “อยุธยาวิทยาลัย” บนแถบแพรโค้ง แต่ในปัจจุบันได้อัญเชิญตรานี้เป็นตราของสมาคมนักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

อักษรย่อ อ.ย.ว. สำหรับเครื่องแบบนักเรียนทุกชั้นปี อักษรย่อ อ.ย.ว. สีกรมท่าหรือน้ำเงินเข้ม ประดับบริเวณอกข้างขวา

สีประจำโรงเรียน คือ สีขาวและสีแดง

สีขาว ความหมายของสีขาว คือ น้ำใจอันบริสุทธิ์ของชาวอยุธยาวิทยาลัย และชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สีแดง เป็นสีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ความหมายของสีแดง คือ โลหิตแห่งความเสียสละ โลหิตที่บรรพบุรุษได้อุทิศไว้ในดินแดนแห่งสยาม


ต้นพะยอม เป็นต้นไม้ประจำโรงเรียน ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปลูกไว้บริเวณหน้าอาคารหอประชุมพระราชทานรัชกาลที่ 8 เมื่อครั้งเสด็จฯ มาพระราชทานโฉนดที่ดินแก่ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ หอประชุมพระราชทาน โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย

ดอกพะยอม คือ ดอกไม้ประจำโรงเรียน

เพลงประจำสถาบัน

เพลงธง

เพลงธง ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง เรียบเรียงทำนองใหม่ โดยสุนทราภรณ์

ขาวแดงแสงส่องมองตระการ คู่สถานอยุธยาวิทยาลัย

ขาวแดงสุกสกาววับวาวสดใส สีขาวนั้นไซร้คือน้ำใจอยุธยา

ขาวแดงแสงโอภา สีแดงนั้นหนาคือว่าโลหิต

อุทิศติดเอาไว้ในแดนสยาม ขาวแดงแสงส่องมองงาม

คือว่านามอยุธยาวิทยาลัย เรารักนามนี้ไซร้ประหนึ่งชีวิต

ทุกหยาดโลหิตบริสุทธิ์อยุธยา

เพลงชาติเสือ

ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง เรียบเรียงทำนองใหม่ โดยสุนทราภรณ์

เราชาติเสือไว้ลายไม่ทิ้งชื่อ การกีฬาของเราลือระบือเสียง

อยุธยาวิทยาลัยนั้นไกรเกรียง เราพร้อมเพรียงการกีฬาสามัคคี

ธงขาว-แดงเป็นเครื่องหมายที่ยึดมั่น ยามแข่งขันพร้อมพรักเป็นศักดิ์ศรี

ให้ขาวแดงลอยเด่นเป็นผลดี เทิดเกียรติเทิดศรีสถานเรียน

เพลงเชียร์เถิดเรา (เดิน)

เชียร์เถิดเรา พร้อมจิตเร้าใจนักกีฬา เราเชียร์ เราเชียร์ถ้วนหน้า อยุธยาวิทยาลัย
เลือดทุกหยดหมดในเส้นสาย ไม่ใช่ใครคือ อยุธยา
เราอยุธยา ขาว-แดงส่องแสงสะอาดโอภา สี นั้นแสดงว่า
อยุธยาไม่เคยแพ้ใคร ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ

รวมเรารวมเรารวมใจมา รวมเรารวมเรารวมใจมา
หากจะเปรียบที่ศึกษา นั้นคือมารดาของเรา เราเปรียบด้วยลูกถูกขัดเกลา
แม่ให้เลือดเราว่าอยุธยา แต่ฉไนจะให้เขาเหยียด หลู่เกียรติผู้เป็นมารดา
ผู้ที่มีสมญา อยุธยาวิทยาลัย ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ

เพลงกราวอยุธยา

เชียร์เถิดนะพวกเรา อยุธยาเป็นโรงเรียนใหญ่

ขาว-แดง ขาว-แดง อยุธยาเป็นโรงเรียนใหญ่

นำหน้าใครใครในการกีฬา ผลของการศึกษา

เชิดชูอยุธยา ไชโย

พวกเราขาว-แดงแข็งแรงเหลือ ศึกเสือเหนือใต้

ไม่ถอยหนี บากบั่นฟันฝ่า

สู้ไพรรี ด้วยหวังเต็มที่จะมีชัย

สีแดงมันจะแข่งแสงอาทิตย์ ลือฤทธิ์ทั่วทั้งอยุธยา

สีขาวบริสุทธิ์ดุจจันทรา นี่แหละอยุธยาวิทยาลัย

เพลงชนะ

นี่แหละหนามานะของเรา ที่ได้เข้ามาชิงเอาชัย
ได้ชื่นชมสมหวังดั่งใจ ใช่เป็นของเราละเหวยยิ้มเสียเถิดขาวแดงของข้า
นำชัยมาให้ข้าชมเชย ช่างมานะเสียกระไรเลยอยุธยา

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม เราอิ่มเราเอมใจ ชัยที่เราได้นั้นคือฝีมือของเรา
เราชนะเราก็เซ็งแซ่ แม้เราแพ้เราก็ไม่เศร้า เพราะเลือดเราอยุธยาวิทยาลัย

เพลงอยุธยาพร้อมกัน

อยุธยาเราอยู่พร้อมกัน จงมีใจมั่นเอาชัย เพื่อโรงเรียนเรา เราจะต้องเข้าชิงเอาชัยไว้
จะตายจะเป็นให้เห็นแก่ชื่อให้ใครใครลือว่าเราไม่กลัวใคร

อยุธยาวิทยาลัย เลือดเนื้อเราไซร้ แต่น้อยคุ้งใหญ่อยุธยา
จะหลับจะตื่นจะยืนจะนั่ง ขาวแดงประดั่งอยู่ในกายข้า

การอันใดที่ได้กระทำ ถ้าหากว่านำชื่อมาสู่อยุธยา
เราจะบากบั่นเพื่อสถานศึกษา แม้จะสิ้นชีวาเราไม่คิดหวั่นเลย


เมดเล่ย์รวม (เพลงธง, เพลงชาติเสือ, เพลงอยุธยาพร้อมกัน)

รายชื่อนักดนตรีผู้ช่วยบรรเลงเพลงข้างต้น ได้แก่

Trumpet: สำรอง พูนทวี,ยงยุทธ มีแสง

Trombone: อรุณกรณ์ ชัยสุบรรณ์กนก

Alto Saxophone: ปิติ เกยูรพันธ์

Tenor Saxophone: ยงยุทธ อารัมภีร

Piano, Bass, Drums: ปราจีน ทรงเผ่า

บันทึกเสียง: ห้องบันทึกเสียง Music Source

ช่างบันทึกเสียง: เสริมศักดิ์ นิวาศานนท์

ช่างผสมเสียง: สนอง โสตถิลักษณ์

ควบคุมการผลิต: ปราจีน ทรงเผ่า