นับจากที่ Coffee Talk ได้ออกมายลโฉมและสร้างแรงบันดาลใจต่างๆ ให้แก่ผู้ที่ได้สัมผัสมันในปี 2020 ตอนนี้ก็เป็นเวลา 3 ปีที่ภาคต่ออย่าง Coffee Talk Episode 2: Hibiscus & Butterfly ได้ถูกปล่อยออกมาให้เล่นกันถ้วนหน้าโดยที่ไร้เงาของผู้ให้กำเนิดเกมชุดนี้อย่างคุณ Mohammad Fahmi เกมภาคต่อขวัญใจมหาชนเกมนี้จะยังคงดีและสามารถรักษาเอกลักษณ์เดิมจากเกมภาคแรกไว้ได้หรือไม่

เนื้อเรื่องสุดประทับใจ แต่แลกมาด้วยการกระจายบทที่ไม่ดีเท่าที่ควร

เนื้อเรื่องในภาคนี้จะถูกเซ็ตอยู่ในช่วงกลางปี 2023 ณ เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองที่ๆ เหล่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตนานาชนิดจากต่างโลกมาอาศัยอยู่รวมกันท่ามกลางเทคโนโลยีที่ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจกับสังคมจริงๆ กันน้อยลงและไปให้ความสนใจกับสังคมภายในโลกเสมือนจริงที่มีชื่อว่าอินเตอร์เน็ตและโซเชียล แต่ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น ยังคงมีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่งที่พร้อมเปิดรับผู้คนต่างๆ ที่ต้องการพบปะผู้คนจริงๆ สานสัมพันธ์ และไขความกระจ่างของชีวิต โดยร้านนั้นมีชื่อว่า Coffee Talk 

จากซ้ายไปขวา : รีโอน่า สาวแบนชีผู้ไร้ความมั่นใจ, จอร์จิ ลุงตำรวจหัวหน้าครอบครัว และลูคัส หนุ่มเซเทอร์ยูทูปเบอร์ชื่อดัง

เนื้อเรื่องของภาคนี้จะมีการดำเนินเรื่องเช่นเดียวกับภาคแรก นั่นคือเราจะเป็นบาริสต้าของร้านที่จะคอยรับฟังปัญหาและเรื่องราวต่างๆ ของผู้คนที่เข้ามาในร้าน แต่ในขณะที่เนื้อเรื่องของภาคแรกจะเน้นหนักไปที่ความสัมพันธ์ แต่ว่าเนื้อเรื่องภาคนี้จะเน้นไปที่ความมั่นใจในตัวเองและการเผชิญหน้ากับปัญหา เนื่องจากภาคนี้ได้เอาประเด็นของโซเชียลเข้ามาเล่นหนักมาก จึงทำให้เกมภาคนี้มีการพูดถึงการบูลลี่ในโลกออนไลน์ การเปลี่ยนแปลง และการปรับตัว ดังนั้นทางผู้สร้างจึงได้เพิ่มตัวละครหลักตัวใหม่เข้าไปถึงสองตัวเพื่อให้โลกของเกมภาคนี้สามารถดำเนินต่อไปได้ โดยจะมี ลูคัส หนุ่มเซเทอร์ยูทูปเบอร์ที่ตอนนี้คอนเทนต์ของตัวเองกำลังถึงทางตัน และ รีโอน่า สาวแบนชีผู้ที่ใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นโซปราโน่ แต่กลับโดยสังคมโซเชียลบูลลี่จนทำให้ความมั่นใจเหือดหายไป อีกทั้งยังมีตัวละครสมทบอีกมากมายที่รอให้คุณไปค้นหา ซึ่งเนื้อเรื่องของตัวละครเหล่านี้แหละที่ทำให้ตัวเกมมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ชวนติดพัน และชวนให้ผู้เล่นเอาใจช่วยให้ตัวละครเหล่านั้นมีฝันที่เป็นจริง อีกทั้งเนื้อเรื่องของภาคนี้มีจุดเชื่อมต่อบางอย่างกับภาคแรก ซึ่งใครที่ไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนอาจจะไม่เข้าใจในจุดๆ นั้นได้ ดังนั้นก่อนทีจะเล่นภาคนี้ ทางเราขอแนะนำให้ไปเล่นภาคแรกมาก่อนเพื่อทำความเข้าใจในโลกของเกมและเพิ่มลดปัญหาในการชงเสิร์ฟเครื่องดื่ม


แต่ว่าข้อเสียของการมีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามา นั่นคือ การกระจายบทของตัวละครอื่นๆ จะถูกลดลงเป็นอย่างมาก โดยภาคนี้ได้เอาตัวละครตัวเก่าๆ จากภาคแรกกลับมากันครบ ทำให้เกิดปัญหาการกระจายบทที่ไม่เท่ากันซึ่งต่างจากภาคแรกที่มีตัวละครเยอะ แต่ก็มีการกระจายบทที่เท่ากัน ทำให้ตัวละครทุกตัวสำคัญและเด่นเท่ากันหมด ต่างจากภาคนี้ที่ตัวละครสำคัญบางตัวจากภาคแรกนั้นมีบทที่จางซะเหลือเกิน เล่นๆ ไปบางทีก็ลุ้นว่าจะโผล่มาเมื่อไร จนบางทีก็ลืมไปเลยว่าเคยมีตัวละครตัวนี้อยู่ในเกมด้วย และบางตัวก็มีบทที่โคตรเด่นจนไม่รู้ว่าจะเด่นไปไหน

บรรยากาศที่ชวนคิดถึง และการออกแบบที่เหมือนย้อมสี

เกมนี้ถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบของเกมแนว Visual-Novel ที่มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ติดตามและสนุกและการจำลองบรรยากาศของร้านกาแฟที่เกมทำได้ออกมาเหมือนกับว่าเรากำลังเป็นบาริสต้าของร้านกาแฟจริงๆ ซึ่งในเกมภาคนี้ถือว่าก็ยังคงรักษาสิ่งที่ดีงามแบบนี้เอาไว้ได้อย่างดีมาก ใครที่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนแล้ว พอได้จับภาคนี้ คุณอาจจะรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เหมือนกับตอนที่เราได้เล่นภาคแรกเป็นครั้งแรกได้เลย อีกทั้งการเลือกใช้เพลงประกอบที่เป็นเพลงแนวเดียวกับภาคแรกอย่างแนว Lo-Fi ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากที่ช่วยทำให้ผู้เล่นนั้นผ่อนคลายในช่วงที่เล่น เสมือนกันได้มาหาอะไรจิบในร้านกาแฟจริงๆ อีกทั้งในภาคนี้ตัวเนื้อเรื่องยังมีความยาวแบบจุใจ โดยเนื้อเรื่องของภาคนี้จะมีความยาวเพิ่มเข้ามาเท่าหนึ่งจากภาคแรก ซึ่งในภาคแรกจะมีความยาวของเนื้อเรื่องอยู่ที่ 5-6 ชั่วโมงต่อการเล่นให้จบในหนึ่งครั้ง แต่ภาคนี้จะมีความยาวของเนื้อเรื่องอยู่ที่ 8-10 ชั่วโมงต่อการเล่นให้จบในหนึ่งครั้ง บอกได้เลยว่าด้านเนื้อเรื่องนี่จัดเต็มแบบสุดๆ


ในส่วนของตัวละครนั้นถูกออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์หมดทุกตัว ทุกตัวละครในเกมนี้สามารถถูกจดจำได้ง่ายแม้จะแค่แรกเห็น แต่ว่ากลับมีบางตัวละครที่ทางเรารู้สึกว่ามันถูกย้อมมาจากภาคแรก โดยบางตัวมีเค้าโครงและลักษณะทุกอย่างเหมือนกับตัวละครจากภาคแรกเลย ต่างแค่สีและลักษณะบางอย่างเท่านั้น ถึงในเกมจะมีอยู่ไม่เยอะ แต่มันก็อาจจะทำให้ผู้เล่นขัดใจได้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

และในส่วนของโหมดเกมนั้น ตัวเกมภาคนี้ก็ใช้รูปแบบเดียวกับภาคแรกเลยคือโหมดเนื้อเรื่องและโหมด Endless ที่จะให้เราเสิร์ฟกาแฟไปเรื่อยๆ และไม่มีการเพิ่มโหมดเกมใหม่ๆ เข้ามาแม้แต่น้อยซึ่งเป็นไปได้ว่าทางผู้สร้างอาจจะอยากไปเน้นที่เนื้อเรื่องซะมากกว่า

เกมเพลย์เหมือนเดิมแต่อัปเกรดขึ้น ท้าทายขึ้น และไม่เป็นมิตร

ในส่วนของเกมเพลย์ในภาคนี้จะเป็นรูปแบบเดียวกันกับภาคแรกเลยครับนั่นคือการชงกาแฟและการวาดลาเต้อาร์ทให้ถูกต้องตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งการชงนั้นไม่ซับซ้อน แต่ว่าการผสมส่วนผสมต่างหากที่ชวนให้ท้าทาย โดยภาคนี้ได้เพิ่มสูตรกาแฟใหม่ๆ เข้ามาพร้อมกับวัตถุดิบหลักอย่างดอกชบาและดอกอัญชัน ชวนให้เราได้คิดค้นสูตรเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อทำให้ลูกค้าประทับใจและทำให้ผู้เล่นเองก็ประหลาดใจด้วยเหมือนกันว่า "มันมีสูตรเครื่องดื่มนี้จริงๆ ในโลกด้วยเหรอ"

และทีเด็ดสำคัญอีกอย่างของเกมเพลย์ก็คือ ฟีเจอร์การคืนและมอบของให้ลูกค้า ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ของเกมภาคนี้ โดยเป็นฟีเจอร์ที่จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องเช่นเดียวกับการชงและเสิร์ฟกาแฟ โดยอาจเป็นการคืนของที่ลูกค้าลืมไว้ที่ร้านหรือว่าเป็นการมอบของที่ลูกค้าอีกคนฝากเอาไว้ให้ หากเราคืนหรือมอบให้ถูกคน ก็จะส่งผลให้เนื้อเรื่องของลูกค้าคนนั้นเป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้ แต่หากเราลืมคืนหรือมอบของให้ เนื้อเรื่องของลูกค้าคนนั้นอาจจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่กว่าที่เคยเป็นก็ได้ โดยฟีเจอร์นี้จะสามารถใช้ได้แค่ช่วงที่ต้องเสิร์ฟกาแฟเท่านั้น และถึงแม้จะไม่ใช่ฟีเจอร์ที่แปลกใหม่อะไร แต่ก็ช่วยให้เกมเพลย์ของเกมภาคนี้มีสิ่งใหม่ๆ ทำให้ผู้เล่นต้องคิดมากกว่าเดิม และช่วยให้เกมนั้นลึกขึ้น


ถึงแม้จะมีสิ่งใหม่ๆ ที่ชวนให้สนุกและท้าทาย แต่มันกลับไม่เป็นมิตรต่อผู้ที่ไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนแม้แต่น้อย เพราะว่าตัวละครบางตัวที่เป็นตัวเก่าๆ จากภาคแรกนั้นมักจะชอบสั่งของโปรดตัวเองเคยได้สัมผัสมาแล้วจากภาคแรก โดยไม่มีไกด์หรือบอกใบ้สักนิดเลยว่าต้องใช้ส่วนผสมอะไรบ้างในการชง ทำให้ผู้ที่ไม่เคยเล่ยภาคแรกมาก่อนอาจจะมีมึนๆ กันบ้าง

งานภาพที่สวยน่ารักเช่นเดียวกับภาคแรก และบัคที่แทบไม่มีให้เห็น

เกมนี้ยังคงใช้กราฟฟิคแบบเดียวกับภาคแรก นั่นคืองานภาพแบบอนิเมะที่ถูกวาดออกมาในรูปแบบของ Pixel ทำให้ภาพในเกมดูสบายตา น่ารักสวยงาม และไม่กินแรงเครื่องอีกด้วย ดังนั้นหากคอมพิวเตอร์ใครที่มีสเปกต่ำและไม่ค่อยแรง ก็ยังสามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งผู้พัฒนายังขัดเกลาเกมออกมาได้เป็นอย่างดีและไม่มีบัคให้เห็นเลยแม้แต่น้อย จึงบอกได้เลยว่าด้านงานภาพและประสิทธิภาพของเกมนี้ทำออกมาได้เต็มสิบเลย

สรุป

ถึงแม้เกมจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่ มีการกระจายบทของตัวละครที่ไม่เท่ากัน การออกแบบบางอย่างที่ดูเหมือนว่าใช้ของเดิมจากภาคแรก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาคนี้ยังสามารถคงบรรยากาศเก่าๆ จากภาคแรกเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตาม มีตัวละครใหม่ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีเกมเพลย์ใหม่ๆ ที่ช่วยยกระดับให้เกมมีความลึกมากขึ้น ทำให้ภาคนี้ถือว่าเป็นเกมภาคต่อที่ไม่ควรพลาดประการทั้งปวง และมันอาจจะอยู่ในใจและส่งต่อแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับผู้เล่นไปไม่มากก็น้อยเลย

คะแนนรวม

"MUST PLAY"

Available On

ทานสเลด - TransladeThai, 2023. All Right Reserved.