แลกเปลี่ยน เรียนรู้ แบ่งปัน
วิธีการตรวจสอบ เรื่องจริงหรือหลอกบน Social Network ก่อนเชื่อหรือแชร์
![]() วิธีการตรวจสอบรูปภาพ 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ images.google.com 3. เลือกวาง URl ของรูปภาพหรืออัพโหลดรูปภาพที่ต้องการตรวจสอบ 4. จากนี้ก็จะปรากฏเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีก็ข้อมูลจากเว็บต่างๆให้ตรวจสอบได้ว่า รูปภาพนี้มีที่มาอย่างไร มาจากเว็บไหน ที่สำคัญคือช่วงเวลาใด มีการนำมาเล่าใหม่และตัดต่อใดๆหรือไม่ วิธีการตรวจสอบข้อความที่ได้รับมา 3. ก็จะปรากฏเว็บไซต์เกี่ยวกับข้อความนั้นๆให้เลือกอ่าน ซึ่งสามารถตรวจสอบที่มาหรือแหล่งอ้างอิงต่อไป และหากข้อมูลดังกล่าวมาจากเว็บไซต์หรือแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ก็พอจะสามารถเชื่อได้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริง นี่เป็นเพียงแค่วิธีการตรวจสอบข่าวต่างๆเบื้องต้นเท่านั้น ที่สำคัญคือการใช้วิจารณญาณของคุณในการรับข่าวสาร อย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือในทันที เพราะนั้นอาจเป็นข่าวลวง ต้องตรวจสอบก่อนจะเชื่อเสมอ ที่มา : http://www.it24hrs.com/2014/check-news-on-social-network/ |
PoPcorn buzz-โทรแบบกลุ่ม-โทรฟรี
![]() นอกจากนี้เพื่อให้ทราบว่าใครกำลังพูดอยู่จะมีไอคอนแสดงอยู่ข้าง ๆ ชื่อของรายชื่อนั้น ซึ่งการโทรผ่าน Popcorn Buzz จะเป็นการโทรฟรีผ่านเน็ต ดังนั้นเราต้องมีแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตหรือเชื่อมต่อ Wi-Fi ก็ได้ การใช้งานง่าย ๆ เพียงใช้แอพ Popcorn Buzz สร้างกลุ่มขึ้นมาแล้วเพิ่มรายชื่อติดต่อเข้าไปในกลุ่ม จากนั้นก็สามารถโทรหาบุคคลในกลุ่มได้ทันที สูงสุด 200 คน เหมือนเป็นการประชุมสายกัน แต่ Popcorn Buzz กดโทรครั้งเดียวคุยกับทุกคนในกลุ่มได้ทันที แต่หากต้องการโทรหากันแบบตัวต่อตัวสามารถโทรได้ผ่านแอพ LINE ที่เราใช้กันอยู่ครับ |
พบแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว
![]() พูด-คุย สอบถามปัญหาสุขภาพกับแพทย์เฉพาะทาง ง่ายๆ เพียงเลือกแพทย์เฉพาะทางจากเมนู เพื่อพูด-คุย สอบถามปัญหาสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในบรรยากาศง่ายๆ แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว หรือ SOS _Specialist เกิดจากกลุ่มแพทย์ที่มีความคิดเห็นเหมือนกันว่า โลกในยุคปัจจุบันเข้าสู่ ยุค Digital ซึ่ง Social network เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของพวกเราเป็นอย่างมาก ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดี สามารถสือสาร และ รับข่าวสารกันได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ข่าวสารดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการกลั่นกรอง จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ข่าวสารและข้อมูลทางการแพทย์ ซึ่งถ้ามีการรับข่าวสารหรือข้อมูลทางการแพทย์อย่างผิดๆ และนำไปใช้หรือปฏิบัติตามนั้น อาจทำให้เกิดความเสี่ยงถึงชีวิตได้ กลุ่มแพทย์เฉพะทางบาทเดียว จึงได้จัดทำ website ที่ รวบรวมแพทย์เฉพาะทาง ทางด้านต่างๆ มาให้ข้อมูลความรู้ ข่าวสาร คำแนะนำเกี่ยวกับโรคต่างๆ การดูแลสุขภาพพื้นฐาน ที่เป็นข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง และเชื่อถือได้ กับประชาชนทั่วไป โดยช่องทางการสื่อสารนั้น ทางกลุ่มแพทย์เฉพาะทางบาทเดียวนั้น ได้นำประโยชน์ของ Social Network มาใช้ในการสื่อสารกับประชาชนทั่วไปได้อย่างรวดเร็วและเป็นกันเอง ผ่านทาง Facebook fanpage ประชาชนทั่วไปสามารถ เอาข้อมูล เกี่ยวกับสุขภาพ ของตัวท่านเอง หรือ สิ่งที่ท่านสงสัย มาปรึกษาแพทย์ได้โดยตรง |
เมื่อที่ 1 ของ ร.ร. กล่าวจบการศึกษา กับความจริงที่ทำให้ครูและเพื่อนๆ ต้องอึ้ง!
![]() เริ่มจากการที่กล่าวเรื่องเรียนทั่วไป จน Griffin Furlong เล่าถึงเรื่องชีวิตของตัวเอง เขาถามคนในนั้นว่า “What are you living for” ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่เพื่ออะไร รอเวลาให้ผ่านไปวันๆ? เขาอาจจะดูเหมือนวัยรุ่นปกติทั่วไป แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนไร้บ้าน (homeless) กริฟฟินต้องสูญเสียแม่ไปด้วยโรคลูคีเมีย ตอนเขาอายุเพียง 6 ขวบ หลังจากนั้น พ่อ พี่ชาย และตัวเขาก็ระหกระเหินเป็นคนไร้บ้าน มากว่า 12 ปี! ต้องไปอาศัยตามสถานที่ถูกจัดไว้เพื่อคอยช่วยเหลือคนไร้บ้าน (Homeless shelters) ‘Giving up is not an option’ เป็นคำพูดที่เขาย้ำตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งเขาพูดถึงช่วงที่ต้องเร่รอนเป็นคนไร้บ้านว่า ในตอนนั้นเขาก็เคยคิดที่จะถอดใจเหมือนกัน เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากที่เด็กคนหนึ่งไม่ควรต้องเผชิญ แต่เพราะเขาตระหนักดีว่าการได้รับการศึกษาดีๆ ในช่วงวัยรุ่นนั้นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีชึ้น กริฟฟินบอกให้ทุกคนฟังอีกอีกว่า “ทุกคนคงคิดว่าการที่ผมสอบได้คะแนนดีเป็นเพราะผมฉลาด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ผมพยายามจนให้ได้มาต่างหาก เพราะชีวิตผมเคยสูญสิ้นทุกอย่าง ผมไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว” เพราะฉะนั้นจงพยายามให้เต็มที่ ^^ ประโยคที่กริฟฟินกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ก็คือ “อย่าจมปลักอยู่กับอดีต แต่จงใช้มันเป็นแรงจูงใจสำหรับอนาคต”, “เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำได้นั้นมันยอดเยี่ยมแค่ไหน เมื่อเรามีแรงจูงใจ ความพยายาม กระตือรือร้น และที่สำคัญคือมีเป้าหมายในชีวิต” หลังจากตอนที่กริฟฟินกล่าวสุนทรพจน์ คุณครูก็รู้สึกตกใจมาก เพราะเธอก็ไม่เคยรู้ความจริงนี้มาก่อน อีกทั้งครูยังบอกว่า กริฟฟินเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนมาก เขาไม่เคยขาดส่งการบ้านแม้แต่ครั้งเดียว และยังสอบได้ที่ 1 ของชั้นเรียน มีผลการเรียนดีเด่นอีกด้วย เมื่อรู้แบบนี้ครูและเพื่อนๆ ก็ช่วยกันกระจายข่าว ช่วยเหลือกันระดมเงินทุนเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยให้เขา นอกจากนี้เพื่อนๆ ได้ตั้งฉายาให้ Griffin Furlong ว่า “Homeless but not hopeless” ไร้บ้านแต่ไม่ไร้ความหวัง! Avery แฟนสาวของ Griffin Furlong และพ่อแม่ของเธอเห็นถึงความมุ่งมั่น มานะอดทน พวกเขาชื่นชมในตัวกริฟฟินเป็นอย่างมาก นอกจากนี้พ่อแม่ของแฟนสาวก็จัดห้องพักให้กริฟฟินพักอาศัยด้วย แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์กริฟฟินก็ย้ายไปอยู่กับญาติของเขาแทน จากวัยรุ่นไร้บ้านที่เอาชนะความยากลำบากในวัยเด็ก เขาสามารถเรียนจบมัธยมและเป็นที่ 1 ของชั้นเรียน และมีกองทุนอีกกว่า $91,000 เพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งได้จากการที่เขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขา และตอนนี้ Griffin Furlong แฟนสาวก็เริ่มต้นทุนหาการศึกษาเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาอีกด้วย Griffin Furlong วางแผนที่จะเข้าศึกษาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริด้า ที่พี่ชายของเขาเรียนอยู่และกำลังจบการศึกษาในภาคฤดูร้อนนี้ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อปีสำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัยของกริฟฟินตกอยู่ที่ประมาณ $ 20,000 ต่อปี (รวมค่าการเรียนการสอน ที่พัก, อาหาร และหนังสือ) เรียบเรียงเขียนโดย teen.mthai.com |
เตือนนักช้อป ระวังภัยลวงซื้อของออนไลน์
![]() สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็ก ทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) เผยอัตราการเกิดภัยลวงการซื้อขายออนไลน์ สูงเป็นอันดับ 2 ของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นทั้งหมดในปีที่ผ่านมา พร้อมแนะทางป้องกันสำหรับนักช้อป ออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการจับจ่ายสินค้าเปลี่ยนไป ผู้คนหันมานิยมการซื้อสินค้าทางออนไลน์กันมากขึ้น ทั้งผ่านบัตรเครดิต เดบิต และตู้เอทีเอ็ม จึงทำให้ภัยดังกล่าวมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจากสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทย การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2557 มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 4,356.6 ล้านรายการ และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 8.7 และจากข้อมูลสถิติด้านภัยคุกคามไซเบอร์ของไทยในปี 2557 ที่รวบรวมขึ้นโดย ThaiCERT (ไทยเซิร์ต) ภายใต้เอ็ตด้า พบว่าการหลอกลวงซื้อขายออนไลน์ หรือ Fraud เป็นประเภทภัยคุกคามที่เกิดขึ้นสูงเป็นอันดับ 2 ของปี 2557 และคิดเป็นสัดส่วน 25.2% ของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยมักจะมาใน 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1.การถูกโจรกรรมข้อมูลระหว่างใช้บัตรเครดิตในการจ่ายสินค้าออนไลน์ 2. เกิดข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในกรณีคุณภาพของสินค้าไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ หรือเกิดความเสียหายระหว่างการส่งของ 3.เกิดข้อพิพาทในกรณีผู้ขายตั้งใจกระทำผิด เช่น การไม่ส่งของให้ตามที่ตกลง หรือส่งของที่ไม่เกี่ยว ข้องกับที่สั่งซื้อ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เอ็ตด้า ได้แนะนำแนวทางป้องกันและแก้ไขเมื่อประสบภัยลวงจากการซื้อขายออนไลน์คือ 1.ในกรณีของการป้องกัน ในเวลาที่มีการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ ผู้บริโภคควรลบข้อมูลบัตรเครดิตที่เคยบันทึกไว้บนเว็บไซต์ หรือระบบต่าง ๆ เพื่อไม่ให้มีคนลักลอบนำไปใช้ประโยชน์ต่อ และหากเกิดการโจรกรรมขึ้น ควรรีบติดต่อไปยังธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อระงับการใช้บัตร พร้อมเดินเรื่องในการเรียกเงินคืน และหากมีการออกบัตรใหม่ ควรรีบทำลายบัตรเก่าทิ้ง 2.ในกรณีที่เกิดข้อพิพาทกับผู้ขายกรณีสินค้าไม่ได้คุณภาพ หรือแตกหักไม่ครบถ้วน ให้ชี้แจงตามนโยบายการซื้อขายที่กำหนดไว้ในเว็บไซต์และ 3.ในกรณีที่ผู้ขายตั้งใจฉ้อโกงด้วยการไม่ส่งสินค้า หรือตั้งใจส่งสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงหลักฐานการจ่ายเงิน หมาย เลขบัญชีธนาคาร และข้อความที่ติดต่อระหว่างการซื้อขาย พร้อมนำเอกสารทุกอย่างไปแจ้งความและดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากเกิดปัญหาในการซื้อสินค้าบริการออนไลน์ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม สิ่งแรกที่ควรจะทำคือติดต่อ เจรจาต่อรอง และไกล่เกลี่ยกับผู้ขาย อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ซื้อของจากร้านค้าออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ Thaiemarket.com ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าและร้านค้าออนไลน์ ที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ เอ็ตด้า เตรียมเปิด OCC (Online Complain Center) หรือศูนย์รับเรื่องร้องเรียนออนไลน์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อดูแลทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในเรื่องการซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยเริ่มดูแลจากร้านค้าและผู้ซื้อสินค้าภายใต้ Thaiemarket.com ก่อน ใน 2 รูปแบบ คือ แบบออนไลน์ จะเริ่มเปิดให้บริการภายในสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ และแบบคอลเซ็นเตอร์ จะเริ่มให้บริการช่วงต้นเดือน ส.ค. เพียงโทรฯ แจ้งเรื่องที่เบอร์ 0-2123- 1223 ถือเป็นการเปิดมิติใหม่เพื่อยกระดับมาตรฐานและความน่าเชื่อถือให้อีคอม เมิร์ซไทยเทียบเท่าระดับสากล.“ ที่มา : เดลินิวส์ วันพฤหัสที่ 25 มิถุนายน 2558 |
แม่น้องฟิวส์ นร.ขายขนมใส่ไส้ สอนลูกรู้ค่าเงิน-เก็บออม
![]() ผู้สื่อข่าวได้ลงตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบน้องฟิวส์ เดินถือถุงขนมใส่ไส้มาเต็ม 2 มือ อย่างพะรุงพะรัง จากนั้นก็มีประชาชนที่มารอรถประจำทาง อีกทั้งพ่อค้าแม่ค้าขายของที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ต่างพากันรุมล้อมเข้ามาซื้อขนมใส่ไส้ โดยใช้เวลาไม่ถึง30นาที ขนมใส่ไส้ที่น้องฟิวส์นำมาขายก็หมดลง โดยบางรายซื้อถึง200บาท พร้อมกันนี้ยังมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมากอีกด้วย สอบถาม นางสินีนาฏ นาดง อายุ46ปี แม่ค้าขายของบริเวณดังกล่าว กล่าวว่า ตนอุดหนุนขนมใส่ไส้ของน้องฟิวส์เป็นประจำ เนื่องจากรสชาติมีความอร่อย พร้อมกันนี้ยังเป็นการสนับสนุนให้เด็กทำความดี ตนขอชื่นชมว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กดี มีความกตัญญูแบ่งเบาภาระของครอบครัว น้องฟิวส์ กล่าวว่า เริ่มช่วยแม่ขายขนมใส่ไส้ได้ประมาณ3ปีกว่าแล้ว ครั้งแรกที่เริ่มขายขนมใส่ไส้ก็คือ ตลาดคลองถม ครั้งแรกอายมากที่ต้องมาขายขนม แต่แม่ก็สอนว่าอย่าไปอาย เพราะเราทำอาชีพสุจริต จากนั้นความอายที่จะขายขนมก็หายไป แล้วเปลี่ยนมาเป็นความภาคภูมิใจ ที่ได้ช่วยเหลือครอบครัว โดยวันธรรมดาหลังเลิกเรียน จะขายอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ เนื่องจากมีผู้คนพลุกพล่าน ส่วนวันเสาร์จะขายอยู่ที่สีลม และวันอาทิตย์จะขายอยู่ที่ตลาดศาลาน้ำร้อน ส่วนราคาที่ขายขนมนั้น ราคา6ห่อ20บาท โดยวันนี้นำมาขาย 500ห่อ ไม่น่าเชื่อว่าไม่ถึง30นาที ขนมจะขายหมดลงเร็วขนาดนี้ ซึ่งเร็วกว่าเมื่อวานอีก ปกติจะขายหมดเวลาประมาณ19.00-20.00น. สำหรับในอนาคต ตนฝันอยากจะเป็นวิศวกร ที่สร้างหุ่นยนต์ หรือไม่ก็เป็นนักเขียนโปรแกรม ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ศรีเจริญอพาร์ทเม้นท์ เลขที่122/4-185ห้อง205ซอยจรัญสนิทวงศ์12แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นห้องพักของน้องฟิวส์ โดยที่ห้องดังกล่าวได้พบกับ น.ส.ทัศนีย์ เติมบริรักษ์ อายุ43ปี แม่ของน้องฟิวส์ พร้อมกล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ภายในห้องนี้กับลูก 3คน คือน้องเฟิร์ส น้องเฟิร์น และน้องฟิวส์ โดยน้องฟิวส์เป็นผู้ชายคนเดียวของครอบครัว ส่วนสามีได้เลิกกันมาได้ประมาณ14ปี ที่ผ่านมา ตนเลี้ยงลูกทั้ง3คนมาโดยลำพัง แต่ก่อนตนประกอบอาชีพขายของเบ็ดเตล็ด ตามตลาดนัดต่างๆ เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ตนก็จะเดินทางไปรับลูกที่โรงเรียน แล้วก็พาลูกๆ ทั้ง3คน ไปขายของด้วยทุกครั้งเป็นเวลา10กว่าปี ต่อมาเศรษฐกิจไม่ดี คนเริ่มซื้อของน้อยลง ประกอบกับรายจ่ายของตนก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่าย ตนจึงเลิกขายของเบ็ดเตล็ด โดยเริ่มมาขายขนมใส่ไส้อย่างจริงจังได้ประมาณ3ปี ซึ่งไปรับขนมมาจากเพื่อนที่รู้จักกันมาขาย น.ส.ทัศนีย์ กล่าวอีกว่า ครั้งแรกตนขายขนมเพียงลำเพียง ต่อมาก็ให้ลูกๆ มาช่วยขาย โดยเริ่มจากน้องเฟิร์ส น้องเฟิร์น ส่วนน้องฟิวส์นั้นเริ่มให้ช่วยขายตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่5 ที่ให้น้องฟิวส์มาช่วยขายขนม ก็เพราะว่าตอนนั้นน้องฟิวส์ติดเกมส์ ตนอยากให้ลูกห่างจากเกมส์ จึงให้มาช่วยขายขนม พร้อมกับสอนให้รู้จักค่าของเงิน ว่าแต่ละบาทกว่าจะได้มานั้นมีความยากเย็นแค่ไหน หลังจากที่น้องฟิวส์ มาขายของได้สักระยะ ก็รู้สึกว่ารู้นั้นโตขึ้น รู้จักประหยัด รู้จักใช้เงินรู้จักเก็บรู้จักออม ตรงนี้ตนภูมิใจมากที่ลูกๆ ไม่เหลวไหล.. |
วีดีทัศน์บรรยาย ว7/2558 หลักเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน
![]() |
แนะนำ Mobile Application- Police i lert u
![]() ประชาชนสามารถติดตั้งลงใน smartphone ได้ฟรี ไม่มีค่าบริการใดๆ |
ว7/2558 หลักเกณฑ์และวิธีการ
![]() สามารถดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดได้จากลิงค์ด้านล่างต่อไปนี้ หนังสือเวียน ว7/2558 แบบคำขอและแบบรายงาน |
10 สุดยอด “Google Trick” เพื่อการศึกษา
|